Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1786

สรุปบท ตอนที่ 1786 ชั่วขณะมรรคว่างเปล่า มรรคกระบี่สุดแพรวพราว: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1786 ชั่วขณะมรรคว่างเปล่า มรรคกระบี่สุดแพรวพราว – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 1786 ชั่วขณะมรรคว่างเปล่า มรรคกระบี่สุดแพรวพราว ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

น้ำเสียงราบเรียบนัก กอปรกับเสียงนุ่มนวลปานสายน้ำนั้นของจวินหวน ไม่มีพลังคุกคามใดให้พูดได้เลยสักนิด

แต่ภิกษุเฒ่าเหี่ยวแห้งกลับหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

ตูม!

ยานสมบัติทั้งลำระเบิดกระจุยในชั่วพริบตา กระแสปั่นป่วนน่าหวาดหวั่นม้วนตลบแผ่กระจาย

ชั่วพริบตานี้นอกจากภิกษุเฒ่าเหี่ยวแห้งแล้ว ภิกษุชุดดำระดับราชันอริยะที่มีร่างทองอรหันต์คนอื่นๆ ล้วนวิญญาณแตกซ่านท่ามกลางละอองแสงสีชมพูดั่งภาพมายากันหมด

เพียงแต่ภิกษุเฒ่าเหี่ยวแห้งไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขาสีหน้าเคร่งเครียด พอมองดูรอบทิศก็พบว่าที่ที่ยืนอยู่ถูก ‘ย้ายฟ้าเปลี่ยนดิน’ ไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้แล้ว!

เดิมทีพวกเขากำลังจะไปถึงโลกต้าอวี่ แต่ตอนนี้กลับยืนอยู่เหนือฟ้าดาราอันแปลกตาและกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง โดยรอบเวิ้งว้าง!

จวินหวนยืนอยู่กลางอากาศ เสื้อผ้าทั้งตัวปลิวไสว สองมือไพล่หลัง ท่วงท่าเจ้าสำราญ

แต่ในสายตาของภิกษุเฒ่าเหี่ยวแห้งแล้ว ขณะนี้ชายที่งามจนสะท้านจิตวิญญาณเช่นนี้กลับมีกลิ่นอายที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

เขายืนอยู่ตามสบาย แต่กลับเหมือนกลายเป็นนายเหนือหัวเพียงผู้เดียวของฟ้าดาราแห่งนี้ พลังทั้งกายปกคลุมไปสิบทิศอย่างเงียบเชียบไร้เสียง

ความรู้สึกที่มอบให้ผู้อื่นมีเพียงแปดคำสั้นๆ ว่า

เหนือฟ้าใต้หล้า มีข้าเป็นหนึ่ง!

“เจ้าเป็นใครกันแน่”

ภิกษุเฒ่าเหี่ยวแห้งเอ่ยปากเสียงเข้ม กลิ่นอายของเขาก็เปลี่ยนไป ประหนึ่งโพธิสัตว์คุมนรก สำแดงอานุภาพที่ไม่หวั่นกลัวและน่าเกรงขามยิ่ง ประหนึ่งว่าหากข้าไม่ลงนรก ผู้ใดเล่าจะตกนรก

พอเขาเอ่ยปาก ดวงดาราที่อยู่ใกล้เคียงก็สั่นสะเทือนปั่นป่วน เสียงธรรมอันยิ่งใหญ่ดังขึ้น!

จวินหวนถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “บนทางเดินโบราณฟ้าดาราสายนี้ต่างมองพวกข้าเป็นผีเร่ร่อนทั้งนั้น เจ้าว่าข้าเป็นใครล่ะ”

เมื่อเสียงดังขึ้น เขาก็เรียกกระบี่บินสีชมพูนามว่า ‘โฉมงามชั่วพริบตา’ เล่มนั้นออกมา

เมื่อสิ้นเสียงกระบี่บินโฉบพุ่งออกไป ชั่วพริบตาฟ้าดาราแห่งนี้ก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู ดอกกุหลาบเต็มฟ้าผลิบานอย่างเงียบๆ ละอองแสงไหลเวียน งามตระการดั่งภาพเขียน

ส่วนกระบี่บินเล่มนั้นแทงตรงเข้ากลางหน้าผากของภิกษุชราเหี่ยวแห้งแล้ว

ไม่อาจใช้ช้าเร็วมาบรรยายลักษณะของกระบี่นี้ได้แล้ว มันเป็นดั่งร่างแปลงของมหามรรคสายหนึ่ง

มรรคดำรงอยู่ทุกที่

กระบี่ก็ไปถึงทุกสถาน!

ภิกษุเฒ่าแห้งเหี่ยวสีหน้าเคร่งเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ระฆังน้อยหยกขาวขนาดสามชุ่นลูกหนึ่งผุดออกมาจากหว่างคิ้ว เข้าต้านทานคมกระบี่สีชมพูเปล่งปลั่งนั้น

ท่ามกลางเสียงปะทะ ระฆังน้อยสีขาวขนาดสามชุ่นนั้นระเบิดกระจุย ดวงดาราบริเวณใกล้เคียงต่างแหลกสลายเป็นผุยผงไปด้วย ห้วงอากาศพังถล่ม กลายเป็นพายุตลบขึ้นเต็มฟ้า

เงาร่างของภิกษุเฒ่าแห้งเหี่ยวปรากฏขึ้นอีกตำแหน่งหนึ่ง แม้ขวางกระบี่นี้ไว้ได้ แต่ที่หว่างคิ้วของเขากลับมีรอยแผลจากกระบี่สีโลหิตรอบหนึ่ง

เขาหน้าเครียด เอ่ยชัดถ้อยชัดคำว่า “ผีเร่ร่อนตนหนึ่ง จะมีพลังเหนือกฎเหนือฟ้าระดับจักรพรรดิได้อย่างไร”

จวินหวนมองดูฟ้าดารา สีหน้าเจือแววผิดหวัง พูดว่า “เหนือกฎเหนือฟ้ามันล้ำเลิศมากหรือ…”

เขาเหมือนเย้ยตัวเอง

และเหมือนนึกถึงความทรงจำที่ไม่อาจกลับไปได้บางอย่าง

ตูม!

ภิกษุเฒ่าแห้งเหี่ยวลงมือ แสงธรรมทั้งร่างแผ่ไพศาล เกิดเป็นโลกสถูปสามสิบหกแห่ง กฎระเบียบมหามรรคสอดประสานอยู่ในนั้น แสงธรรมที่กระจายออกมาฉายส่องฟ้าดารา

“กำราบ!”

โลกสถูปสามสิบหกแห่งซ้อนทับกัน ในแต่ละโลกล้วนมีเงาร่างเลื่อมใสศรัทธานับไม่ถ้วนกำลังท่องสวนคัมภีร์ เกิดเป็นบุปผาสวรรค์โปรยปรายแปรปรวน แสงธรรมส่องไปทั่ว อานุภาพเหลือคณา

จวินหวนสีหน้าเยือกเย็น เอ่ยว่า “คนดีส่งให้ถึงที่สุด ส่งภิกษุต้องส่งถึงตะวันตก… โอ๊ะ ข้าลืมไป แดนกษิติครรภ์ไม่แสวงหาสุขาวดี เช่นนั้นก็ส่งเจ้าไป… ตาย”

เสียงธรรมเลื่อนลอยยากจับต้องราวเสียงสวรรค์

แต่ที่เร็วยิ่งกว่าเสียงก็คือ ‘โฉมงามชั่วพริบตา’ เล่มนั้น

พริบตานั้นคมกระบี่ก็ทะลวงโลกสถูปสามสิบหกชั้น โลกแต่ละชั้นต่างถูกปราณกระบี่ไร้เทียมทานบดขยี้อย่างกำเริบเสิบสาน เสียงผู้เลื่อมใสสวดคัมภีร์กับแสงธรรมไร้สิ้นสุดที่เต็มเปี่ยมอยู่ภายในนั้นก็กระเจิดกระเจิงสะเทือนเลื่อนลั่น

ก็ในชั่วพริบตานี้เอง คมกระบี่สีชมพูเปล่งประกายก็เจาะทะลุร่างธรรมของภิกษุเฒ่าแห้งเหี่ยว ทะลวงหว่างคิ้วของเขาออกไป

ฟุ่บ!

โพรงเลือดหนาเท่าหัวแม่โป้งมีน้ำเลือดสีทองพวยพุ่งออกมา

ส่วนกระบี่บินสีชมพูก็กลับไปตรงหน้าจวินหวนนานแล้ว

ถ้าหลินสวินอยู่ตรงนี้ต้องจำได้อย่างแน่นอน ว่าจุดจบของภิกษุเฒ่าแห้งเหี่ยวกับเหล่าผู้แข็งแกร่งกลุ่มโจรสลัดวิหคกระดูกเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ล้วนถูกคมกระบี่แทงทะลุหว่างคิ้ว!

ภิกษุเฒ่าแห้งเหี่ยวคล้ายทำใจเชื่อได้ยาก เอ่ยพึมพำว่า “ชั่วขณะมรรคว่างเปล่า มรรคกระบี่สุดแพรวพราว… ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร… เป็นผีพเนจรตนหนึ่งจริงๆ ด้วย…”

เสียงแผ่วเบา อ่อนระโหย และค่อยๆ หายลับไป

ร่างของภิกษุเฒ่าแห้งเหี่ยวแหลกสลายเป็นเศษเสี้ยวนับไม่ถ้วนราวกับกระจก และเศษเสี้ยวเหล่านี้ก็แปลงสภาพเป็นเถ้าธุลีกระจายหายไป

ฟ้าดาราปั่นป่วน พลังระดับจักรพรรดิอันน่าหวาดหวั่นที่ยังหลงเหลืออยู่อึงอล

จวินหวนมองดูภาพนี้อยู่เงียบๆ

ชุดสีชมพูปลิวไหวท่ามกลางสายลม เขายืนอยู่บนฟ้าดาราเพียงลำพังราวกับสันโดษเดียวดาย!

เพียงแต่ครู่ต่อมามุมปากเขาก็มีรอยเลือดไหลออกมา ใบหน้าหล่อเหลางดงามก็ซีดขาวลงเล็กน้อย

เขาปาดมุมปากแล้วถอนหายใจเอ่ยว่า “ฆ่าระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง… เป็นเรื่องที่ไม่คุ้มจริงๆ”

เขาส่ายหัวหันกายจากไป

ยามนี้ฟ้าดาราอันไร้สิ้นสุดเบื้องหลังนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วเหมือนฟองสบู่

ครู่ต่อมาเงาร่างของจวินหวนก็ปรากฏขึ้นในห้วงอากาศที่อยู่ไม่ไกลจากโลกต้าอวี่อีกครั้งหนึ่ง

สายตาของเขามองดูโลกต้าอวี่แล้วเอ่ยอย่างผิดหวังว่า “ได้พบกันแต่จำกันไม่ได้ ศิษย์น้องหนอศิษย์น้อง เจ้ารู้ไหมว่าใจข้าก็โมโหนัก”

“แต่ช่วยไม่ได้ ถ้าให้เจ้าเฒ่าพวกนั้นรู้ความสัมพันธ์ของพวกเรา จะยอมรามือได้อย่างไร…”

ท่ามกลางเสียงพึมพำ เงาร่างของเขาหายลับไปจากที่เดิมช้าๆ

ตูม!

“มาดูมาชม สมบัติจากธรรมชาติทั้งโลก บนแผงข้ามีครบทุกอย่าง รับรองว่าไม่หลอกใครทั้งแก่เด็กจ้า!”

“เนื้อเจียวดำเสียบไม้ รสชาติล้ำเลิศ ไม้หนึ่งแค่ผลึกมรรคหนึ่งก้อนจ้า”

ทันทีที่หลินสวินเดินเข้าไปในเมืองศิลาเมฆ คลื่นเสียงวุ่นวายจอแจก็ปะทะเข้ามา กลิ่นอายของโลกโลกีย์แผ่กระจาย

มองไปรอบๆ เสียงคนเซ็งแซ่คึกคัก เห็นแต่ความคลาคล่ำจอแจ

หลินสวินตกอยู่ในภวังค์ไปครู่หนึ่ง

ตั้งแต่แหล่งสถานคุนหลุนมาถึงฟ้าดาราอันเงียบสงัดแห่งนั้น ยันโลกลำนำสวรรค์จวบจนมาถึงโลกต้าอวี่ในตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เหยียบเข้ามาในพื้นที่เมือง

มาเป็นคนต่างถิ่นที่มาต่างบ้านต่างเมืองเพียงลำพัง ในโลกต้าอวี่ที่ไม่คุ้นเคยโดยสิ้นเชิงแห่งนี้ หลินสวินไม่กังวลเลยว่าจะมีใครจำตนได้

เขาดูผ่อนคลายนัก เดินไปตามถนนอย่างสบายใจ ชมนกชมไม้ สัมผัสความอึกทึกครึกโครมที่ไม่ได้สัมผัสมานาน จิตใจสงบไปหมด

การปลีกตัวสันโดษและการเข้าสู่โลกโลกีย์ล้วนเป็นการฝึกปราณ

โลกโลกีย์ เจริญรุ่งเรืองจนพูดไม่หมด ทั้งยังมีเรื่องบนโลกของสรรพชีวิตนับไม่ถ้วน แม้ทิวทัศน์บนภูเขาจะสวยงาม แต่ใต้ภูเขาก็มีแก่นจริงแท้ของมหามรรคซ่อนอยู่เช่นกัน

อวี่อวิ๋นเหอตามหลังหลินสวิน เห็นเขามีท่าทางเที่ยวเล่นเพลิดเพลิน เดินเล่นไปตามถนนอย่างเรื่อยเปื่อย ในใจก็ให้สงสัยว่าถนนบ้าๆ นี่มีอะไรน่าเดินหรือ

ถ้าว่ากันเรื่องความเจริญ ที่น่านึกถึงที่สุดก็ต้องเป็น ‘เมืองประสานฟ้า’ นั่นถึงเป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของโลกต้าอวี่!

ตลอดทางหนานชิวก็ตาแทบพร่า ตั้งแต่เล็กนางเติบโตขึ้นในเผ่ามู่ซางของโลกลำนำสวรรค์ แม้ในตอนนี้มีพลังปราณระดับราชันแล้ว แต่จะไปเคยเห็นเมืองที่เจริญเช่นนี้ได้อย่างไร

แม้ว่าเมืองศิลาเมฆเป็นเพียงเมืองขนาดกลางในโลกต้าอวี่ แต่กลับเจริญกว่าเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกลำนำสวรรค์ไม่รู้กี่เท่า!

ก็ในตอนนี้เอง หนานชิวถึงรู้ซึ้งว่าเหตุใดผู้ฝึกปราณจากโลกลำนำสวรรค์จึงปรารถนาจะมาฝึกปราณที่โลกต้าอวี่ขนาดนี้…

“ถ้าข้าอยากไปสืบข่าวบางอย่าง ควรจะไปที่ไหนถึงเหมาะที่สุด”

จู่ๆ หลินสวินก็ถามขึ้นระหว่างทาง

อวี่อวิ๋นเหอตอบอย่างไม่ลังเลว่า “ย่อมเป็น ‘หอยินวาโย’ ขอเพียงเจ้าจ่ายไหว ในโลกต้าอวี่แห่งนี้ไม่มีอะไรที่พวกเขาไม่รู้”

หลินสวินเอ่ย “ถ้าเรื่องที่ข้าอยากรู้เกี่ยวกับแหล่งสถานคุนหลุนล่ะ”

อวี่อวิ๋นเหอพูดอย่างงุนงงว่า “นั่นเป็นถึงหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล หนำซ้ำแหล่งสถานคุนหลุนก็เข้าสู่สภาวะปิดตัวเงียบงันมาตั้งแต่หกปีก่อนแล้ว เจ้าจะอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไม”

“เจ้าไม่เข้าใจหรอก”

ถ้อยคำแผ่วเบาของหลินสวินทำเอาอวี่อวิ๋นเหอบื้อใบ้ไปครู่หนึ่ง

ก็ในตอนนี้เองอวี่อวิ๋นเหอหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เคลื่อนตัวเงียบๆ เหมือนต้องการจะหลบอะไร

หลินสวินเงยมองไปก็เห็นว่าบนถนนไกลๆ มีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาทางนี้ ผู้ที่นำหน้าเป็นชายหนุ่มที่มีเงาร่างกำยำ แต่งกายด้วยชุดงามหรูสีม่วงคนหนึ่ง เดินอย่างสง่าผ่าเผย บุคลิกเหนือธรรมดา

ทุกที่ที่คนกลุ่มนี้เดินผ่าน ทุกคนที่เดินสัญจรล้วนหลบให้ตามสัญชาตญาณ ดูเคารพยำเกรงหาใดเทียบ

“เอ๊ะ!”

ทันใดนั้นชายหนุ่มชุดหรูสีม่วงก็พบอวี่อวิ๋นเหอเข้า เขาเผยรอยยิ้มนึกสนุก เดินตรงแน่วก้าวมาหา

อวี่อวิ๋นเหอสีหน้าเหยเกไปครู่หนึ่งคล้ายรู้ว่าหลบไม่พ้น เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง หว่างคิ้วปรากฏแววเคร่งเครียด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์