เผชิญหน้ากับสายตาของหลินสวิน ในใจอวี่อวิ๋นเหอสั่นสะท้าน
เขามองภาพนองเลือดเต็มพื้นแล้วกัดฟันกล่าวทันที “พี่หลิน เจ้าช่วยชิงโอกาสให้ข้า ข้าสาบานว่าวันนี้ไม่ว่าผลที่ตามมาคืออะไร ข้าจะใช้ชีวิตของตัวเองปกป้องพี่หลินให้ไร้กังวล!”
น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“ไป”
หลินสวินไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง พุ่งไปยังประตูทางเข้าที่อยู่ห่างออกไป
…
บนภูเขาเทพนพเลิศ หน้าพื้นที่ราบมหึมาแห่งหนึ่งที่หมอกควันอบอวล ม่านแสงมหึมาหนึ่งปรากฏ บนนั้นฉายภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นนอกประตูภูเขา
“ผู้นำตระกูล ทำไมต้องเปิดกระบวนค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลด้วย”
“คนรุ่นหลังพวกนั้นก็ยังอยู่ที่เชิงเขา!”
“ผู้นำตระกูล…”
บนพื้นที่ราบ บุคคลสำคัญมากมายของตระกูลอวี่มารวมตัวกัน แต่ละคนนั่งนอนไม่เป็นสุข สีหน้าเต็มไปด้วยโทสะ
การเข่นฆ่านองเลือดนอกประตูเขากระตุ้นจนพวกเขาดวงตาแดงไปหมด
“ก่อนหน้านี้ยามคนรุ่นหลังพวกนั้นพาคนออกไปซุ่มโจมตีที่นอกประตูเขา เหตุใดพวกเจ้าไม่กล่าวขัดขวาง”
อวี่ปี้คงสองมือไพล่หลัง แววตาล้ำลึกกล่าวราบเรียบ
เขารูปร่างกำยำ สวมเสื้อคลุมมรกต ผมหนวดราวน้ำหมึก ยืนสบายๆ อยู่อย่างนั้นแต่มีอานุภาพที่กดข่มฟ้าดิน ครอบครองใต้หล้า
เขาก็คือผู้นำตระกูลอวี่คนปัจจุบัน บิดาของอวี่อวิ๋นเหอ!
บุคคลน่าเกรงขามคนหนึ่งที่ปราดเปรื่อง ฝีมือเทียมฟ้า
ได้ยินดังนั้นบุคคลสำคัญระดับสูงทั้งหมดของตระกูลอวี่ต่างสีหน้าค้างแข็ง พวกเขามีหรือจะคิดว่าเจ้าหนุ่มที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนคนหนึ่งจะมีพลังต่อสู้ที่บ้าระห่ำเช่นนี้
เสียงของอวี่ปี้คงต่ำลึก “หลายปีมานี้ลูกชายไม่เอาไหนคนนั้นของข้าเพิ่งกลับมาครั้งแรก แต่กลับถูกคนรุ่นหลังพวกนั้นขวางอยู่นอกตระกูล ข้าที่เป็นพ่อยังไม่พูดอะไร ทำไมพวกเจ้าถึงนั่งกันไม่ติด”
ชายชราผมขาวคนหนึ่งกล่าวอย่างร้อนรน “ผู้นำตระกูล ท่านก็เห็นว่าพวกอวิ๋นเจิงไม่ได้ขวางอวิ๋นเหอกลับบ้าน แต่มุ่งเป้าไปที่คนนอกคนนั้น!”
คนอื่นก็พากันพยักหน้า
อวี่ปี้คงยิ้มเยาะตรงมุมปาก “ทุกท่านอย่ามาทำไขสืออีกเลย การทดสอบประจำตระกูลใกล้จะเริ่ม เพื่อสิทธิ์ในการสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลน้อย พวกเจ้าทำเรื่องสกปรกโสมมไปเท่าไร คิดว่าข้าไม่รู้หรือ”
สีหน้าของทุกคนต่างอึดอัดอยู่บ้าง
อวี่ปี้คงหันกลับมาทันใด แววตาดุจอสนี อานุภาพน่าสะพรึงกลัว กวาดมองทุกคนในที่นั้นอย่างเย็นชา
“แต่พวกเจ้าไม่ควรต่ำช้าเช่นนี้! ต่อให้ลูกชายของข้าเป็นคนไร้ประโยชน์แค่ไหนก็ไม่อาจถูกรังแกเช่นนี้ มิฉะนั้นข้าผู้เป็นพ่อจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
เสียงสะท้อนไปทั่วยอดเขาทะเลหมอกราวฟ้าผ่า
บุคคลสำคัญคนหนึ่งที่มากประสบการณ์ที่สุดสูดหายใจลึกกล่าว “ผู้นำตระกูล เรื่องของอวิ๋นเหอทุกคนมีส่วนที่ทำไม่ถูกจริงๆ เรื่องนี้พวกเราจะมอบให้ท่านจัดการ”
เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “ตอนนี้ปัญหาที่ต้องแก้ไขคือ หน้าประตูเขาของตระกูลพวกเรามีคนนอกคนหนึ่งที่สังหารคนในตระกูลของพวกเราอย่างโหดเหี้ยม นี่จะให้ฝืนทนได้อย่างไร”
บุคคลสำคัญคนอื่นก็พากันพยักหน้า พวกเขาแค้นจนกัดฟันกรอด อยากรีบไปฆ่าหลินสวินให้ตาย
“รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงเปิดใช้กระบวนค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูล”
อวี่ปี้คงพลันกล่าวขึ้น
ทุกคนชะงักไปพร้อมกัน มีคนอดกล่าวไม่ได้ “ผู้นำตระกูลคงไม่ได้คิดว่า เจ้าคนนอกนั่นจะคุกคามมาถึงตระกูลของพวกเรากระมัง”
“ไม่ ข้าแค่ไม่อยากให้พวกเจ้าเข้าไปยุ่ง”
สีหน้าของอวี่ปี้คงเจือความเย็นชา “ต่อให้อวิ๋นเหอไม่พาคนผู้นี้กลับมา ก่อนการทดสอบประจำตระกูล พวกหน้าโง่ที่ตายอยู่นอกประตูเขาพวกนี้ก็จะถูกข้าขุดรากถอนโคนเองอยู่แล้ว จะได้ไม่ทำเรื่องต่ำทรามไร้ยางอายอีก”
ประโยคเดียวเหมือนดาบที่เย็นเยียบ หนาวสะท้านเสียดกระดูก
บุคคลสำคัญมากมายในที่นั้นหนาวเยือกไปทั้งตัว
พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าอวี่ปี้คงถึงกับยกดาบสังหารอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ยังไม่รอให้ลงดาบ การปรากฏตัวของคนนอกคนหนึ่งกลับช่วยเขาขุดรากถอนโคนเป้าหมายบางส่วนไปโดยปริยาย
“ในใจของพวกเจ้าย่อมไม่พอใจแน่ คิดว่าคนไร้ประโยชน์อย่างลูกชายของข้ามีสิทธิ์อะไรมาแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลน้อย”
สายตาของอวี่ปี้คงมองไปที่ม่านแสงมหึมานั่นอีกครั้ง ในม่านแสงอวี่อวิ๋นเหอและหลินสวินกำลังไล่ฆ่าคู่ต่อสู้พวกนั้นและก้าวขึ้นบันไดมาด้วยกัน
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ายามมองภาพนี้ ส่วนลึกของนัยน์ตาอวี่ปี้คงเผยความชื่นใจอย่างยากจะได้เห็น
“น่าเสียดาย พวกเจ้าไม่เคยรู้ว่าอวิ๋นเหอเขาไม่คิดจะเป็นผู้นำตระกูลน้อยมาก่อน เขาไม่ชอบการต่อสู้กับคนรุ่นหลังในตระกูลพวกนั้น แต่หลายปีมานี้เขายังถูกพวกเจ้ามองเป็นหนามยอกอก ทำทุกวิถีทางเพื่อสาดน้ำป้ายสีใส่เขาซะอย่างนั้น”
น้ำเสียงของอวี่ปี้คงเจือความผิดหวัง “พวกเจ้าคิดว่าคนที่ไร้ความสามารถ เป็นลูกผู้ดีจอมหยิ่งคนหนึ่ง จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งคนแรกที่ก้าวสู่ระดับมกุฎมหาอริยะในหมู่คนรุ่นเยาว์ของตระกูลได้หรือ”
น้ำเสียงก้องอยู่กลางที่นั้น บรรยากาศเงียบสงัด สีหน้าของทุกคนต่างปรวนแปรไม่หยุด
“ทุกอย่างนี้ล้วนถูกพวกเจ้าบีบบังคับ”
เสียงอวี่ปี้คงเย็นเยียบ “แต่จะว่าไปกลับเป็นว่าข้าต้องขอบคุณพวกเจ้า หากไม่ใช่ว่าหลายปีนี้พวกเจ้าเคี่ยวเข็ญบีบบังคับ เกรงว่าเจ้าเด็กอวิ๋นเหอคนนี้คงไม่กลับมาที่ตระกูลและเข้าร่วมการทดสอบประจำตระกูลครั้งนี้แน่”
สีหน้าของทุกคนไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิมแล้ว
“ปี้คง วันนี้มีคนตายมากเกินไปแล้ว ควรจบเรื่องทุกอย่างนี้ได้แล้ว!”
เสียงชราขุ่นมัวหนึ่งดังขึ้นทันใด
ทุกคนต่างอึ้งไป ผู้อาวุโสเสวี่ยหลิน!
ก็เห็นร่างผอมกะหร่องร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ สวมชุดคลุมเทา เบ้าตาบุ๋มลึก ดูไปแล้วไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย
แต่ทุกคนในที่นั้นกลับไม่มีใครไม่โค้งคำนับ
อวี่เสวี่ยหลิน!
ผู้อาวุโสคนหนึ่งในเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ ปลีกตัวจากทางโลกมาหลายปีแล้ว ตามลำดับอาวุโสอวี่ปี้คงก็ต้องเรียกอีกฝ่ายด้วยความยกย่องว่าท่านลุง
อวี่ปี้คงมุ่นคิ้ว เงียบไปครู่หนึ่งค่อยกล่าว “ก็ได้”
เขาออกคำสั่งลงไป ไม่นานกระบวนค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลที่ปกคลุมอยู่บนภูเขาเทพนพเลิศก็ถูกปลด
นี่ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างเป่าปากโล่งใจ
“น้องสาม เจ้าไปพาพวกอวิ๋นเหอเข้ามา”
อวี่ปี้คงกล่าวสั่งความ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์