อาจารย์โม่ก้าวเข้ามา เขาดูอดรนทนไม่ไหวอยู่บ้างแล้ว
“สหายยุทธ์ ให้ข้าลองดูได้หรือไม่”
ม้วนหยกอยู่ในมือของหูหมิง แต่อาจารย์โม่กลับเหลือบสายตามองไปทางหลินสวิน ประสานมือกล่าว ท่าทางถ่อมตัวเป็นอย่างยิ่ง
“ได้”
หลินสวินพยักหน้า
เขาก็สังเกตเห็นอวี่อวิ๋นเจิงและหลันไฉ่อีเช่นกัน นัยน์ตาดำวาบประกายเย็นเยียบ
ฮู่ว…
อาจารย์โม่สูดหายใจเข้าลึกๆ รับม้วนหยกจากมือหูหมิงแล้วแผ่จิตรับรู้เข้าไปข้างใน
ทุกคนในที่นั้นต่างกลั้นหายใจจดจ่อ
อาจารย์โม่ หนึ่งใน ‘สี่ยอดปฐมาจารย์สลักลายมรรค’ แห่งโลกต้าอวี่ ผู้อาวุโสอันดับแนวหน้า ใครเล่าจะไม่รู้จัก
ภารกิจนี้เขาเป็นคนตั้ง ตอนนี้ภารกิจจะสำเร็จหรือไม่ เขาเป็นคนที่มีสิทธิ์พูดมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
หลันไฉ่อีและอวี่อวิ๋นเจิงล้วนตื่นเต้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”
ครู่ใหญ่ให้หลัง ทุกคนก็เห็นอาจารย์โม่ร้องเสียงหลงออกมาราวกับถูกฟ้าผ่า สีหน้าเจือแววตื่นเต้นและเข้าใจกระจ่างอย่างยากปกปิด
ทุกคนต่างฮือฮาในชั่วขณะเดียว พลุ่งพล่านกันอย่างสมบูรณ์
คำตอบ ไม่ต้องพูดก็เข้าใจ!
แต่หลันไฉ่อีและอวี่อวิ๋นเจิงกลับใจเสีย สีหน้าไม่น่าดูอยู่บ้าง นี่… เป็นไปได้อย่างไร
กลับเห็นอาจารย์โม่สูดหายใจลึก สีหน้าถึงกับเจือความเลื่อมใสอย่างยากจะได้เห็น ทำท่าเหมือนขอคำชี้แนะ ประสานมือไปทางหลินสวินแล้วกล่าว “สหายยุทธ์ ข้าขอคำชี้แนะสักหน่อยได้หรือไม่”
“ท่านเป็นพวกเดียวกันกับพวกเขาหรือ”
หลินสวินเหลือบมองอวี่อวิ๋นเจิงและหลันไฉ่อีเล็กน้อย
อาจารย์โม่เผยรอยยิ้มขื่นทันที กล่าวอย่างละอายใจ “พูดตรงๆ อย่างไม่ปิดบัง ภารกิจนี้มาจากมือของข้าเอง เดิมต้องการหยั่งเชิงระดับความรู้ด้านลายมรรคของสหายยุทธ์เล็กน้อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะล่วงเกินสหายยุทธ์ ขอเจ้าโปรดอภัย”
เขาพูดพลางโค้งคำนับ
ทุกคนในที่นั้นต่างไหวหวั่น ตกตะลึงกันไปหมด อาจารย์โม่เป็นถึงปฐมาจารย์สลักลายมรรคที่ชื่อเสียงโด่งดังทั่วหล้า แต่ตอนนี้เขากลับก้มหัวต่อหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งเหมือนกระทำความผิด
“อาจารย์โม่ ไยต้องทำเช่นนี้ด้วย”
อวี่อวิ๋นเจิงลนลานแล้ว
อาจารย์โม่ส่ายหัว “เจ้าไม่เข้าใจ หลักการมีก่อนหลัง ผู้บรรลุได้ย่อมเป็นครู บนระดับความรู้ด้านลายมรรค สหายน้อยคนนี้บรรลุถึงขั้นสูงที่สามารถทำให้ข้าแหงนมองแล้ว ต่อให้ข้าต้องฝากตัวเป็นศิษย์ ขอแค่คลายข้อสงสัยในใจได้ก็ยอมทำด้วยความสมัครใจ”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็อดทอดถอนใจไม่ได้ อาจารย์โม่สมกับเป็นอาจารย์โม่ มารยาทและน้ำใจเช่นนี้จะไม่ให้คนนับถือล้วนยากนัก
หลินสวินกล่าว “หากท่านต้องการพูดคุย ประเดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้ ตอนนี้ข้าแค่อยากรู้ว่าค่าตอบแทนนี้ใครเป็นคนจ่าย”
อาจารย์โม่ยิ้มกล่าว “ข้าเป็นคนจ่ายก็ได้”
“ช้าก่อน”
หลันไฉ่อีก้าวเข้ามา “ค่าตอบแทนนี้ข้าเป็นคนแจ้ง แน่นอนว่าข้าต้องเป็นคนจ่าย หูหมิง เจ้าไปนำผลึกมรรคหนึ่งแสนชิ้นมา”
หูหมิงรีบพยักหน้ารับคำ
หอสมบัติศิลาเมฆนี้เดิมก็เป็นกิจการของสำนักปราณศิลาเมฆ หลันไฉ่อีเป็นถึงบุตรสาวของเจ้าสำนักหลันเทียนอวี๋ คำพูดของนางไม่ว่าใครก็ไม่กล้าต่อต้าน
“หึๆ นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าขโมยไก่ไม่ได้แถมยังเสียข้าวสารอีกกำมือ”
อวี่อวิ๋นเหอยิ้มหยัน
ในใจเขาไม่พอใจมาก ภารกิจครั้งนี้เป็นสิ่งที่อวี่อวิ๋นเจิงลอบวางแผนไว้ แม้ว่าหลินสวินจะทำสำเร็จในท้ายที่สุด แต่กลับทำให้อวี่อวิ๋นเหอแค้นเคืองเป็นอย่างยิ่ง
“น้องหก เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร”
อวี่อวิ๋นเจิงตวาด สีหน้าอึมครึม
ในใจเขาก็โกรธจนแทบเป็นบ้าอยู่แล้ว เดิมคิดจะทำลายความหยิ่งทะนงของหลินสวิน อาศัยสิ่งนี้มาเคาะเตือนอวี่อวิ๋นเหอสักหน่อย แต่ใครจะคิดว่าจะล้มเหลว!
“ข้าพูดอะไร”
อวี่อวิ๋นเหอระเบิดแล้ว “พี่สาม คิดจริงๆ หรือว่าข้าไม่รู้ว่าท่านมองข้าอย่างไร”
อวี่อวิ๋นเจิงเพิ่งหมายจะพูดอะไร หลันไฉ่อีก็มุ่นคิ้วกล่าว “พอแล้ว ยังทำเรื่องงามหน้าไม่พอรึ หรือพวกเจ้าสองพี่น้องอยากให้ทุกคนในที่นี้มองพวกเจ้าเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่เป็นตัวตลก”
อวี่อวิ๋นเจิงอ้ำอึ้ง
อวี่อวิ๋นเหอส่งเสียงฮึเย็นชา
แต่หลันไฉ่อีกลับมองไปทางหลินสวิน บนใบหน้าเยียบเย็นหยิ่งทะนงนั้นแย้มยิ้มกล่าว “คุณชายท่านนี้ เรื่องก่อนหน้านี้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด เพื่อเป็นการไถ่โทษ ข้ายินดีมอบห้าหมื่นผลึกมรรคเป็นค่าชดเชย”
ทุกคนในที่นั้นต่างส่งเสียงตื่นเต้นอย่างอดไม่ได้ แค่ขอโทษก็จ่ายให้ห้าหมื่นผลึกมรรค? มือเติบเสียจริง!
สิ่งที่เกินความคาดหมายกว่าคือ หลินสวินถึงกับปฏิเสธตรงๆ กล่าวราบเรียบ “ไม่จำเป็นแล้ว ข้านำไปแค่สิ่งที่ควรได้”
หลันไฉ่อีคิ้วขมวดเล็กน้อย แต่ยังยิ้มกล่าว “คุณชายใจกว้างมีเมตตา ข้าเองนับถือเป็นอย่างมาก ที่นี่คนพลุกพล่าน มิสู้พวกเราไปคุยกันตามลำพังดีไหม”
หลินสวินชำเลืองมองนางคล้ายขบคิด แล้วกล่าวว่า “ช่างเถอะ ข้าไม่สนใจไปยุ่งเรื่องของพวกเจ้า”
นัยน์ตากระจ่างของหลันไฉ่อีวาบประกายเย็นเยียบ โกรธแค้นอยู่ในใจ ในเมืองศิลาเมฆนี้ไม่เคยมีใครกล้าไม่ไว้หน้านางครั้งแล้วครั้งเล่า
อวี่อวิ๋นเจิงเอ่ยปาก หน้าตาชั่วร้าย “สหาย ไฉ่อีแค่อยากคุยกับเจ้า ทำไมต้องไม่รักษาน้ำใจเช่นนี้ด้วย”
น้ำเสียงเจือความข่มขู่
หลินสวินอดยิ้มไม่ได้กล่าว “ข้าไม่อยากและไม่ยินยอม หากนี่เป็นการไม่รักษาน้ำใจ เช่นนั้นเจ้าก็มองเป็นไม่รักษาน้ำใจไปก็แล้วกัน”
บรรยากาศกดดันและตึงเครียดขึ้นในชั่วขณะ
ผู้เฒ่าโม่รีบออกมาไกล่เกลี่ย ยิ้มกล่าว “ถือว่าเห็นแก่หน้าข้า ถอยกันคนละก้าวเป็นอย่างไร”
หลินสวินกล่าว “ได้ คิดเงินแล้วพวกเราจะไปทันที”
หูหมิงแววตาไหววูบ มองไปทางหลันไฉ่อี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์