ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่เข้าสู่โลกผนึกเก้ากระถางแห่งนี้ ใครบ้างไม่ระมัดระวังสอดส่องทุกย่างก้าว กลัวเป็นอย่างยิ่งว่าจะฝ่าฝืนกระบวนผนึก นำพาเคราะห์ทำลายล้างมาหาตน
ทว่าคนผู้นั้นกลับอวดดีและโอหังถึงเพียงนี้ ไม่เห็นกระบวนผนึกในสายตา ทะลวงเข้าไปโดยตรง ทำให้หลายคนต่างโกรธยิ่งนัก
“ผิดปกติ!”
และตอนที่เห็นรุ้งเทพที่แปลงจากร่างของหลินสวินไม่เจอสิ่งกีดขวางใดๆ เคลื่อนผ่านกระบวนผนึกลายมรรคแน่นขนัดอย่างง่ายดาย สีหน้าของหลายคนก็เปลี่ยนไปแล้ว
“น่าชังนัก นี่เป็นเจ้าสารเลวคนไหน ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ”
ชื่อหลิงจื่อสีหน้าอึมครึม ร้อนใจดั่งไฟลน “เร็ว ทลายผนึกเต็มกำลัง แม้ต้องเสียสมบัติบางส่วนก็ต้องพุ่งเข้าไปให้เร็วที่สุด!”
เขาเริ่มเร่งปฐมาจารย์สลักลายมรรคข้างกาย ในเวลาเดียวกันก็เริ่มใช้พลังยุทธ์ทลายผนึกพร้อมกับราชันอริยะที่ติดตามเคลื่อนไหวมากับตน
เป็นที่รู้กันดีว่าวาสนาใหญ่ซึ่งอยู่กลางเทือกเขาเก้ากระถาง ตั้งอยู่ในพื้นที่แกนหลักของโลกที่ปกคลุมด้วยพลังผนึกนี้
ชื่อหลิงจื่อจะยอมให้คนอื่นชิงไปก่อนได้อย่างไร!
“เปลี่ยนแผน มุ่งหน้าเต็มกำลัง!”
“เร็ว!”
“เอาหนอนวิญญาณบินที่เลี้ยงไว้ออกมาให้หมด ใช้มันทำลายผนึก!”
ขณะเดียวกันในพื้นที่ที่แตกต่างกันไปของโลกซึ่งปกคลุมด้วยพลังผนึกน่ากลัวนี้ บุคคลพลิกฟ้าอย่างสุ่ยปี้อวิ๋น ลี่โยว เลี่ยตงจั้น เซียวปู้ตู้ ต่างตระหนักได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์ เริ่มลงมือเต็มกำลัง
บางคนเรียกหุ่นสัตว์หลากหลายรูปแบบ มากมายแน่นขนัดออกมา ใช้ความได้เปรียบในด้านจำนวนหุ่นทำลายผนึก มุ่งหน้าเต็มกำลัง
บางคนเรียกพืชพรรณแปลกประหลาดออกมา พลันเกิดเป็นเถาวัลย์กิ่งก้านมากมายประหนึ่งมือที่นับไม่ถ้วน พุ่งไปยังพื้นที่แตกต่างกันของกระบวนผนึก
บางคนเรียกหนอนวิญญาณที่เลี้ยงอยู่ออกมา…
บางคนควบคุมวิญญาณอาฆาตวีรบุรุษบางส่วนเปิดทาง…
วิธีสารพัดล้วนถูกสำแดงออกมา
เห็นได้ชัดว่าบุคคลชั้นยอดที่มาจากเก้าโลกใหญ่ต่างเตรียมตัวมาก่อน เตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไว้แล้ว
ใครก็ไม่สามารถทิ้งวาสนาครั้งนี้ได้ง่ายๆ หรือพูดอีกอย่าง พวกเขามั่นใจในการเคลื่อนไหวครั้งนี้!
“เร็ว ต้องเร็วเท่านั้น!”
ในโลกผนึกกว้างใหญ่นี้ การประลองไร้รูปนี้ปะทุขึ้นอย่างสิ้นเชิง
และในบริเวณแกนหลักของโลกที่ปกคลุมด้วยพลังผนึกนี้ ตำหนักเทพที่สูงตระหง่านหลังหนึ่งตั้งอยู่ สูงถึงร้อยจั้ง สร้างจากสำริดแรกกำเนิดทั้งหลัง เรืองรององอาจ
ตรงหน้าตำหนักเทพ เงาร่างสง่างามร่างหนึ่งเอามือไพล่หลัง ผมดำพลิ้วไหว กำลังเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยจ้องมองตำหนักเทพสำริดเก่าแก่หลังนี้
หลินสวินไปถึงคนแรก
ประตูใหญ่ตำหนักเทพปิดสนิท บนนั้นสลักสรรพสัตว์ สุริยันจันทราและดารา แม่น้ำเชี่ยวกรากสายหนึ่งไหลลงมาจากฟ้า ม้วนตัวอยู่กลางภูเขาแม่น้ำและสรรพสิ่ง…
เงาร่างกำยำสายหนึ่งยืนหันหลังให้ทุกคนอยู่บนแม่น้ำนั่น หลอมเก้ากระถาง กำราบไว้ในเก้าทิศทางของโลกนี้…
หรือนี่คือ ‘จักรพรรดิอวี่ ’ บรรพบุรุษต้นตระกูลอวี่
หลินสวินเคยได้ยินอวี่ชิงหยางพูดว่า ประวัติศาสตร์ของตระกูลอวี่สามารถเท้าความไปถึงต้นสมัยบรรพกาล ซึ่งก็คือหลังสิ้นสุดสมัยดึกดำบรรพ์
ดังนั้นตระกูลอวี่นับว่าเป็น ‘เผ่าจักรพรรดิบรรพกาล’ ที่สมชื่อ
จักรพรรดิอวี่ผู้นี้ ย่อมต้องเป็นบุคคลชั้นเลิศคนหนึ่งซึ่งแจ้งมรรคในสมัยต้นบรรพกาล
เขาเคยเก็บพลังกฎเกณฑ์บ่อเกิดแรกกำเนิดของเก้าโลกใหญ่ นำมาสร้างศาสตร์จักรพรรดิเก้ากระถางในแดนลับที่ตั้งอยู่ในแม่น้ำเก้าแคว้น
ตรงหน้า บนประตูตำหนักเทพสำริดนี้ปรากฏภาพเช่นนี้ แน่นอนว่าทำให้หลินสวินมีความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาไม่ขาดสาย
ไม่นานหลินสวินก็สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
เงาร่างของอวี่อวิ๋นเหอ อวี่อวิ๋นเฟิง อวี่อวิ๋นหลงปรากฏในที่นั้น ตอนที่เห็นตำหนักเทพสำริดเก่าแก่แห่งนี้ ทั้งสามต่างเผยสีหน้ายากจะเชื่อ
ตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่!
นี่คือสถานที่แห่งวาสนาที่บรรพบุรุษของพวกเขาทิ้งเอาไว้!
เพียงแต่เพิ่งผ่านไปไม่นาน หลินสวินกลับมาถึงที่นี่ได้ไวขนาดนี้เชียวหรือ
หลินสวินกล่าว “ข้าใช้จิตรับรู้สัมผัสแล้ว บนประตูตำหนักเทพนี้สั่งสมความลึกลับ เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์บางส่วนของตระกูลอวี่ของพวกเจ้า พวกเจ้าลองหยั่งรู้ดู”
“พี่หลินเดาไม่ผิด ในสายตาของคนนอก วาสนาในตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่สำหรับทายาทตระกูลอวี่อย่างพวกเรา จะสามารถหยั่งรู้ความลับ ‘แผนภาพเก้ากระถางจักรพรรดิอวี่ป้องกันน้ำ’ ที่บรรพบุรุษผู้สร้างตระกูลทิ้งไว้ในประตูบานนี้ได้หรือไม่ต่างหากที่สำคัญที่สุด”
อวี่อวิ๋นเหอเผยความลับออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
นี่ทำให้ในใจอวี่อวิ๋นเฟิง อวี่อวิ๋นหลงต่างกังวลขึ้นมา กลัวเป็นอย่างยิ่งว่าหลินสวินจะหวั่นไหวกับสิ่งนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นคงไม่อาจจัดการได้ง่ายๆ
หลินสวินเหลือบมองทั้งสองแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “หากข้าจะแย่ง พวกเจ้าขวางได้หรือ”
ทั้งสองอึดอัดขึ้นมา อักอ่วนไม่หยุด
“รีบหยั่งรู้เถอะ อย่าเสียเวลา”
หลินสวินไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ เพียงหมุนตัวหันหลังให้ตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่ มองไปยังโลกที่ปกคลุมด้วยพลังผนึกไกลๆ
พวกอวี่อวิ๋นเหอเองก็รู้ว่าเวลากระชั้นชิด ต่างโคจรมรดกตระกูลสงบใจหยั่งรู้
“หืม?”
ไม่นานในกระบวนผนึกที่อยู่ห่างออกไปเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง เงาร่างกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา ผู้นำคือพวกสุ่ยปี้อวิ๋นซึ่งมาจากโลกใหญ่วารีเร้น
ยามเห็นหลินสวินรวมถึงพวกอวี่อวิ๋นเหอที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก สุ่ยปี้อวิ๋นขมวดคิ้วงาม พูดอย่างประหลาดใจ “เงาร่างที่เปลี่ยนเป็นรุ้งเทพพุ่งปราดเข้ามานั่น… คือเจ้าหรือ”
นางจำหลินสวินได้อย่างลึกซึ้ง
นอกแม่น้ำเก้าแคว้น หลินสวินเคยใช้มือเดียวกำราบจางไป๋หรง และประชันกับราชันอริยะคนหนึ่งโดยไม่เสียเปรียบ ทำให้นางสะท้านสะเทือนนัก
เพียงแต่สุ่ยปี้อวิ๋นกลับคิดไม่ถึง ว่าเงาร่างที่พุ่งทะลวงอากาศ บินทะยานในกระบวนผนึกค่ายกลใหญ่เป็นชั้นๆ ราวกับหักทำลายไม้ผุนั่น จะเป็นหลินสวิน
นี่เหนือความคาดหมายของนางอย่างสิ้นเชิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์