“คุณหนู พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปนอกเมือง เป็นไปได้มากว่าจะจากไปวันนี้”
ผู้คุ้มกันคนหนึ่งรายงานอย่างรีบเร่ง
นัยน์ตาคู่งามของหลันไฉ่อีหดรัด กล่าวว่า “ลงมือเถอะ”
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ห้วงอากาศเกิดคลื่นสะเทือน เงาร่างสองสายปรากฏ คนหนึ่งคือชายชราเคราโค้ง อีกคนเป็นชายกลางคนพาดดาบ
“คุณหนู ต้องการเคลื่อนไหวทันทีเลยหรือไม่”
ชายชราเคราโค้งเอ่ยถาม
“ท่านลุงทั้งสอง ลำบากพวกท่านแล้ว”
หลันไฉ่อีพยักหน้าน้อยๆ
“ไป!”
ครู่ต่อมาชายชราเคราโค้งและชายกลางคนพาดดาบก็หายไป
“ไฉ่อี ทั้งสองท่านนี้คือ?”
อวี่อวิ๋นเจิงอดถามไม่ได้ เมื่อครู่นี้ยามพวกชายชราเคราโค้งปรากฏตัว เหมือนอยู่ดีๆ ก็มีภูเขาเทพสองลูกปรากฏ อานุภาพไร้รูปที่น่าหวาดกลัวนั้นกดดันจนหายใจลำบาก
“พวกเขาล้วนเป็นผู้อาวุโสแห่งสำนักปราณศิลาเมฆของข้า มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบิดาของข้าที่สุด คนหนึ่งชื่อว่าเหวยชง อีกคนชื่อว่าไฉเฟิง ล้วนมีพลังปราณระดับราชันอริยะ มีพวกเขาลงมือ สังหารปฐมาจารย์สลักลายมรรคระดับมกุฎมหาอริยะคนเดียวก็เป็นเรื่องเล็กจ้อย”
ทันทีที่หลันไฉ่อีกล่าวคำนี้ออกมา อวี่อวิ๋นเจิงก็สูดหายใจเย็นเยียบ
ในโลกต้าอวี่ราชันอริยะเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถก่อคลื่นลม หากอยู่ในเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ก็รับตำแหน่งผู้ดูแลหรือผู้อาวุโสได้ มีอำนาจล้นฟ้า!
หลันไฉ่อีกล่าว “อวิ๋นเจิง อวี่อวิ๋นเหอไม่น่ากลัวพอ คนที่เจ้าต้องระวังคือพวกร้ายกาจคนอื่นในหมู่คนรุ่นเยาว์ของตระกูลพวกเจ้า ข้าขอแนะนำว่าตอนนี้เจ้าควรกลับไปที่ตระกูล เริ่มเตรียมพร้อมเรื่องการทดสอบประจำตระกูลดีกว่า”
อวี่อวิ๋นเจิงพยักหน้ารับคำทันที
ผู้อาวุโสระดับราชันอริยะสองคนของสำนักปราณศิลาเมฆลงมือเอง ทั้งยังเป็นอาณาเขตของสำนักปราณศิลาเมฆ แค่กำจัดปฐมาจารย์สลักลายมรรคคนเดียวเท่านั้น ไม่มีทางเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรแน่
อวี่อวิ๋นเจิงกล่าวเตือน “ไฉ่อี เจ้าอย่าลงมือกับน้องหกคนนั้นของข้าเด็ดขาดเชียว”
หลันไฉ่อียิ้มกล่าว “วางใจเถอะ ข้ารู้จักแยกแยะ”
…
สวบ!
นอกเมืองศิลาเมฆ ยานขนส่งอวกาศปรากฏ พาหลินสวิน อวี่อวิ๋นเหอ หนานชิวทลายอากาศออกไป
“ตระกูลของพวกเราอาศัยอยู่บน ‘ภูเขาเทพนพเลิศ’ มารุ่นต่อรุ่น ห่างจากภูเขาเทพนพเลิศไปไม่ไกลก็คือ ‘เมืองประสานฟ้า’ เมืองหลวงอันดับหนึ่งของโลกต้าอวี่ รอเมื่อถึงที่นั่นแล้ว หากพี่หลินไม่รังเกียจ ข้าจะเป็นเจ้าภาพพาเจ้าและแม่นางหนานชิวชมทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองประสานฟ้าด้วยกัน”
บนยานสมบัติ อวี่อวิ๋นเหอยิ้มกล่าว
“ได้สิ”
หนานชิวรับคำอย่างยินดี
หลินสวินใจกระตุก เอ่ยถาม “คุณชายอวี่ ในโลกต้าอวี่ขุมอำนาจของสำนักไหนแข็งแกร่งที่สุด”
“หอกระบี่ดาราเลิศ”
อวี่อวิ๋นเหอพูดโดยไม่ต้องคิด “นี่คือสำนักอันดับหนึ่งของโลกต้าอวี่ ผู้ฝึกกระบี่ในสำนักมีนับไม่ถ้วน เป็นแหล่งรวมผู้แข็งแกร่ง”
“รองลงมาคือสำนักยันต์คลื่นวารี สิ่งที่สำนักนี้เชี่ยวชาญที่สุดก็คือวิถีสลักวิญญาณ อย่างอาจารย์โม่ที่พวกเราเจอก็มาจากสำนักนี้”
“ลำดับต่อมาก็คือสำนักยุทธ์เตาโอสถ…”
อวี่อวิ๋นเหอพูดจาฉะฉาน ไล่เรียงขุมอำนาจในใต้หล้าราวนับสมบัติในบ้าน
หลินสวินกล่าว “ตระกูลอวี่ของพวกเจ้าล่ะ เทียบกับขุมอำนาจสำนักพวกนี้แล้วเป็นอย่างไร”
แววตาของอวี่อวิ๋นเหอพลันเปลี่ยนเป็นอับแสงลงไม่น้อย กล่าวว่า “ตั้งแต่ปีนั้นที่ผู้อาวุโสชิงหยางจากไป อิทธิพลของตระกูลพวกเราก็ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนก่อน จนถึงทุกวันนี้ก็เทียบได้แค่สำนักยุทธ์เตาโอสถ”
เขาเว้นช่วงไปก่อนเผยความมั่นใจ “ทว่าหากพูดถึงความแข็งแกร่งของรากฐาน ทั้งโลกต้าอวี่ ถ้าตระกูลอวี่ของข้ากล้าพูดว่าเป็นที่สอง ก็ไม่มีใครกล้าพูดว่าเป็นอันดับหนึ่ง!”
“พี่หลิน เจ้าน่าจะยังไม่รู้ว่าชื่อของโลกต้าอวี่นี้ ‘จักรพรรดิอวี่’ บรรพชนตระกูลอวี่ของข้าเป็นคนตั้ง!”
หลินสวินก็อดประหลาดใจไม่ได้ โลกใหญ่แห่งหนึ่ง ใช้นามของเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่มาตั้งชื่อ!
นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ยิ่งใหญ่ถึงที่สุด
หลินสวินใคร่ครวญเล็กน้อยก็ตัดสินใจ รอเมื่อจากโลกต้าอวี่ไป จะหาสำนักที่ถูกใจให้หนานชิวฝึกปราณอยู่ที่นั่น
“คุณชายหลินโปรดหยุดก่อน!”
ทันใดนั้นนอกยานสมบัติพลันมีเสียงชราหนึ่งดังขึ้น
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ห้ามขยับ”
หลินสวินกลับเหมือนมีญาณทิพย์ สีหน้าราบเรียบ ลอยออกจากยานสมบัติไป
บนเส้นขอบฟ้าที่ห่างไกล ชายชราเคราโค้งเหวยชงกับชายกลางคนพาดดาบไฉเฟิงยืนอยู่กลางอากาศ ขวางหนทางข้างหน้าราวกับปราการธรรมชาติสองสาย
“หลันไฉ่อีให้พวกเจ้ามาหรือ”
หลินสวินเอ่ยปาก
เหวยชงเผยสีหน้าประหลาดใจเอ่ยว่า “ไม่ผิด คุณหนูไฉ่อียกย่องคุณชายมาก จึงให้พวกข้ามาพบคุณชายโดยเฉพาะ”
ไฉเฟิงที่อยู่ข้างๆ กล่าวด้วยเสียงเรียบง่ายลุ่มลึก “ขอไม่พูดมากความ หากคุณชายยอมตีตัวออกห่างจากอวี่อวิ๋นเหอนั่น ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขอะไร คุณหนูไฉ่อีล้วนรับปาก”
อวี่อวิ๋นเหอที่อยู่บนยานสมบัติใจกระตุกวูบ ทั้งตกใจทั้งโกรธแค้น เจ้าคนต่ำทรามอำมหิต!
เขามีหรือจะดูไม่ออกว่าการเคลื่อนไหวนี้มุ่งเป้ามาที่เขา
เหวยชงนำกล่องหยกใบหนึ่งออกมา ยิ้มอย่างเมตตาอ่อนโยน “เพื่อแสดงความจริงใจ ‘หญ้าแสงมรกตหมอกนิล’ ต้นนี้ถือเป็นของขวัญแรกพบ”
เฮือก!
อวี่อวิ๋นเหอสูดหายใจเย็นเยียบ หญ้าแสงมรกตหมอกนิล นี่เป็นถึงโอสถเทพไร้เทียมทานอย่างหนึ่ง มูลค่ามหาศาล หายากเป็นอย่างยิ่ง
อาศัยแค่จุดนี้อวี่อวิ๋นเหอก็สรุปได้ชัดยิ่งกว่าเดิม เพื่อจัดการเขา หลันไฉ่อีและอวี่อวิ๋นเจิงล้วนไม่สนใจอะไรแล้ว!
“ถ้าข้าไม่รับปากล่ะ” หลินสวินกล่าว
เหวยชงเก็บรอยยิ้มกล่าว “คุณชายเป็นคนฉลาด น่าจะรู้ดีว่าควรเลือกอะไรจึงจะเป็นหนทางที่ชาญฉลาดที่สุด”
ไฉเฟิงกล่าวเสียงแข็ง “สละชีวิตตัวเองเพื่อคนโง่คนหนึ่งนั้นไม่คู่ควร หวังว่าคุณชายจะไตร่ตรองให้รอบคอบ”
ราชันอริยะสองคน ทั้งอยู่ในอาณาเขตที่ขุมอำนาจสำนักปราณศิลาเมฆปกครอง ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เคยเห็นหลินสวินและอวี่อวิ๋นเหออยู่ในสายตา
สาเหตุที่วางท่าสันติเช่นนี้ ก็เป็นเพราะคำกำชับของหลันไฉ่อีเท่านั้น
เวลานี้หลินสวินพลันทอดถอนใจกล่าว “ข้าก็เคยเตือนหลันไฉ่อีแล้วว่าไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้ดูท่าว่านางจะไม่คิดปล่อยให้ข้าจากไปแล้ว”
เหวยชงและไฉเฟิงต่างสีหน้าเฉยชาไม่ปฏิเสธ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์