ผู้อาวุโสชิงหยาง!
หม่าไท่เจิ้นกับฝูทงนึกถึงคนผู้หนึ่งในชั่วพริบตา
บุคคลในตำนานระดับจักรพรรดิที่ชื่อสะท้านโลกต้าอวี่เมื่อนานมาแล้ว ในเขตแดนดาราจื่อเหิงเองก็เรียกได้ว่าหาตัวจับยากผู้หนึ่ง
อวี่ชิงหยาง!
เขาเป็นระดับจักรพรรดิที่โดดเด่นตระการตาที่สุดในหมู่บรรพชนเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ พลังต่อสู้อยู่ในชั้นยอดของโลกมาแปดพันปี มีฉายาว่า ‘จักรพรรดิดาบชิงหยาง’ รุ่งโรจน์เหนือฟ้าดารา
เพียงแต่เมื่อนานมากแล้ว หลังจากจักรพรรดิดาบชิงหยางออกท่องเที่ยวก็ไร้ข่าวคราว จวบจนตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ที่อยู่ของเขา
แต่หม่าไท่เจิ้น ฝูทงกลับคิดไม่ถึงว่าในมือหลินสวินดันมีป้ายคำสั่งที่จักรพรรดิดาบชิงหยางพกติดตัวเสียได้!
ชั่วขณะเดียวสายตาที่พวกเขามองหลินสวินก็เปลี่ยนไป
ขณะนี้อวี่อวิ๋นเหอยิ่งตื่นเต้น ร้องออกมาคล้ายไม่อาจควบคุมความรู้สึกได้ว่า “เจ้ารีบบอกมาว่าเหตุใดในมือเจ้าถึงมีป้ายคำสั่งของผู้อาวุโสชิงหยางเผ่าข้าได้”
หลินสวินสังเกตเห็นอย่างฉับไวว่าสถานการณ์ออกจะไม่ชอบมาพากล
สมัยอยู่ที่ป่าต้นหม่อน เขาเคยใช้โคมมหามรรคไร้มลทินช่วยสิ่งมีชีวิตน่ากลัวไว้กลุ่มหนึ่ง ก่อนสิ่งมีชีวิตน่ากลัวกลุ่มนี้จากไปก็มอบของบางอย่างให้เขา
ป้ายคำสั่งอักษร ‘อวี่’ ป้ายนี้ ก็เป็นสิ่งที่ชายชราชุดดำที่แปลงกายมาจากดวงใจที่มีรูพรุนนับร้อยนับพันดวงหนึ่งมอบให้ก่อนจากไป
ตามคำพูดของชายหนุ่มจักจั่นทอง คนผู้นี้เป็นบรรพชนเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่คนหนึ่ง นิสัยสันโดษเย่อหยิ่ง เป็นสหายสนิทของมหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์
ตอนแรกคนผู้นี้มาป่าต้นหม่อนกับผู้ร่วมมรรคคนอื่นๆ เพื่ออารักขามหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ โชคร้ายประสบเคราะห์ จึงเร่ร่อนมาถึงตอนนี้
เดิมหลินสวินนึกว่าหลังจากผู้อาวุโสตระกูลอวี่คนนี้จากไป จะต้องกลับไปที่ตระกูลของเขาแน่
แต่พอเห็นท่าทางตื่นเต้นเสียอาการเช่นนั้นของอวี่อวิ๋นเหอ เขาก็สงสัยอยู่ในใจอย่างห้ามไม่อยู่ หากไม่ใช่ผู้อาวุโสตระกูลอวี่คนนั้นไม่ได้กลับไปที่ตระกูล ก็เป็นอวี่อวิ๋นเหอไม่รู้เรื่องพวกนี้
หลินสวินชำเลืองมองอวี่อวิ๋นเหอแล้วเอ่ยว่า “รอไปถึงโลกต้าอวี่ พาข้าไปตระกูลพวกเจ้าหน่อย ข้าจะบอกที่มาที่ของเรื่องนี้กับเจ้าเอง”
“เจ้า…”
อวี่อวิ๋นเหอโกรธเกรี้ยว แต่เมื่อสบสายตาลุ่มลึกนั้นของหลินสวินเขาก็ตัวสั่นขึ้นฉับพลัน ทันใดนั้นก็ได้สติกลับมา รับรู้ได้ว่าตนมีฐานะเป็นเชลย
“ส่วนพวกเจ้าสองคน”
สายตาหลินสวินมองมายังหม่าไท่เจิ้นกับฝูทง ทำให้ทั้งสองต่างใจหดเกร็ง ราวกับนักโทษที่กำลังถูกตัดสิน
“ถึงโลกต้าอวี่แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าออกไป”
เมื่อหลินสวินพูดคำนี้ออกมา ทำให้พวกหม่าไท่เจิ้นเหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ก็ออกจะทำใจเชื่อได้ยากด้วย นี่จะ… ปล่อยพวกเขาไปแบบนี้เลยหรือ
เจ้าหมอนี่ไม่กลัวพวกเขากลับไปนำกำลังคนของสำนักมาทวงแค้นหรือ
หลินสวินไม่อธิบายอะไรอีก
เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากเรือน มองเห็นจวินหวนที่รูปลักษณ์โดดเด่นนั่งดื่มสุราอยู่จึงเดินเข้าไปหา
“เดี๋ยวก็จะถึงโลกต้าอวี่แล้ว”
หลินสวินยืนอยู่ด้านหนึ่งของหัวยาน เงาร่างสูงโปร่ง เสื้อผ้าไหวกระพือตามลม เอ่ยออกมาคล้ายรำพึง
ดวงตางดงามสดสวยทั้งสองของจวินหวนเผยรอยยิ้ม เอียงหัวมองหลินสวินที่อยู่ข้างกายแล้วเอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า “ยังกังวลว่าที่ข้าปรากฏตัวขึ้นบนยานข้ามโลกลำนี้ จะมีเป้าหมายที่บอกใครไม่ได้หรือ”
หลินสวินพูด “เจ้าว่าอย่างไรล่ะ”
นิ้วมือเรียวยาวขาวสะอาดของจวินหวนหยิบกาสุราขึ้นมา แหงนหน้าขึ้นดื่มอย่างหนำใจค่อยยิ้มเอ่ยว่า “วางใจได้ ข้าไม่ได้น่าเบื่อปานนั้นหรอก”
หลินสวินถาม “เช่นนั้นหลังจากเจ้าไปถึงโลกต้าอวี่แล้วมีแผนอะไร”
จวินหวนกะพริบตาปริบๆ เอ่ยว่า “ไม่งั้น ข้าจะไปกับสหายยุทธ์ดีไหม เจ้าไปที่ใดข้าก็จะไปด้วยได้ไหม”
ผู้ชายคนหนึ่งอย่างเขา แต่ทุกการกระทำกลับเจ้าชู้สำราญ แฝงเสน่ห์ทั้งยามสุขยามตรม งดงามจนเกินไป ทั้งยังทำให้หลินสวินรู้สึกหงุดหงิดไปครู่หนึ่ง
“ขออภัย ข้าไม่มีความคิดจะร่วมเดินทางกับเจ้า”
พูดจบเขาก็หันกายจากไป
การปฏิสัมพันธ์กับจวินหวนไม่ถึงกับเป็นการกีดกันบอกปฏิเสธ เพราะรูปลักษณ์ท่าทางและอากัปกริยาของอีกฝ่ายแม้เรียกได้ว่าน่าตื่นตะลึงหาใดเทียบ แต่ก็ไม่ได้ไว้ตัว กลับมีกลิ่นอายใจกว้างสูงส่ง
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้หลินสวินก็ยิ่งระมัดระวัง เกรงว่าถ้าหากตนสนิทด้วยมากไป จะเริ่มค่อยๆ ชื่นชอบอีกฝ่ายขึ้นมา…
“ฮ่าๆๆ”
เบื้องหลังเสียงหัวเราะกำเริบเสิบสานของจวินหวนดังขึ้น เจือน้ำเสียงหยอกเย้า และเสียงนั้นก็ยังแฝงไปด้วยความน่าดึงดูดเสียอย่างนั้น ราวกับเสียงหยกประดับกระทบกัน
เพียงได้ยินเสียงอย่างเดียว ใครก็คงคิดไม่ถึงว่านี่เป็นเสียงของผู้ชาย
หลินสวินยิ่งเร่งฝีเท้าจากมาให้ไวยิ่งขึ้น
บนยานข้ามโลกจวินหวนลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ เสื้อผ้าสีชมพูทั้งตัวไหวกระพือท่ามกลางสายลม ประหนึ่งดอกกุหลาบนับไม่ถ้วนกำลังผลิบาน
สายตาเขามองไปยังส่วนลึกของฟ้าดารา ใบหน้าหล่อเหลางดงามขาวสะอาดปรากฏแววทอดถอนใจ
“ทิวทัศน์ดวงดารางดงามปานนี้ กลับไม่ได้ร่ำสุรา ดื่มเหล้าเคล้าเสียงพูดคุยครื้นเครงให้หนำใจ ช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายครั้งใหญ่ในชั่วชีวิตจริงๆ…”
……
สามวันผ่านไป
ณ ที่ไกลออกไปในฟ้าดารา มีแสงอันเจิดจรัสโชติช่วงปรากฏขึ้น
ที่นั่นเป็นโลกใหญ่แห่งหนึ่ง ถูกปกคลุมอยู่ใต้ดวงดารานับหมื่นล้าน กฎระเบียบสอดประสานไหลเชี่ยวดั่งน้ำตก สาดแสงงดงามตระการตา
มองไกลๆ โลกนี้ก็เหมือนไข่ใบยักษ์ฟองหนึ่ง ลอยอยู่ใต้ดวงดารานับหมื่นล้าน แผ่กลิ่นอายกฎระเบียบของโลกที่หนาหนัก เก่าแก่และขมุกขมัว
ยานข้ามโลกที่พวกหลินสวินโดยสารมาใหญ่มากแล้ว แต่เทียบกับสิ่งนี้ก็เหมือนเมล็ดข้าวในทะเล เล็กจ้อยถึงที่สุด
โลกต้าอวี่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์