สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1796 สีเลือดเป็นฉาก กระดูกขาวปูทาง – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 1796 สีเลือดเป็นฉาก กระดูกขาวปูทาง ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บนตัวหลินสวินมีป้ายคำสั่งที่ ‘จักรพรรดิดาบชิงหยาง’ มอบให้ แต่แน่นอนว่าไร้ประโยชน์
อวี่อวิ๋นเหอเป็นถึงบุตรชายของผู้นำตระกูลอวี่ แต่ก็ไม่อาจขวางความตั้งใจของพวกอวี่อวิ๋นเจิงได้ แค่ป้ายคำสั่งป้ายเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าไม่มีประโยชน์อะไรเช่นกัน
เดิมทีหลินสวินมาตระกูลอวี่คราวนี้ แค่อยากเจอสหายเก่าอย่างจักรพรรดิดาบชิงหยางเพื่อถามเรื่องบางอย่างเท่านั้น
แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ต่อให้เขาอยากจากไปก็ยังทำไม่ได้
สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินผิดคาดอยู่บ้างคือ ในช่วงสถานการณ์ตึงเครียดนี้ อวี่อวิ๋นเหอถึงกับขวางอยู่ตรงหน้าเขาโดยไม่ลังเล
นี่ทำให้หลินสวินสะเทือนใจอยู่บ้าง
ขณะเดียวกันพวกอวี่อวิ๋นเจิงก็ไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน อยากจะโจมตีแต่ก็กลัวทำร้ายคนของตน วันนี้เจ้าโง่อวี่อวิ๋นเหอนี่เป็นอะไร เพื่อคนนอกคนหนึ่งถึงกับไม่สนใจชีวิตตัวเองแล้วหรือ
สถานการณ์ติดขัดกันอยู่ตรงนั้นทันที
“พี่หลิน ข้าเชื่อว่าหากพวกท่านพ่อรู้เข้า ต้องไม่มีทางยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นแน่”
อวี่อวิ๋นเหอเจือความรู้สึกผิด
เขาคิดว่าตัวเองทำให้หลินสวินติดร่างแห
“พวกท่านพ่อของเจ้า…”
นัยน์ตาดำของหลินสวินวูบไหว “บางทีนะคุณชายอวี่ ปีนั้นข้าก็เหมือนเจ้า สิทธิ์ในการสืบทอดอำนาจของตระกูลถูกคนในตระกูลรองมากมายกลุ้มรุม ถึงขั้นมีคนมากมายอยากกำจัดข้า เจ้ารู้ไหมว่าข้าทำอย่างไร”
อวี่อวิ๋นเหอชะงักไป
ไม่รอคำตอบหลินสวินก็พูดว่า “ฆ่า ถ้าไม่ฆ่าก็ไม่อาจรักษาอำนาจ ไม่ฆ่าก็ไม่อาจปัดกวาดอุปสรรคขวากหนามบนหนทางข้างหน้า”
อวี่อวิ๋นเหอสูดหายใจเย็นเยียบ สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ “แน่นอนว่าตระกูลอวี่ของพวกเจ้าห้ามฆ่าฟันกันเอง เช่นนั้นตอนนี้ก็เหลือแค่สองทางให้เลือกแล้ว”
“สองทางไหนหรือ”
อวี่อวิ๋นเหออดถามไม่ได้
“สละสิทธิ์ในการสืบทอดแล้วจากไปตอนนี้”
หลินสวินกล่าว
ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา พวกอวี่อวิ๋นเจิงก็สีหน้าแตกต่างกันออกไป หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองสมองมาเพ่งเล็งอวี่อวิ๋นเหออีก
อวี่อวิ๋นเหอในยามนี้สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ในใจดิ้นรน
ครู่ใหญ่จึงสูดหายใจลึกกล่าว “หลายปีมานี้ข้าถูกมองเป็นคนโง่ คนไร้ประโยชน์ ถูกหยามหน้าและโจมตีมากเกินไปแล้ว รสชาตินี้ข้าไม่อยากลิ้มลองอีก”
พูดถึงตรงนี้เขาก็เผยสีหน้าเด็ดเดี่ยว สายตามองไปที่พวกอวี่อวิ๋นเจิงแล้วกัดฟันกล่าว “ดูคนพวกนี้สิ ทั้งหมดล้วนเป็นคนในตระกูลของข้า แต่พวกเขากลับไม่เห็นข้าอวี่อวิ๋นเหออยู่ในสายตาสักนิด ถึงขั้นขวางข้าให้อยู่นอกประตูเขา!”
น้ำเสียงเจือความเดือดดาลเหลือคณา “หากให้พวกเขากลายเป็นผู้นำตระกูลน้อย ข้าคงไม่มีทางยกโทษให้ตัวเองไปชั่วชีวิต!”
สีหน้าของพวกอวี่อวิ๋นเจิงต่างอึมครึมลง
หลินสวินกลับยิ้มกล่าว “เช่นนั้นก็เหลือแค่หนทางสุดท้ายแล้ว”
เขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
อวี่อวิ๋นเหอที่ขวางอยู่ข้างหน้า ถูกพลังที่ยิ่งใหญ่ไม่อาจขวางกั้นหอบพัดมาอยู่ข้างๆ
“พี่หลินเจ้า…”
อวี่อวิ๋นเหอตื่นตะลึง
“ดูไม่ออกหรือ พวกเขาไม่มีทางยอมให้คนชั่วอย่างข้าจากไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ฉวยโอกาสนี้ ข้าจะช่วยเจ้าปัดกวาดขวากหนามพวกนี้เอง!”
พูดถึงตอนท้ายหลินสวินก็ยิ้มน้อยๆ กล่าวกำชับ “ช่วยข้าดูแลหนานชิวให้ดี”
“คุยโวไม่กระดาก ลงมือ!”
อวี่อวิ๋นเจิงยิ้มหยัน ตวาดออกคำสั่งลงมา
ตูม!
ผู้แข็งแกร่งของตระกูลอวี่ทั้งหมดที่เตรียมตัวอยู่นานแล้ว ยามนี้ลงมือโดยไม่ลังเล
“ฆ่า!”
“ฆ่าเจ้าหมอนี่ซะ!”
เสียงตวาดราวอสนีบาตดังก้องไปทั่วทิศ
ผู้แข็งแกร่งของตระกูลอวี่พวกนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นกลุ่มคนที่พวกอวี่อวิ๋นเจิงเตรียมมาอย่างดี มีผู้แข็งแกร่งระดับราชันอริยะเก้าคนเป็นผู้นำ นอกจากนี้ยังมีมกุฎมหาอริยะอีกมากมาย
ทันทีที่ออกโจมตี ฟ้าดินแถบนี้ก็สั่นสะเทือน สุริยันจันทราหม่นแสง
“เจ้าสาม ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าพวกเราวางกระบวนรบใหญ่โตเช่นนี้ แต่กลับนำมาใช้จัดการมกุฎมหาอริยะแค่คนเดียวเท่านั้น ออกจะใช้คนไม่เป็นเกินไปหน่อยหรือไม่”
อวี่อวิ๋นหลงอดกล่าวไม่ได้
“ต้องจัดการในคราเดียว จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด”
อวี่อวิ๋นเจิงกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “ทุกคนอย่าลืมสิ ว่าเจ้าชั่วนี่เคยฆ่าผู้อาวุโสระดับราชันอริยะสองคนของสำนักปราณศิลาเมฆมาก่อน ไม่อาจดูหมิ่นได้เด็ดขาด”
ผู้แข็งแกร่งของตระกูลอวี่ที่ลงมือในครั้งนี้ต่างเป็นผู้สนับสนุนของพวกเขา
อันที่จริงตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลอวี่ ข้างกายลูกหลานตระกูลที่เป็นเลิศแต่ละคนล้วนมีกำลังพลเป็นของตนเอง ด้วยอาศัยกำลังพลข้างกายพวกนี้ จึงทำให้พวกเขามีรากฐานไปแย่งชิงอำนาจของตระกูล
เหมือนอย่างอวี่อวิ๋นเจิง ในตระกูลเขาก็มีกำลังพลสนับสนุนมากมาย และเพื่อขยายอำนาจของตัวเอง เขายังแต่งงานกับหลันไฉ่อี เป็นการหา ‘คนนอก’ ที่แข็งแกร่งด้วย
จุดประสงค์ทั้งหมดล้วนทำเพื่อแย่งชิงสิทธิ์สืบทอดในตำแหน่งผู้นำตระกูลน้อยนั่น!
ลูกหลานตระกูลคนอื่นในที่นี้ก็เหมือนกัน
อวี่อวิ๋นเยี่ยนที่สวมชุดกระโปรงสีแดงเพลิงแค่นเสียงเย็นชาเหยียดหยาม “ข้ากลับอยากดูนักว่าเขามกุฎมหาอริยะคนเดียว จะฆ่าราชันอริยะได้อย่างไร”
จนถึงตอนนี้นางยังไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะเกิดเรื่องไร้สาระเช่นนี้ขึ้น
คนที่คิดเหมือนกับนางก็มีไม่น้อย
…
ขณะพูดคุยการต่อสู้ก็ปะทุขึ้นนานแล้ว
ตูม!
แสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดกระจาย แสงสมบัติดุจสายฝน
ระดับราชันอริยะมากมายออกโจมตี ภาพนั้นจะน่าหวาดกลัวระดับใด
ก็เห็นพลังกฎเกณฑ์ของเขตแดนทั่วฟ้าร้อยถักเข้าด้วยกัน วิวัฒน์เป็นลักษณ์ประหลาดไร้ใดเปรียบ เปล่งประกายเรืองรอง เข้าปกคลุมฟ้าดินแถบนี้จนสิ้น
เปลี่ยนเป็นมกุฎมหาอริยะคนอื่น เกรงว่าคงตกใจจนความกล้าทั้งมวลพังทลายไปนานแล้ว
แต่ยามนี้หลินสวินกลับไม่ถอยร่นแต่บุกเข้าไป พุ่งเข้าไปรับด้วยตนเอง
เงาร่างเขายากจับต้อง แสงมรรคไหลวนไปทั้งตัว สองมือกุมกระบี่อเวจีและกระบี่ยอดสังหาร พลังขับเคลื่อนภายในร่างส่งเสียงกัมปนาทไม่หยุด เหมือนเตาหลอมผลาญพิภพที่พลุ่งพล่าน
ยามต่อสู้กับหม่าไท่เจิ้น ต่อให้หลินสวินไม่ใช้สมบัติก็ยังกำราบอีกฝ่ายได้ในคราเดียว
แม้แต่ตอนที่ฆ่าราชันอริยะสองคนอย่างเหวยชงและไฉเฟิง หลินสวินก็ใช้แค่ดาบหักจบการต่อสู้ได้ในชั่วขณะเดียว
คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงจริงๆ!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน เลือดดุจสายฝนเข้าปกคลุม ณ ที่นั้น เสียงร้องโหยหวน หวาดผวา สิ้นหวังดังต่อเนื่องเป็นระลอก
หลินสวินในยามนี้ผงาดผยองไร้คู่ต่อกร มาดสง่างามที่หาใดเปรียบนั้น กลายเป็นสิ่งเดียวที่ยืนหยัดอยู่กลางฟ้าดิน
ริมฝีปากของอวี่อวิ๋นเหอสั่นระริก อ้าปากอยากจะพูด
หนานชิวกล่าวเงียบๆ “ในเผ่าของพวกเรามีสำนวนที่พูดต่อกันมานานแล้วประโยคหนึ่ง บนหนทางมุ่งสู่อำนาจอันสูงสุด จำเป็นต้องมีสีเลือดเป็นฉาก ปกคลุมไปด้วยซากศพ พี่หลินกำลังช่วยเจ้า หากเจ้าพูดขวางตอนนี้ คงได้แต่ทำให้เขาหดหู่ใจ”
อวี่อวิ๋นเหออึ้งงัน นิ่งเงียบไม่ส่งเสียง
ตูม!
ในที่นั้นมีเสียงสะท้านฟ้าปั่นป่วน
คันฉ่องปกป้องหัวใจที่อยู่เบื้องหน้าราชันอริยะคนหนึ่งถูกผ่าแตกละเอียด ทั้งตัวถูกปราณกระบี่ไร้ใดเปรียบบดจนเลือดเนื้อแหลกเหลว
ตั้งแต่เปิดศึกมาถึงตอนนี้เพิ่งผ่านไปไม่นาน แต่นี่ก็เป็นราชันอริยะคนที่ห้าที่ถูกสังหารแล้ว!
พวกอวี่อวิ๋นเจิงเสียอาการอย่างถึงที่สุด อารมณ์สูญเสียการควบคุม หวาดกลัวทำอะไรไม่ถูกเหมือนมดฝูงหนึ่งที่อยู่บนหม้อร้อน
นี่คือหน้าประตูใหญ่ตระกูลอวี่ของพวกเขา
แต่ตอนนี้ที่นี่กลับมีโลหิตหลั่งอย่างต่อเนื่อง เปิดฉากการเข่นฆ่านองเลือด!
“เร็วเข้า รีบไปเชิญคนใหญ่คนโตในตระกูลมา!”
อวี่อวิ๋นเจิงตะโกนลั่น
สถานการณ์ตอนนี้มาถึงขั้นร้ายแรงหาใดเปรียบแล้ว หากไม่ขัดขวางอีก ต่อให้สุดท้ายพวกเขารอดชีวิตไปได้ แต่ต้องถูกลิขิตให้แบกรับผลที่ตามมาซึ่งรุนแรงจนไม่อาจจินตนาการได้แน่
แต่ไม่นานก็มีคนส่งข่าวกลับมาอย่างตื่นตระหนก “แย่แล้ว กระบวนค่ายกลพิทักษ์ตระกูลในภูเขาไม่รู้ถูกใครเปิดใช้ ส่งข่าวไปในตระกูลไม่ได้เลย”
“อะไรนะ”
นี่ก็เหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ทำให้พวกอวี่อวิ๋นเจิงอึ้งงันแล้ว
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
ทำไมกระบวนค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลถึงถูกเปิดใช้ ทั้งยังไม่อาจส่งข่าวกลับไปได้ด้วย
ตูม!
ห่างออกไป ศึกนองเลือดยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่จำนวนของศัตรูที่ล้อมโจมตีหลินสวินเริ่มเปลี่ยนเป็นน้อยลงแล้ว
บนพื้นดินเต็มไปด้วยแอ่งโลหิต มีซากศพนอนก่ายกันอยู่ไม่รู้เท่าไร!
“เร็วเข้า ถอยกลับไปที่ประตูเขา ข้าไม่เชื่อว่าคนใหญ่คนโตในตระกูลพวกนั้นจะมองดูพวกเราถูกศัตรูภายนอกคนหนึ่งสังหารตาปริบๆ!”
อวี่อวิ๋นเจิงคำราม ดวงตาปูดโปนแทบถลน
ขณะกล่าวเขาชิงถอยก่อนแล้ว คนอื่นตกใจสุดขีดนานแล้ว สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เห็นดังนี้ก็ลนลานถอยกันหมด
แม้แต่คู่ต่อสู้ที่ห้ำหั่นอยู่กับหลินสวินนั้น แต่ละคนก็ต่างลนลานแล้ว ถอยตัวหลบหนีหัวซุกหัวซุน ไม่กล้าฝืนปะทะอีก
“อยากตามไปไหม”
แววตาของหลินสวินล้ำลึก หันหน้ากลับมามองอวี่อวิ๋นเหอที่อยู่ห่างออกไป
ใต้ฝ่าเท้าเขาเลือดหลั่งรินเป็นสายน้ำ ซากศพกองพะเนิน บนกระบี่คู่อเวจีและยอดสังหารมีมุกโลหิตสีแดงสดหลั่งชโลม
ตัวเขาเหมือนเทพมาร เผด็จการเหนือโลก!
….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์