“ชื่อหลิงจื่อ ข้าเพียงแค่อยากประลองฝีมือกับเจ้าเท่านั้น เหตุใดต้องจากไปโดยไม่ร่ำลา”
ชื่อหลิงจื่อเพิ่งมาถึงไม่นาน เสียงที่เย็นยะเยือกราวกับหิมะน้ำแข็งก็ดังขึ้น จากนั้นหญิงชุดกระโปรงผ้าพลิ้วสีดำ ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาคนหนึ่งทะลวงอากาศเข้ามา
“โลกใหญ่วารีเร้น สุ่ยปี้อวิ๋นที่ไร้ศัตรูในระดับเดียวกัน!”
หลายคนต่างอุทานด้วยความตกใจ
ไร้ศัตรูในระดับเดียวกัน นั่นหมายความว่าในระดับมกุฎมหาอริยะของโลกใหญ่วารีเร้น พลังกดข่มคนรุ่นเดียวกัน มีเพียงเช่นนี้จึงจะคู่ควรกับฉายานี้
แม้แต่พวกอวี่อวิ๋นเหอยังจุ๊ปากไม่หยุด มองสุ่ยปี้อวิ๋นและชื่อหลิงจื่อที่อยู่กลางอากาศ สายตาเผยความตะลึง
อานุภาพของชื่อหลิงจื่อตะลึงโลก สะเทือนฟ้าดิน กดดันจนผู้อื่นหายใจไม่ออก สุ่ยปี้อวิ๋นกลับไม่ด้อยกว่าสักนิด หมายจะเปรียบเทียบด้วย!
“เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว ข้าเพิ่งจะค้นพบว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า”
อวี่อวิ๋นเฟิงหดหู่
เป็นมกุฎมหาอริยะเหมือนกัน ทว่าชื่อหลิงจื่อและสุ่ยปี้อวิ๋นราวกับมังกรที่โดดเด่นในฝูงชน ทำให้พวกเขาทำได้เพียงแหงนมอง
“เทียบกับพี่หลินแล้ว พวกเขานับเป็นอะไร”
จู่ๆ อวี่อวิ๋นเหอก็พูดขึ้น
ทันใดนั้นอวี่อวิ๋นเฟิงและอวี่อวิ๋นหลงต่างสีหน้าชะงัก พวกเขาเกือบลืมไป ว่าคนที่อยู่ข้างๆ เป็นถึงพวกเย้ยฟ้าที่สามารถสังหารราชันอริยะได้!
การมาเยือนของชื่อหลิงจื่อและสุ่ยปี้อวิ๋นเป็นแค่จุดเริ่มต้น
หลังจากนั้นพร้อมกับเวลาที่ล่วงเลย บุคคลพลิกฟ้าที่ชื่อเสียงสะเทือนเขตแดนดาราจื่อเหิงมากมายก็ทยอยมาเยือนไม่ขาดสาย ล้วนมาจากโลกใหญ่ที่แตกต่างกัน ข้างกายหลายคนต่างมีผู้ติดตามและผู้แข็งแกร่ง ขับให้พวกเขาราวกับจันทราที่ดวงดารารายล้อมพิทักษ์
“ลี่โยวแห่งโลกใหญ่คมทอง อัจฉริยะวิถีกระบี่ที่หายากในหมื่นปี!”
“เลี่ยตงจั้นแห่งโลกใหญ่เขาเซียนเขียว ว่ากันว่าได้ก้าวสู่ระดับราชันอริยะก้าวหนึ่งแล้ว ฝีมือยอดเยี่ยม พลังต่อสู้โดดเด่น”
“เซียวปู้ตู้แห่งโลกใหญ่คลื่นขาว…”
บนฝั่งแม่น้ำเก้าแคว้นไม่เคยครึกครื้นเหมือนวันนี้มาก่อน ผู้กล้า อัจฉริยะเหล่านั้นราวกับหมู่ดาวที่สว่างไสว เปล่งแสงประกายแตกต่างกัน ยิ่งมีหญิงสาวแห่งยุคที่บุคลิกโดดเด่นเหนือใคร
และมีผู้มีชื่อเสียงที่มาจากโลกต้าอวี่เช่นเดียวกัน อย่างเช่นผู้สืบทอดสำนักอันดับหนึ่งหอกระบี่ดาราเลิศเป็นต้น
สีหน้าของพวกอวี่อวิ๋นเหอยิ่งเคร่งขรึมกว่าเดิม รู้สึกกดดันเป็นเท่าทวี
มีเพียงหลินสวินที่แน่วนิ่งไม่วอกแวก เหมือนไม่เห็นบุคคลสะดุดตาแต่ละคนที่ปรากฏตัวในที่นั้น นิ่งสงบอย่างมากตั้งแต่ต้นจนจบ
“อวี่อวิ๋นเหอ เจ้าถึงกับยังมีหน้าปรากฏตัวอีกหรือ”
ทันใดนั้นคนกลุ่มหนึ่งเดินมาจากไกลๆ ผู้นำคือชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ผู้ชายอยู่ในชุดหรูหรา คิ้วกระบี่เนตรดารา ท่าทางองอาจ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา
หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีเขียวเข้ม ผิวพรรณขาวผ่อง ผมดำเกล้าขึ้นสูง ดวงหน้างดงามละเอียด
ผู้พูดคือผู้หญิงที่งดงามไร้ที่ติคนนี้
“มู่ซิวฉีกับจางไป๋หรงแห่งสำนักยุทธ์เตาโอสถ”
“ที่แท้เขาก็คือจางไป๋หรง ศิษย์สืบทอดแท้จริงอันดับหนึ่งของสำนักยุทธ์เตาโอสถ หนึ่งในสี่ยอดมกุฎสุริยันผู้กล้าของโลกต้าอวี่!”
ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างฮือฮา จำฐานะของชายหญิงคู่นี้ได้
“มู่ซิวฉี?”
ในเวลาเดียวกัน หลินสวินนึกขึ้นได้ว่าตอนที่อยู่โลกลำนำสวรรค์ เจ้าคนที่ชื่อมู่ซิวหย่วนเคยฉีกสัญญาหมั้นหมายกับหนานชิว และพี่สาวของมู่ซิวหย่วนก็คือมู่ซิวฉีนั่นเอง
และเท่าที่หลินสวินรู้ ตอนแรกที่อวี่อวิ๋นเหอไปเยือนโลกลำนำสวรรค์ ก็เพื่อออกหน้าให้มู่ซิวหย่วน ใช้เรื่องนี้สร้างความประทับใจให้กับมู่ซิวฉี
พูดง่ายๆ อวี่อวิ๋นเหอก็คือคนที่ตามเกี้ยวคลั่งไคล้มู่ซิวฉี
หลินสวินมองไปก็เห็นว่ามู่ซิวฉีคนนี้รูปลักษณ์ถือว่าโดดเด่นอย่างมาก ทว่าตอนนี้สีหน้าแฝงความเย็นเยียบ ท่าทางกล่าวโทษ
“ศิษย์น้องซิวฉี ศิษย์พี่ไป๋หรง พวกเจ้ามาแล้ว”
อวี่อวิ๋นเหอทักทาย
“อย่ามาตีสนิท!”
มู่ซิวฉีกล่าวโทษ ราวกับต่อว่าผู้น้อยอย่างไรอย่างนั้น “ข้าถามเจ้า น้องชายข้าล่ะ เจ้าบอกว่าจะรับเขาจากโลกลำนำสวรรค์มาที่โลกต้าอวี่ แต่คนเล่าอยู่ไหน”
อวี่อวิ๋นเหออึ้ง เอ่ยอธิบาย “ศิษย์น้อง เรื่องมันยาว น้องชายคนนั้นของเจ้ามีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินผู้ส่งสูงคนหนึ่ง…”
ไม่รอพูดจบก็ถูกมู่ซิวฉีตัดบท นางหน้านิ่วคิ้วขมวด เสียงเย็นเยียบ “เจ้าบอกว่าน้องชายข้ามีตาหามีแววไม่หรือ อวี่อวิ๋นเหอ เดี๋ยวนี้เจ้ากล้ามาก!”
“เหอะๆ”
จางไป๋หรงที่อยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างแฝงความดูถูก “ศิษย์น้องซิวฉี เจ้าไม่ควรให้เขาจัดการเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ลูกผู้ดีเกเรคนหนึ่ง จะไว้ใจให้ทำอะไรได้อย่างไร”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนอวี่อวิ๋นเหอจะต้องยอมแพ้ ไม่โต้ตอบ ถึงขั้นอธิบายกับมู่ซิวฉีพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ทว่าหลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมาย อวี่อวิ๋นเหอเปลี่ยนความคิดไปนานแล้ว ตอนนี้เผชิญกับการบีบคั้นของมู่ซิวฉี ในใจเขาปรากฏความรังเกียจที่พูดไม่ออก
ที่ผ่านมาตนดันชอบผู้หญิงแบบนี้ ช่างตาบอดไปแล้วจริงๆ!
“ศิษย์น้องซิวฉี เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาข้าจะไม่ถือสาเจ้า เมื่อก่อนข้าชอบเจ้าจึงโอนอ่อนทุกอย่าง ยอมทุกเรื่อง ตอนนี้… เจ้าระวังคำพูดหน่อยจะดีที่สุด”
อวี่อวิ๋นเหอพูดอย่างเย็นเยียบ
มู่ซิวฉีอึ้งไปทันที นี่ยังใช่อวี่อวิ๋นเหอที่เชื่อฟังและทำตามคำสั่งของตนหรือไม่
หลายปีมานี้เขากล้าเถียงตนเสียที่ไหน
นางโกรธจนใบหน้างามคล้ำเขียว
“ศิษย์น้องอวิ๋นเหอ!”
จางไป๋หรงก้าวออกมา พูดอย่างเย็นเยียบ “เจ้าทำเกินไปแล้ว ยังไม่รีบขอโทษศิษย์น้องซิวฉีอีก”
ในสำนัก ฐานะของเขาสูงศักดิ์กว่าอวี่อวิ๋นเหอมาก ที่ผ่านมาคนที่พวกเขาดูถูกที่สุดก็คือพวกลูกผู้ดีอย่างอวี่อวิ๋นเหอ
ดังนั้นตอนที่เอ่ยปากจึงไม่เกรงใจสักนิด
อวี่อวิ๋นเหอหลุดขำออกมา “จางไป๋หรง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ข้าขอโทษ”
“เจ้า… กล้ามาก!”
จางไป๋หรงสีหน้ามืดทะมึน
เหล่าผู้แข็งแกร่งที่อยู่ด้านหลังพวกเขาต่างอึ้งงัน แทบจะคิดว่าอวี่อวิ๋นเหอบ้าไปแล้ว ถังกับกล้าพูดจาเช่นนี้กับจางไป๋หรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์