เก้ากระถางลอยกลางอากาศ กฎเกณฑ์แรกกำเนิดหลั่งไหล ประกายแสงอันลึกลับคลุมเครือโปรยปรายลงมา
หลินสวินนั่งขัดสมาธิอยู่กลางเก้ากระถาง สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั้งร่างส่งเสียงโครมคราม พลังขับเคลื่อนโคจร กำลังหล่อหลอมมรรควิถีของตนประหนึ่งราชันเทพองค์หนึ่ง
พอบรรลุระดับราชันอริยะ ภายในโลกถ้ำผสานในร่างกายของหลินสวิน รากฐานอริยมรรค ‘ภูเขามรรคต้นกำเนิด’ ได้กลายเป็นแท่นบูชาสูงหมื่นจั้งแท่นหนึ่งไปแล้ว
แท่นบูชานี้รวมตัวขึ้นจากมรรควิถีทั้งร่างของผู้ฝึกปราณ ประทับกฎเกณฑ์มหามรรคทั้งปวงเอาไว้ และยังถูกมองว่าเป็น ‘แท่นเทพราชันอริยะ’!
นี่คือการแปรสภาพที่ชัดเจนที่สุดของระดับราชันอริยะ
หลินสวินไม่ได้รีบร้อนไปบุกเบิกและควบรวมเขตแดนมรรคของตน เพิ่งข้ามมหาเคราะห์ไร้เทียมทานมา พลังของตนแปรสภาพใหม่เอี่ยม เขาต้องสงบใจสัมผัสรู้ สร้างความมั่นคงให้มรรควิถี
‘ราชันอริยะ เป็นราชันในระดับอริยะ เป็นผู้นำของเหล่าอริยะ ดั่งเสือในพงไพร ทำให้ร้อยสัตว์หวั่นกลัวยำเกรงได้…’
‘มกุฎราชันอริยะก็ไม่เหมือนราชันอริยะ พลัง กฎเกณฑ์ รวมถึงจิตวิญญาณและพลังกายที่ครอบครองต่างมากกว่าราชันอริยะทั่วไปเป็นสิบเป็นร้อยเท่า…’
‘ด้วยระดับของข้าในตอนนี้ เผยกลิ่นอายสักหน่อยยังทำให้เหล่าอริยะหวาดกลัวได้!’
เมื่อก่อนหลินสวินก็เคยลงมือฆ่าราชันอริยะมาหลายคน เข้าใจรากฐานพลังกับความสามารถของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
ตอนนี้เมื่อเทียบกับพลังที่ตนครอบครองแล้ว เขาถึงพบว่าในระดับราชันอริยะ ความหมายของคำว่า ‘มกุฎ’ ไม่ธรรมดาปานไหน!
มกุฎราชันอริยะ ราชันอริยะ ล้วนเป็นระดับเดียวกัน แต่ความจริงแล้วต่างกันราวฟ้ากับดิน!
เหมือนอย่างแท่นเทพราชันอริยะภายในร่างของหลินสวิน ก็สำแดงท่วงทำนองเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร มีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า
ประหนึ่งหล่อขึ้นจากทองเทพอมตะ แข็งแกร่งเกินต้าน หมื่นเคราะห์ไม่อาจทำลาย!
อย่าว่าแต่ราชันอริยะทั่วไป เกรงว่าต่อให้เป็นแท่นเทพราชันอริยะที่มกุฎราชันอริยะบนโลกครอบครอง ยังต้องหม่นหมองหากอยู่ต่อหน้าหลินสวิน
และควรรู้ว่าหลินสวินเพิ่งบรรลุระดับ ว่าด้วยพลังปราณก็เป็นเพียงระดับราชันอริยะขั้นต้น แต่ถ้าลงมือเต็มกำลัง จะสามารถสังหารราชันอริยะขั้นสมบูรณ์ได้อย่างง่ายดาย!
อย่างตอนเป็นมกุฎมหาอริยะก่อนหน้านี้ เขาคิดจะเข้าใกล้กระถางใหญ่เก้าใบนี้ยังยากเย็นหาใดเทียบ แต่ตอนนี้กลับฝึกหลอมอยู่ในนี้ได้อย่างง่ายดาย
โครม!
หลินสวินหยั่งรู้ไปพลางอาศัยพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดหล่อหลอมร่างตัวเอง ทุกลมหายใจเข้าออกเสียงมรรคไหวกระเพื่อม ตัวเขาแผ่พลานุภาพอันยิ่งใหญ่ออกมา
ไกลออกไปพวกอวี่อวิ๋นเหอแค่มองดูไกลๆ ต่างรู้สึกแทบหายใจไม่ออก เกิดความเกรงกลัวตามสัญชาตญาณขึ้นในส่วนลึกของจิตใจ ประหนึ่งมดตัวจ้อยแหงนมองทวยเทพบนสวรรค์!
……
ในเวลาเดียวกันนอกตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่
เฟิงหรูเสวี่ยในชุดขาวยืนอยู่กลางอากาศ พอมองไปโดยรอบสีหน้าก็เกิดแววตื่นตะลึงอย่างไม่ตั้งใจ
ฟ้าดินแห่งนี้เหมือนประสบมหาเคราะห์โลกาวินาศ เทือกเขาพังถล่ม ผืนดินแตกระแหง ทุกที่ปรากฏร่องรอยของซากปรักหักพัง
กลิ่นอายทำลายล้างอันน่าทึ่งยังหลงเหลืออยู่บนท้องฟ้า
“นี่เป็นผลจาก ‘เคราะห์ราชันอริยะ’ ที่เกิดขึ้นเพราะชายหนุ่มคนหนึ่งทะลวงระดับจริงๆ หรือ”
เฟิงหรูเสวี่ยนิ่วหน้า
ตลอดทางที่เขามา เขาได้ยินว่าเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนมีมหาเคราะห์ชั้นยอดที่แผ่ขยายไปทั้งแดนลับต้าอวี่มาเยือน
ภาพที่สำแดงออกมาในตอนนั้นล้วนเรียกได้ว่าพบเห็นได้ยากตั้งแต่อดีตกาล น่าหวาดหวั่นจนไม่อาจจินตนาการได้
เพียงแต่เมื่อเฟิงหรูเสวี่ยสอบถาม กลับไม่มีใครสามารถระบุตัวตนของผู้ที่ข้ามด่านเคราะห์คนนั้น รวมถึงอีกฝ่ายข้ามด่านได้สำเร็จหรือไม่
‘หลินเต้ายวน… หลินเต้ายวน…’
เฟิงหรูเสวี่ยท่องชื่อนี้เงียบๆ ในใจ ส่วนสีหน้าของเขายิ่งเรียบเฉยและเย็นชาขึ้นไปอีก
ตอนนี้พลังผนึกบริเวณเทือกเขาเก้ากระถางถูกทำลายไปนานแล้ว ทำให้ตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่อันสูงตระหง่านเก่าแก่นั้นก็เผยขึ้นท่ามกลางฟ้าดิน
“ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร วันนี้ก็ต้องตาย!”
เฟิงหรูเสวี่ยแววตาดุจกระบี่ เยื้องย่างไปข้างหน้า
ตั้งแต่ตอนที่ยืนยันข่าวการตายของลี่โยว เขาก็ไม่อาจควบคุมไอสังหารในใจไว้ได้แล้ว
“เปิด!”
ณ ที่ที่ห่างจากตำนักเทพจักรพรรดิอวี่พันจั้ง เฟิงหรูเสวี่ยซึ่งเงาร่างสูงใหญ่รวบนิ้วกวาดออกไป ปราณกระบี่สายหนึ่งก็แล่นผ่านท้องฟ้า
ปราณกระบี่นั้นเป็นสีขาวโพลน กระบวนเฉือนเดียวดั่งธารดาราเทตัวลงมาจากฟ้า ในปราณกระบี่หิมะน้ำแข็งหวีดหวิว ปรากฏภาพประหลาดน่าตกตะลึง
โครม!
เมื่อปราณกระบี่กดข่มลงไป สัญลักษณ์ลายมรรคถาโถมพลุ่งพล่านไปรอบตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่ แปลงสภาพเป็นพลังผนึกเข้าต้านกระบี่ที่เรียกได้ว่าตระการตานี้
ทั้งสองปะทะกัน เกิดเป็นคลื่นไหวกระเพื่อมรุนแรง
“ให้ตายสิ ดันมีคนโจมตีที่นี่!”
ในตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่ พวกอวี่อวิ๋นเหอตื่นตกใจทันที ล้วนเผยสีหน้าโกรธเคืองออกมา
ตำหนักแห่งนี้เป็นสิ่งที่ต้นตระกูลอวี่หลงเหลือไว้ เดิมเป็นสถานที่แห่งวาสนาที่เตรียมไว้ให้ผู้ฝึกปราณจากเก้าโลกใหญ่ แต่ตอนนี้ดันมีคนจะลงมือทำลาย
ทว่าครู่ต่อมาพวกอวี่อวิ๋นเหอก็รู้สาเหตุแล้ว
นอกตำหนักมีเสียงเย็นชาราวกับไม่มีความรู้สึกแม้สักนิดเสียงหนึ่ง…
“หลินเต้ายวน ไสหัวออกมารับความตาย!”
ทุกถ้อยคำล้วนเป็นดั่งกระบี่แหลมไร้เทียมทาน ประกายคมน่าครั่นคร้าม ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวยะเยือก
พวกอวี่อวิ๋นเหอสบตากัน เผยสีหน้าเคร่งเครียดออกมา
ไม่ต้องคาดเดาสักนิดพวกเขาก็รู้ว่า ถ้ากล้ามาท้าสู้อย่างแข็งกร้าวเช่นนี้ ผู้มาเยือนต้องเป็นคนใหญ่คนโตผู้หนึ่งแน่
และเป้าหมายก็ย่อมเป็นเพราะต้องการแก้แค้นให้บุคคลชั้นยอดของเก้าโลกใหญ่อย่างชื่อหลิงจื่อ สุ่ยปี้อวิ๋น ถึงอย่างไรก่อยหน้านี้หลินสวินก็เคยกำราบพวกเขา โจมตีจนพวกเขาพ่ายแพ้ยับเยิน
“น่าชังนัก ตอนนั้นพี่หลินไม่น่าปรานีเลย”
อวี่อวิ๋นเหอกัดฟัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์