“พี่สาม บังเอิญจังเลย”
พอเห็นชายหนุ่มชุดม่วงที่เดินเข้ามา ใบหน้าอวี่อวิ๋นเหอก็เค้นยิ้มแข็งทื่อ
ชายหนุ่มชุดม่วงดูกระตือรือร้นนัก เขาเดินมาข้างหน้า ตบไหล่อวี่อวิ๋นเหอแล้วเอ่ยว่า “น้องหก เจ้าไม่ไปฝึกที่สำนักยุทธ์เตาโอสถหรือ ไยถึงแจ้นมาที่เมืองศิลาเมฆล่ะ ถ้าถูกท่านอารองรู้เข้าเกรงว่าจะโกรธอีก
ชายหนุ่มชุดม่วงมีนามว่าอวี่อวิ๋นเจิง ลูกหลานเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ เป็นหนึ่งในญาติผู้พี่ของอวี่อวิ๋นเหอ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดใกล้ชิดกัน
เพียงแต่หลินสวินมองปราดเดียวก็ดูออกว่าความสัมพันธ์ของลูกพี่ลูกน้องคู่นี้คงไม่อาจพูดได้ว่าสนิทสนม
“พี่สามล้อเล่นแล้ว ท่านมาทำอะไรที่เมืองศิลาเมฆแห่งนี้หรือ”
รอยยิ้มอวี่อวิ๋นเหอฝืนมาก
อวี่อวิ๋นเจิงยิ้มเอ่ย “หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าข้ากับแม่นางหลันไฉ่อีกำลังจะหมั้นกันแล้ว คราวนี้มาเจรจาเรื่องงานหมั้น”
อวี่อวิ๋นเหออึ้งไป
หลันไฉ่อี บุตรสาวของหลันเทียนอวี๋เจ้าสำนักปราณศิลาเมฆ ฐานะสูงส่งลือชื่อ ทั้งยังเป็นหญิงงามแห่งยุคที่มีชื่อเสียงระบือไกลในโลกต้าอวี่
ครู่หนึ่งอวี่อวิ๋นเหอจึงได้สติกลับมา เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ต้องยินดีกับพี่สามแล้ว”
อวี่อวิ๋นเจิงหัวเราะชอบใจ “รอตอนข้าหมั้น เจ้าต้องกลับมาให้ได้ เท่านี้ก่อน ข้าขอไปก่อนแล้ว”
เขาพูดพลางพาเหล่าชายหญิงที่อยู่ข้างหลังจากไปอย่างผ่าเผย
อวี่อวิ๋นเหอมองพวกเขาจากไป สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ กัดฟันพูดกับตัวเองว่า “ดีใจจนลืมตัว คิดจริงๆ หรือว่าการแต่งงานกับผู้หญิงฐานะดีจะช่วยให้ชิงตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลไปได้ ข้าต่างหากที่เป็นลูกหลานสายตรง เป็นผู้สืบทอดของหัวหน้าตระกูลอย่างถูกต้อง!”
หลินสวินที่อยู่ข้างกันชำเลืองมอง ไม่ได้พูดอะไร
……
บนถนนไกลออกไป อวี่อวิ๋นเจิงหุบยิ้มลงไป นิ่วหน้าตรึกตรอง ‘ทำไมเจ้าโง่อวี่อวิ๋นเหอนี่ถึงแจ้นมาเมืองศิลาเมฆล่ะ…’
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกันคนหนึ่งยิ้มถาม “พี่อวี่ นั่นไม่ใช่ลูกของหัวหน้าตระกูลอวี่ของพวกเจ้า ศิษย์สืบทอดแท้จริงของสำนักยุทธ์เตาโอสถอวี่อวิ๋นเหอหรอกหรือ”
“เป็นเขาจริงๆ”
“นี่เป็นถึงลูกคุณหนูผู้มีชื่อเสียงล้ำเลิศในโลกต้าอวี่ของพวกเรา ขึ้นชื่อเรื่องความอวดดีไปทั้งใต้หล้า”
คนที่อยู่ข้างๆ ไม่น้อยหัวเราะขึ้นมา
ชื่อของอวี่อวิ๋นเหอ มีหรือพวกเขาจะไม่รู้จัก
อวี่อวิ๋นเจิงยิ้มเจื่อน ส่ายหัวแล้วถอนใจเอ่ยว่า “เฮ้อ น้องสามของข้าคนนี้แต่เล็กไม่เรียนหนังสือไม่รู้วิชา เอาแต่เที่ยวเล่น เรื่องสุรานารีไม่มีที่เขาไม่ช่ำชอง ทำให้ทุกคนได้เห็นเรื่องตลกเสียแล้ว”
หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยทันควันว่า “พี่อวี่ ได้ยินว่าอีกไม่นาน ‘การทดสอบประจำตระกูล’ ในตระกูลอวี่ของพวกเจ้าจะเปิดฉากขึ้นแล้ว ถึงตอนนั้นเป็นไปได้สูงที่จะเลือกหัวหน้าตระกูลน้อย มีคุณสมบัติจะได้สืบทอดอำนาจในตระกูล ข้าอยากแนะนำให้พี่อวี่ไปลองพยายามชิงดูสักครั้ง ถ้าปล่อยตำแหน่งหัวหน้าตระกูลน้อยให้ลูกคุณหนูนั่นสืบทอด…”
ยังไม่ทันพูดจบ ความนัยก็เปิดเผยออกมาอย่างไม่หมกเม็ด
อวี่อวิ๋นเจิงนัยน์ตาแน่วนิ่ง ยิ้มเอ่ยทันควันว่า “การทดสอบประจำตระกูลข้าย่อมไม่พลาดแน่ แต่จะชิงเอาตำแหน่งหัวหน้าตระกูลน้อยมาได้หรือไม่ ก็ได้แต่ทำให้ดีที่สุดและฟังลิขิตฟ้าแล้ว”
ระหว่างที่คนทั้งกลุ่มสนทนาก็เดินไกลออกไปช้าๆ
……
หลังจากได้พบอวี่อวิ๋นเจิง อวี่อวิ๋นเหอก็เปลี่ยนเป็นหนักใจมาตลอดทาง สีหน้าอึมครึมไปหมด
ตั้งแต่เริ่มจนจบหลินสวินไม่ได้สนใจ
เขาย่อมดูออกว่านี่เป็นการต่อสู้ภายในระหว่างทายาทตระกูลอวี่ เรื่องแบบนี้มีให้เห็นได้เจนตาทุกตระกูลไป
เพื่ออำนาจและตำแหน่ง เรื่องพี่น้องทะเลาะกัน พ่อลูกผูกแค้นกันมีอยู่มากมาย
แต่เห็นได้ชัดว่าในการต่อสู้ภายในของลูกหลานในตระกูลครั้งนี้ สถานการณ์ของอวี่อวิ๋นเหอไม่สู้ดีนัก
หอยินวาโย
ตั้งอยู่ในถนนพลุกพล่านแห่งหนึ่งในเมืองศิลาเมฆ จำแนกได้ง่ายนัก
เมื่อมาถึงที่นี่ รูปลักษณ์ของหลินสวินก็เปลี่ยนแปลงไปเงียบๆ แม้แต่บุคลิกลักษณะยังเปลี่ยนเป็นธรรมดาขึ้นมา นี่ก็คือเคล็ดวิชามหาไร้รูป
เพียงแค่โคจรพลังปราณ เว้นแต่เป็นคนที่มีอภินิหารพิเศษหรือเป็นระดับจักรพรรดิ หาไม่แล้วย่อมไม่อาจมองทะลุการปลอมตัวของเขาได้
อวี่อวิ๋นเหออึ้งไป คล้ายใคร่ครวญบางอย่าง
ส่วนหนานชิวเพียงแค่มองหลินสวินอย่างสงสัยแวบหนึ่งแล้วดึงสายตากลับมา เรื่องอะไรควรถามไม่ควรถาม ในใจนางย่อมรู้ดี
ไม่นานนักพวกหลินสวินก็เข้าไปในหอยินวาโย ผู้ดูแลหญิงผู้หนึ่งเดินมาต้อนรับ เอ่ยถามด้วยเสียงนอบน้อม
“ข้าอยากมาฟังเรื่องบางเรื่อง”
หลังหลินสวินแจ้งจุดประสงค์ที่มาแล้ว พวกเขาทั้งสามก็ถูกผู้ดูแลหญิงนำทางเข้าไปในห้องเงียบๆ ห้องหนึ่ง
“ข้าชิวหรง คารวะสหายยุทธ์ทุกท่าน”
ไม่นานนักชายชรารูปลักษณ์อ้วนท้วนสมบูรณ์คนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง พลังผนึกในห้องถูกเปิดออก ก่อรูปเขตผนึกสายหนึ่ง สามารถต้านการสอดแนมจากภายนอกได้
หลินสวินเอ่ยทันควันว่า “ข้าอยากรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับแหล่งสถานคุนหลุนเมื่อหกปีก่อน”
ชิวหรงอึ้งไปก่อนพยักหน้าน้อยๆ “หอยินวาโยของข้ารวบรวมข้อมูลนี้ไว้ไม่น้อยจริงๆ เพียงแต่เรื่องนี้ราคาออกจะสูง ถึงอย่างไรสหายยุทธ์ก็รู้ดี ว่าแหล่งสถานคุนหลุนเป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล เรื่องที่เกิดขึ้นภายในนั้นล้วนเป็นความลับชั้นหนึ่งในปัจจุบัน…”
ไม่ทันพูดจบก็ถูกหลินสวนิตัดบท “ผลึกมรรคเท่าไร”
ชิวหรงพลันยิ้ม ดูออกว่าหลินสวินเป็นคนตรงไปตรงมาไม่ชอบพูดจาพร่ำเพื่อ เขาชูนิ้วมือทั้งห้าขึ้นทันที “ห้าพันผลึกมรรค”
ปึง!
อวี่อวิ๋นเหอโกรธแล้ว มือตบลงไปบนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้า “แค่ข้อมูลบ้าๆ นิดเดียวเอง อ้าปากก็กล้าไถห้าพันผลึกมรรค เจ้าเฒ่า ทำไมเจ้าไม่ปล้นไปให้ชัดๆ เสียเลยล่ะ”
รอยยิ้มของชิวหรงเจื่อนลง แต่สายตามองไปที่หลินสวินแล้วเอ่ยว่า “จ่ายค่าตอบแทนมากเพียงไหน ก็จะได้รับข้อมูลราคาเท่านั้น สหายยุทธ์ ท่านว่าอย่างไร”
ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึก จ้องชิวหรงอยู่ครู่หนึ่งก็นำถุงเก็บของออกมาวางบนโต๊ะ เอ่ยว่า “อย่าทำให้ข้าผิดหวังจะดีที่สุด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์