“พี่หลินเขา…”
พวกอวี่อวิ๋นเหอนั่งไม่ติดที่โดยสมบูรณ์แล้ว ตื่นเต้นจนตัวแข็งทื่อ
เคราะห์ราชันอริยะชั้นที่สี่หรือ
เรื่องนี้หากแพร่ออกไป จะต้องทำให้โลกต้าอวี่หรือกระทั่งทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราตกตะลึง!
เวลาผันผ่าน
เตาหลอมที่แปลงมาจากอสนีเคราะห์นั้นสาดแสง อึงอลกึกก้อง ไม่มีทางรู้สถานการณ์ของหลินสวินได้เลย
แต่ใครก็รู้ดีว่าอสนีเคราะห์ชั้นที่สี่นี้ต้องน่ากลัวเกินจินตนาการแน่
ตูม!
หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อเต็มๆ เตาเทพที่แปลงสภาพจากอสนีเคราะห์สีชาดกลางฟ้าสูงนั้นพลันระเบิดกระจุยเป็นเสี่ยงๆ สายฟ้าอันโชติช่วงกรีดทะลุเวิ้งฟ้า ฉูดฉาดแสบตา
เงาร่างของหลินสวินตกจากห้วงอากาศลงไปหลายร้อยจั้งในทันที ทั้งร่างแตกแยก บาดแผลที่เดิมสมานกันแล้วฉีกขาดขึ้นอีกครั้ง
“พี่หลิน!”
อวี่อวิ๋นเหอตกตะลึงจนร้องเสียงหลงออกมา
“ร้องอะไร ยังไม่ตาย”
ท่ามกลางเสียงหายใจหอบกระชั้น เสียงหลินสวินลอยมา
ก็เห็นว่าเงาร่างของเขากระดุกกระดิก ประสานกันอย่างรวดเร็วกลางอากาศ เงาร่างยับเยินเปลี่ยนเป็นตรงแน่วดั่งกระบี่ โอหังดังเดิม
อวี่อวิ๋นเหออึ้งไป ตื่นเต้นจนกำหมัดแน่น อสนีเคราะห์ชั้นที่สี่นี้ ข้ามได้แล้ว!
“เป็นเทพเซียนจริงๆ…”
อวี่อวิ๋นเฟิงกับอวี่อวิ๋นหลงต่างตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ความสง่างามที่ผงาดผยอง แข็งกร้าวไม่อ่อนข้อเช่นนั้นของหลินสวิน ทำให้พวกเขาต่างเลือดร้อนสูบฉีด
แต่สำหรับผู้ฝึกปราณที่กระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ ของโลกต้าอวี่แล้ว กลับเหมือนได้เห็นปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในอดีตกาลนานมาครั้งหนึ่ง
สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เจิดจรัสทั้งในอดีตและปัจจุบัน ก็เป็นเช่นนี้!
จวบจนตอนนี้หลินสวินก็ยังมีความหวาดผวาในใจหลงเหลืออยู่ เพราะภายในเตาเทพที่แปลงมาจากอสนีเคราะห์นั้น เขาก็ผ่านความทรมานและการถล่มโจมตีมา รู้สึกว่าตนเหมือนลูกกลอนโอสถกำลังผ่านการหลอมอย่างไร้ที่สิ้นสุด ความรู้สึกเช่นนั้นอย่างกับตกนรก
“ในที่สุดก็จบลงแล้ว…”
หลินสวินพ่นลมหายใจยาว
เขารู้สึกได้อย่างแจ่มชัดว่าร่างกาย จิตวิญญาณ สภาวะจิต ไปจนถึงมรรควิถีล้วนทำลายโซ่ตรวนต่างๆ เกิดความเปลี่ยนแปลงอันอัศจรรย์น่าทึ่ง
เพียงแต่ ก็ในตอนที่เขากำลังจะสงบใจสัมผัสนี้เอง
ตูม!
ในส่วนลึกของเมฆเคราะห์เหนือหัวสามพันลี้นั้นดันมีเสียงสะเทือนรุนแรงดังมากะทันหัน หลินสวินพลันเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาหดรัดอย่างอดไม่ได้
เพียงเห็นว่าส่วนลึกของเมฆอสนีถึงกับมีรูปจำลองสีทองร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
นั่นเป็นเงามายาที่คล้ายมังกรก็ไม่ใช่ จะเหมือนงูก็ไม่เชิงตัวหนึ่ง มันใหญ่ประมาณพันจั้ง เท้าเหยียบทะเลสอสนีเคราะห์ สุริยันจันทราดาราล้อมรอบกาย ดวงตาทั้งสองคล้ายวังวนอสนีเคราะห์ มีความน่าเกรงขามสูงส่งโอหังเหนือสรรพชีวิต
เมื่อมันปรากฏตัว ทั้งแดนลับต้าอวี่ก็โกลาหล ต้นหญ้าตามภูเขาดังกรอบแกรบ ห้วงอากาศร้องครวญ ประหนึ่งเจตจำนงแห่งสวรรค์ปรากฏขึ้นในโลกมนุษย์!
พลานุภาพอันไม่เสื่อมสลาย สูงส่งและเปี่ยมพลังทำลายล้าง กดข่มให้ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นอ่อนยวบลงไปกับพื้นทันควัน จิตวิญญาณแทบพังทลาย
แม้แต่ผู้ที่มีพลังปราณแกร่งกล้าบางคนยังขาสั่นระริก สีหน้าซีดขาว แทบประคองตัวเองไม่อยู่
หลังจากอสนีเคราะห์ชั้นที่สี่ เคราะห์อันหายากไม่เคยมีมาก่อนเช่นนี้ยังไม่สิ้นสุดลงเสียอย่างนั้น!
“นี่… นี่มันเคราะห์อะไรกัน”
พวกอวี่อวิ๋นเหออยู่ใกล้หลินสวินที่สุด ถ้าไม่ได้ตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่คุ้มครองไว้ คงรับอานุภาพสวรรค์น่าหวาดหวั่นเช่นนั้นไม่ได้ไปนานแล้ว
ต่อให้เป็นเช่นนี้ พวกเขาเพียงรู้สึกว่าความหวาดหวั่นจากส่วนลึกที่สุดของจิตวิญญาณผุดออกมา นั่นเป็นความยำเกรงต่อพลังอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่อาจสลายและกดข่มได้เลย!
ในขณะเดียวกันหลินสวินก็สีหน้าครัดเคร่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน เขารู้สึกถึงกลิ่นอายคุ้นเคยอันคลุมเครือสายหนึ่ง
นั่นคือคลื่นพลังที่มีความคล้ายคลึงกับ ‘สามด่านเคราะห์ต้องห้าม’ ที่ปกคลุมอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ เป็นพลังที่เคยสังหารอริยสงฆ์ตู้จี้และนางพญาหงส์ทมิฬ!
‘แม้สิ่งที่ข้าเสาะแสวงเป็นมรรคที่ไม่เคยมีมาก่อนทั้งทั่วหล้าและอดีตกาล… แต่ก็ไม่น่าจะถึงกับเกิดมหาเคราะห์น่ากลัวพรรค์นี้…’
‘พิบัติเคราะห์เช่นนี้พุ่งเป้ามาที่ข้าคนเดียวเห็นๆ เลยนี่!’
ดวงตาดำหลินสวินลุ่มลึกน่ากลัว
ตอนอสนีเคราะห์ชั้นที่สี่ปรากฏขึ้น ก็เป็นเหตุไม่คาดฝันที่ไม่อาจกะเกณฑ์ได้ แต่เมื่อมีอสนีเคราะห์ชั้นที่ห้าปรากฏขึ้นอีก คราวนี้ไม่ใช่ไม่คาดฝันแล้ว แต่เป็นเรื่องผิดปกติ!
โครม!
ฟ้าดินอึงอล เวิ้งฟ้าคล้ายจะถล่มลงมา เงามายาที่จะมังกรก็ไม่ใช่จะงูก็ไม่เชิงตัวนั้นก็เหมือนตื่นขึ้นจากความเงียบงัน พลานุภาพที่ปะทุออกมายิ่งน่าหวาดหวั่นกว่าเดิม
อสนีเคราะห์เต็มฟ้า ล้วนแปลงสภาพเป็นส่วนหนึ่งของร่างมันทั้งสิ้น!
ขณะนี้ตามที่ต่างๆ ของแดนลับต้าอวี่ ทุกคนรู้สึกแสบตา จิตวิญญาณว่างเปล่า มองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว ราวกับว่าสัมผัสทั้งหกถูกกำจัดทิ้งไป
พวกอวี่อวิ๋นเหอก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
อสนีเคราะห์เช่นนี้ไม่อาจเอาสามัญสำนึกมาประเมินได้แล้ว พิสดารจนเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นต้องห้าม
ท่ามกลางฟ้าดินมีเพียงหลินสวินคนเดียวที่ยืนอยู่กลางอากาศ สภาวะจิต จิตวิญญาณ กระทั่งสัญชาตญาณในร่างต่างรู้สึกได้ถึงอันตรายถึงชีวิตที่ไม่อาจข่มลงไปได้
เขาสีหน้าอึมครึมเป็นอย่างยิ่ง
โครม!
เงามายาอสนีเคราะห์นั้นเคลื่อนไหวแล้ว เงื้อฝ่ามือยักษ์มิดฟ้าข้างหนึ่งขึ้นตบลงมา
ทันใดนั้นฟ้าดินถูกฉีกทึ้ง ห้วงอากาศแตกกระจุย เกิดพายุโหมคลั่ง ฝ่ามือยักษ์ยังมาไม่ถึง พลังผนึกที่ปกคลุมอยู่หน้าตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่ก็สั่นสะเทือนประหนึ่งไม่อาจรับไหวแล้ว
เทือกเขาเก้ากระถางอันกว้างใหญ่ก็คล้ายเริ่มถล่มตามไปด้วย…
หลินสวินย่อมไม่อาจนั่งรอความตายได้
“สู้!”
เงาร่างเขากระโจนขึ้น หุบเหวลึกปรากฏที่เบื้องหลัง พลังในตัวเขาถูกสำแดงถึงที่สุด แม้แต่พลังของชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดยังถูกกระตุ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์