Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1809

อสนีเคราะห์มาแล้ว กำลังจะตกลงมา

หลินสวินเดินออกมาจากตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่ เงยมองขึ้นไปยังเวิ้งฟ้า ก็เห็นว่าเมฆเคราะห์มืดครึ้ม มังกรอสนีน่ากลัวที่มีรูปร่างแตกต่างกันไปม้วนตัวอยู่ภายในนั้น กลิ่นอายทำลายล้างที่ปลดปล่อยออกมาเรียกได้ว่าตะลึงโลก

ขณะนี้พวกอวี่อวิ๋นเหอได้แต่อยู่ในตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่เท่านั้น ไม่กล้าออกไปข้างนอกสักนิด กลิ่นอายพิบัติเคราะห์นั่นทำให้พวกเขาใจสั่นระรัวไม่อาจสงบได้

ครืน!

เหนือเวิ้งฟ้ามีแสงอสนีเทียมฟ้าดินสายหนึ่งสาดส่องออกมาจากฟ้า มาพร้อมกับเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นสะท้านเก้าชั้นฟ้าเสียงหนึ่ง

นี่คือเคราะห์ราชันอริยะ น่ากลัวไม่มีที่สิ้นสุด อดีตกาลจวบจนปัจจุบันมีผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไรที่ต้องเคียดแค้นเจ็บช้ำ จิตสิ้นวิญญาณสลายภายใต้เคราะห์นี้

แต่โดยทั่วไปแล้ว เคราะห์สวรรค์ชั้นแรกมักจะอ่อนแอที่สุด

ทว่าในสายตาหลินสวิน อสนีเคราะห์ที่ตกลงมาจากฟ้าสายนี้ราวกับธารดาราใหญ่หนา แสงอสนีแปลงเป็นน้ำตกไหลเชี่ยวจากเก้าชั้นฟ้า ส่องสว่างไปทั้งท้องนภาภูผาธารา!

“สวรรค์!”

พวกอวี่อวิ๋นเหอล้วนอึ้งงันแล้ว

นี่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น อานุภาพอสนีเคราะห์ก็น่าหวาดหวั่นปานนี้แล้ว เช่นนั้นต่อไปมิยิ่งน่าครั่นคร้ามหรือ

เคราะห์ราชันอริยะ พวกเขาก็เคยเห็นมาก่อน ตอนคนใหญ่คนโตในตระกูลอวี่บางคนข้ามด่านเคราะห์ คนรุ่นเยาว์อย่างพวกเขาจะได้ร่วมชมอยู่ข้างๆ

แต่ยังไม่เคยเห็นที่น่าสะพรึงกลัวอย่างอสนีเคราะห์ตรงหน้ามาก่อน!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเคราะห์ราชันอริยะที่หลินสวินชักนำมาไม่ธรรมดายิ่งนัก

“รอเจ้านานแล้ว…”

หลินสวินไม่หวั่นไหว เงาร่างทะยานสูงขึ้นไป ไม่มีสิ่งกำบังใดๆ มือเปลือยหมัดเปล่า เข้าประจันหน้ากับอสนีเคราะห์

เคราะห์สวรรค์เป็นทั้งวิกฤตและโชคชะตา เคราะห์มีสวรรค์ให้กำเนิด เป็นตัวแทนของเจตจำนงแห่งมหามรรคทั่วหล้า ถูกมองว่าเป็นทัณฑ์สวรรค์

สิ่งนี้ก็พอจะคาดเดาได้จากคำว่า ‘เคราะห์’ (劫)คำนี้รวมขึ้นจากตัวอักษร ‘ขจัด’ (去) และ ‘พลัง’ (力) ความนัยไม่พูดก็เข้าใจได้ นั่นก็คือขจัดพลังบำเพ็ญมรรค

หากผู้ฝึกปราณไม่มีพลังมรรค ก็ย่อมร่างตายมรรคสลาย

นี่ก็คือเคราะห์!

และเคราะห์สวรรค์ก็มักจะใช้ทัณฑ์สวรรค์อสนี ทั้งยังเน้นหนักยิ่งนัก

สายฟ้าเป็นแหล่งกำเนิดแห่งการทำลายล้าง ต้นกำเนิดแห่งพลังชีวิต ท่ามกลางการทำลายล้างมีพลังชีวิตสายหนึ่งตามติด นี่ก็คือสายฟ้า

วสันตฤดู พอสายฟ้าฟาด พลังชีวิตปะทุขึ้น สรรพสิ่งฟื้นคืน สิ่งที่อนุมานออกมาก็คือวิถีแห่ง ‘การกำเนิด’ ที่อยู่ในสายฟ้า

เคราะห์สวรรค์ก็เป็นเช่นนี้

หากข้ามไม่ได้ ร่างสิ้นมรรคสลาย จิตดับวิญญาณซ่าน

หากข้ามได้ ก็จะชิงเอาพลังชีวิตสายหนึ่งไปครอง ทะลวงระดับขึ้นไป เกิดความเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าดินราวกับนิพพาน

ปังๆๆ!

อสนีเคราะห์สีเงินที่น่ากลัวดั่งน้ำตกธารดาราฟาดลงบนร่างหลินสวิน ปะทุออกเป็นสายฟ้าสว่างจ้าตามผิวหนังของเขา เกิดเป็นเสียงครั่นครืนหนักทุ้ม

เขาสำแดงมรรคและวิชาของตน แปลงเป็นหุบเหวลึก ถึงกับกลืนกิน ดูดซับ และหลอมอสนีเคราะห์ที่ถล่มโจมตีลงมานั้นเข้าไปในร่างกาย ใช้สิ่งนี้หลอมผิวกาย เลือดลม กระดูกเอ็น

และก็เห็นว่าเงาร่างของหลินสวินเปล่งประกายดั่งเพชรอันแพรวพราว สายฟ้าที่บิดงอเป็นสายๆ ฉายวาบไปบนผิว

พลังทำลายล้างเช่นนั้นน่ากลัวปานใด แต่สร้างรอยแผลบนผิวเขาไม่ได้!

ไม่นานนักอสนีเคราะห์ชั้นแรกนี้ก็ถูกหักล้างไปโดยสมบูรณ์

พวกอวี่อวิ๋นเหอสูดหายใจเยียบเย็น อ้าปากค้างจนคางแทบตกถึงพื้น อย่างนี้ก็ได้หรือ

แต่ไม่ทันรอให้พวกเขาได้สติกลับมา อสนีเคราะห์ชั้นที่สองก็ถาโถมลงมาแล้ว

เปรี้ยง! เปรี้ยง!

คราวนี้เป็นอสนีเคราะห์สีม่วง ควบรวมเป็นดอกมหามรรคแน่นขนัด โชติช่วงชัชวาล ปลิวลงมาจากเวิ้งฟ้า

ดอกมรรคอสนีเคราะห์แต่ละดอกล้วนประทับเจตจำนงและกฎระเบียบทำลายล้าง งดงามปานนั้น ทั้งยังน่ากลัวปานนั้น!

อย่าว่าแต่พวกอวี่อวิ๋นเหอ ต่อให้เป็นผู้ฝึกปราณที่มองดูจากที่ต่างๆ ในแดนลับต้าอวี่ยังอึ้งค้าง รู้สึกเหลือเชื่อไปครู่หนึ่ง

เพราะอสนีเคราะห์ที่ลึกลับยากหยั่งถึงเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน แม้แต่เสียงเล่าลือยังไม่เคยมี!

หลินสวินยืนกลางอากาศ สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สำแดงมหามรรคของตน ตัวเขาเหมือนหุบเหวลึกที่พาดขวางกลางห้วงอากาศ ลึกล้ำสุดหยั่ง โคจรพลังทั้งหมดเหมือนต้องการจะกลืนกินฟ้าดิน

ก็เห็นว่าทันทีที่ดอกมรรคอสนีเคราะห์สีม่วงแต่ละดอกนั้นตกลงมาก็รวมตัวผลิบานในหุบเหว สายฟ้าสีม่วงน่าหวาดหวั่นพ่นออกมาจากเกสรดอกไม้ พลังทำลายล้างที่มีอยู่ เพียงมองดูไกลๆ ก็ทำเอาพวกอวี่อวิ๋นเหอศีรษะชาหนึบ ขวัญแทบกระเจิง

นั่นเป็นเจตจำนงสวรรค์ที่ควบรวมไว้อย่างแน่นหนาเป็นที่สุด เป็นวิธีลงทัณฑ์สวรรค์สูงสุด!

ชั่วพริบตาเดียวเกสรดอกไม้นับร้อยนับพันกลางหุบเหวก็ปะทุออกอย่างกราดเกรี้ยว สายฟ้าสีม่วงพุ่งกระจาย ทำให้ทั้งหุบเหวลึกสั่นระรัวรุนแรง ส่งเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นมา

แต่ในที่สุดก็ถูกหลินสวินต้านไว้ได้!

ลมหายใจเขาเหมือนพายุอสนีซัดสาด พลังขับเคลื่อนทั้งร่างเหมือนเตาเพลิงลุกโชนถาโถม รักษาเสถียรภาพของทั้งหุบเหวเอาไว้

หลังจากดอกมรรคอสนีเคราะห์ที่ทำให้ไม่ว่าราชันอริยะคนใดต่างสิ้นหวังเหล่านั้นบานเต็มที่แล้ว ก็โรยราและดับสลายไปในหุบเหวลึก

พลังชีวิตมหามรรคในนั้นก็ถูกหลินสวินดูดซับไว้ทั้งหมด หลอมเข้าไปในกายตน เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายและจิตวิญญาณ!

“พี่หลินเขา… จะดุดันเกินไปแล้ว…”

พวกอวี่อวิ๋นเหอเหงื่อกาฬไหลไปทั่ว สะท้านขวัญไม่หยุด

เคราะห์มรรคราชันอริยะ เดิมก็น่ากลัวเป็นที่สุด ต่อให้เป็นผู้โดดเด่นชั้นเลิศแห่งยุค ยามข้ามด่านเคราะห์ก็ต้องระมัดระวัง หรือเปิดกระบวนค่ายกลจำนวนมากเพื่อคุ้มครอง ไม่ก็ต้องอาศัยสมบัติลับของสำนักมาสลายทั้งนั้น

ต่อให้เป็นเช่นนี้ ผู้ที่สามารถข้ามด่านเคราะห์นี้ได้ก็ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ในพันคนยังยากจะมีคนรอด

แต่หลินสวินกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง

เคราะห์มรรคราชันอริยะของเขาแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ อดีตกาลไม่เคยมี ไม่เคยพบเห็น เรื่องนี้เดิมทีก็ทำให้ไม่ว่าใครก็ต้องสิ้นหวัง แต่ดูเขาสิ ข้ามด่านเคราะห์ง่ายดายเหมือนกินข้าวกินน้ำ!

“ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่ากลับชาติมาฝึกใหม่ยังไม่แกร่งกล้าได้ปานนี้กระมัง…” พวกอวี่อวิ๋นเหอทอดถอนใจ

เปรี้ยง!

อสนีเคราะห์ไม่ได้หยุดลง กลับโชติช่วงยิ่งขึ้น เวิ้งฟ้าสามพันลี้มีเมฆเคราะห์ดุจน้ำหมึก อสนีเคราะห์ดั่งมังกรพลิกตัวร้องคำราม แสงประกายแตกต่างกันไปฉายระยิบระยับ

ท้ายที่สุดมีอสนีเคราะห์สีเขียวแปลงเป็นเงามายาเทพองค์หนึ่ง มือถือทวนศึกอสนีทลายท้องฟ้าลงมา!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์