หลังจากสังหารหญิงชุดงามหรูแล้ว ภายในร่างหลินสวินก็มีกระแสพลังมหามรรคอันผสมปนเปสายแล้วสายเล่า การหยั่งรู้อันยุ่งเหยิงนานาชนิดรวมตัวอยู่ภายใน
หลินสวินโคจรพลังปราณกำราบสิ่งเหล่านั้นทีละอย่าง ไม่ได้หลอมไปในทันที พลังมหามรรคเหล่านี้บ้างมีประโยชน์บ้างไร้ประโยชน์ ต้องใช้ความคิดแยกแยะ
สายตาของเขามองไปอีกทางหนึ่ง
ที่นั่นมีหลี่โผ ผู้อาวุโสของหอกระบี่ดาราเลิศที่แต่ชุดเขียวทั้งตัวยืนอยู่ ก่อนหน้านี้เขาหนีไปอย่างเสียขวัญ แต่ขณะนี้กลับหยุดอยู่ตรงนั้นอย่างผิดปกติ
แม้แต่สีหน้ายังไม่มีแววตื่นตระหนกแต่อย่างใด
“ดูท่าเจ้าจะมีแผนการซ่อนเร้นอยู่อีก”
ตาดำหลินสวินลุ่มลึก ไม่ได้ลงมือทันที
ก็เห็นว่าหลี่โผยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่เหมือนพวกเขา มั่นใจนักว่าเจ้าก็คือหลินสวิน”
“มั่นใจได้อย่างไร”
หลินสวินเลิกคิ้ว
หลี่โผชี้ที่ศีรษะของตน “สัญชาตญาณ บุคคลชั้นยอดบนโลกนี้มีไม่มาก พวกที่โด่งดังก็มีชื่อสะท้านทางเดินโบราณฟ้าดาราไปแล้ว มีเพียงเจ้าหลินเต้ายวน อย่างกับปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ด้วยพลังต่อสู้ที่เจ้ามีสมัยอยู่ระดับมกุฎมหาอริยะก่อนหน้านี้ก็มีชื่อสะท้านใต้หล้าได้แล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือคนอื่นกลับไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเจ้ามาก่อน เรื่องนี้ผิดปกตินัก”
หลินสวินเอ่ย “เจ้าว่าต่อสิ”
หลี่โผดูเยือกเย็นนัก ยิ้มพูดว่า “แต่ตามที่ข้ารู้มา บนโลกนี้มีคนผู้หนึ่งที่ตัวตนลึกลับไม่อยากถูกพบเห็นเหมือนกับเจ้า นั่นก็คือหลินสวินที่อยู่อันดับหนึ่งบนกระดานมหาอริยะฟ้าดารา ถ้ามองพวกเจ้าสองคนเป็นคนเดียวกัน เช่นนั้นหลายเรื่องก็เข้าใจได้ง่ายแล้ว”
หลินสวินพูด “มีอีกไหม”
หลี่โผยิ้มอย่างนึกสนุก “มีอยู่แล้ว คราวนี้ยังต้องขอบคุณเจ้ายิ่งนักที่ลงมือช่วยข้ากำจัดเหล่าคู่ต่อสู้ของหอกระบี่ดาราเลิศของข้า ตอนนี้ใครก็รู้ว่าพวกเขาตายด้วยน้ำมือหลินสวิน ส่วนข้าก็ไม่อาจเป็นศัตรูของเจ้าได้ ดังนั้น…”
หลินสวินคล้ายเข้าใจขึ้นมา เอ่ยว่า “ดังนั้นถ้าข้าตายที่นี่ ก็จะตายโดยไม่มีหลักฐาน ส่วนเจ้าก็ชิงศุภโชคที่อยู่กับตัวข้าไปได้ ต่อให้รอดชีวิตออกไปจากที่นี่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกคนอื่นสงสัยในตัวเจ้า ใช่ไหม”
หลี่โผชมเชย “สหายน้อยฉลาดหลักแหลมจริงๆ”
หลินสวินเอ่ยอย่างไม่เข้าใจว่า “แต่ในเมื่อเจ้ารู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า แล้วไยถึง…”
พูดถึงตรงนี้ตาดำหลินสวินก็หดเกร็ง กล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”
เพิ่งพูดจบ
ขวับ!
เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบกลางอากาศ แต่งกายด้วยชุดนักพรต สวมเกี้ยวเหล็กบนศีรษะ ที่กรามไว้เคราสามด้าน รูปลักษณ์โดดเด่นดั่งเซียน
แต่พอหลินสวินได้เห็นคนผู้นี้เป็นครั้งแรก ก็ดูออกว่านี่คือกึ่งจักรพรรดิผู้หนึ่ง!
หลินสวินเคยเห็นคนใหญ่คนโตระดับกึ่งจักรพรรดิมาไม่รู้เท่าไร ตั้งแต่สมัยอยู่ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิของดินแดนรกร้างโบราณ ไม่มีทางดูผิดไปแน่
“เจ้าเข้าใจช้าไปหน่อยแล้ว”
ชายชุดนักพรตเอ่ยเฉื่อยชา เงาร่างของเขายืนเรื่อยเปื่อยอยู่ก็มีความน่าเกรงขามไร้รูปเหมือนเจ้าเหนือหัวผู้หนึ่ง
“คารวะอาจารย์ลุง”
หลี่โผก้าวออกมา ก้มตัวคารวะ
คนผู้นี้ก็คือชุยฝู อาจารย์ลุงของหลี่โผ ผู้อาวุโสสำนักหอกระบี่ดาราเลิศ สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับกึ่งจักรพรรดิที่เร้นตัวจากโลกมานานแล้วผู้หนึ่ง!
“มิน่าถึงมั่นใจเช่นนี้ ที่แท้ก็มีแผนการซ่อนเร้นไว้ก่อนแล้วตามคาด”
หลินสวินทอดถอนใจ “ถ้าพูดเช่นนี้ ตอนนี้ข่าวในแดนลับต้าอวี่แห่งนี้ถูกปิดไปนานแล้วใช่ไหม”
หลี่โผสุขุมเยือกเย็น ยิ้มเอ่ยว่า “สหายน้อย เจ้ามีฐานะพิเศษ ฆ่าเจ้าเรื่องเล็ก แต่หากให้คนอื่นรู้ว่าวาสนาที่อยู่กับตัวเจ้าถูกพวกเราหอกระบี่ดาราเลิศได้ไป เช่นนั้นก็จะเป็นภัยยิ่งใหญ่ ยังดีที่ถึงอย่างไรหอกระบี่ดาราเลิศของข้าก็เป็นสำนักอันดับหนึ่งในโลกต้าอวี่ แค่ปิดข่าวบางอย่างย่อมสบายมาก”
“เหอะๆ น่าสนใจ”
หลินสวินก็ยิ้มขึ้นมา เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเบื้องหลังการเข่นฆ่าครั้งนี้ถึงกับมีความลึกลับมากมายเช่นนี้อยู่
“ช่วยไม่ได้ วาสนาบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ชิ้นหนึ่งเชียวนะ เพียงพอจะทำให้ไม่ว่าสำนักไหนล้วนต้องการเข้าไปช่วงชิงโดยไม่เสียดายค่าตอบแทนทั้งหมด…”
หลี่โผทอดถอนใจ แววตาเจือความบ้าคลั่ง
หลินสวินหุบยิ้ม ดวงตาดำลุ่มลึก เอ่ยเสียงเรียบว่า “แต่พวกเจ้าแน่ใจจริงๆ หรือว่ากึ่งจักรพรรดิคนเดียวก็จะรั้งข้าได้”
หลี่โผนิ่วหน้า จากนั้นก็คลายสีหน้าลงพูดเย้าแหย่ว่า “สหายน้อย เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าเพิ่งบรรลุระดับก็จะข้ามหนึ่งระดับใหญ่ไปต้านกึ่งจักรพรรดิได้แล้ว”
พอพูดจบตัวเขาเองยังส่ายหน้าหัวเราะหยันขึ้นมา
กึ่งจักรพรรดิ!
ในโลกต้าอวี่แห่งนี้ก็ประดุจดั่งทวยเทพ แม้แต่มกุฎราชันอริยะก็ทำได้เพียงก้มหัวให้!
“คุยโวไม่ละลาย”
ชุยฝูในชุดนักพรตก็ยิ้มแล้ว เพียงแต่รอยยิ้มมีแต่ความเย้ยหยัน
เขาผลักฝ่ามือหนึ่งออกไป
โครม!
ประทับฝ่ามือมิดฟ้าแทรกสอดพลังอันคลุมเครือของระดับกึ่งจักรพรรดิ ปกคลุมลงไป
ความรู้สึกที่มอบให้ก็เหมือนฟ้าดินภูผาธาราแถบนี้แปรเปลี่ยนเป็นเล็กจ้อยลงเบื้องหน้าฝ่ามือนี้
นี่ก็คือกึ่งจักรพรรดิ ประหนึ่งจอมสวรรค์เยือนโลกา!
นัยน์ตาหลินสวินหดรัดลงเล็กน้อย พลังปราณทั้งร่างโคจรถึงจุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว ต้นแบบเขตแดนมรรคสะท้อนขึ้นเหนือหัวเขา ไอขุ่นมัวไหลเวียนพร่าเลือน
ปัง!
พอฝ่ามือนี้ตบลงมา เขตแดนมรรคพลันสั่นสะเทือน แต่กลับบดทำลายพลังฝ่ามืออันน่ากลัวไร้สิ้นสุดนั้นทุกกระเบียดได้ในที่สุด
แต่หลินสวินก็ไม่ได้สบายนัก เลือดลมทั้งกายปั่นป่วน
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นกึ่งจักรพรรดิผู้หนึ่ง และตอนนี้พลังปราณมกุฎราชันอริยะขั้นต้นของเขาก็มีระดับต่างกันมากเกินไป
แต่หลินสวินไม่ท้อใจสักนิด กลับใจเต้นระส่ำ!
เมื่อก่อนสมัยอยู่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ คราอยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิ เขาแทบจะไร้พลังตั้งกระบวนท่า มองพวกเขาเป็นทวยเทพบนสวรรค์ ส่วนตัวเองเล็กจ้อยดุจมด
ทว่าตอนนี้ เขามีรากฐานพลังที่สามารถต้านระดับกึ่งจักรพรรดิได้แล้ว!
ชั่วพริบตาหลินสวินก็ถูกฟาดกระเด็น ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าขาดวิ่น แต่เขากลับยังหัวเราะหยัน “เป็นแบบนี้ต่อไป จะกลายเป็นตัวตลกในหมู่ผู้มากความสามารถแน่”
ไอสังหารดุร้ายปรากฏขึ้นกลางหว่างคิ้วชุยฝู เงาร่างฉายวาบ ควบคุมกฎเกณฑ์วายุอสนี ชักนำปรากฏการณ์ประหลาดทั่วหล้า สายฟ้าฟาดถล่ม อสนีบาตเริงระบำ
ตูม เปรี้ยงๆ!
ชั่วขณะเดียวฟ้าดินก็ปั่นป่วนขึ้นมา
ด้านหลินสวินก็เหมือนเรือเดียวดายที่อยู่ในพายุฝนอันบ้าคลั่ง ถูกกดข่มจนเงยหน้าไม่ขึ้น เงาร่างโซเซ ยับเยินถึงที่สุด
แต่ไม่ว่าชุยฝูจะโจมตีเช่นไร กลับไม่อาจสังหารเขาได้ในเวลาสั้นๆ
กระทั่งว่าแม้แต่อาการบาดเจ็บบนตัวหลินสวินยังฟื้นฟูขึ้นมาในระหว่างการห้ำหั่นครั้งแล้วครั้งเล่า
ประหนึ่งไร้มรณะไม่เสื่อมสลาย!
พลังอันแกร่งกล้าหาใดเทียบนั้นทำให้ชุยฝูหางตากระตุก ไอสังหารในใจยิ่งโชติช่วง หากสัตว์ประหลาดตัวจ้อยเช่นนี้รอดไป เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเภทภัยไร้สิ้นสุดในภายหลัง
ตูม!
อานุภาพของเขาซัดสาด ใช้กระบวนท่าพิฆาต ภูผาธารากว้างใหญ่ต่างปกคลุมไปด้วยอสนี สายฟ้าฟาดแน่นขนัดกระจัดกระจาย พลานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาทำให้หลี่โผที่ดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ ยังรู้สึกหายใจไม่ออก ตกตะลึงหัวใจจะวาย
แต่ที่ทำให้เขาหวาดกลัวที่สุดก็คือ ภายใต้การโจมตีเช่นนี้ต่อให้หลินสวินยับเยินหาใดเทียบ แต่กลับแบกรับไว้ได้คล้ายศิลากล้าก้อนหนึ่ง!
“เจ้าวิปริตนี่มาจากไหนกันแน่”
หลี่โผตกตะลึงอ้าปากค้าง สบถออกมาแล้ว
“เจ้าเฒ่า ตกลงเจ้าไหวหรือเปล่า”
หลินสวินกระอักเลือดไม่หยุด สีหน้าก็ซีดเผือดขึ้นมา แต่ดวงตาดำของเขาเปล่งประกายดั่งดวงดารา จิตต่อสู้ทั้งร่างทะลุเมฆ ดูโอหังได้ปานนั้น
กึ่งจักรพรรดิหรือ
ดูเหมือนจะไม่เท่าไรนะ…
“สวะตัวจ้อย!”
ชุยฝูเส้นเอ็นหน้าผากปูดโปน ถูกคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งดูถูกซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ทำให้เขาไฟโทสะคับอก โกรธจนเลือดขึ้นหน้า
โครม!
มือทั้งสองของเขาโอบอากาศราวกับกอดความว่างเปล่า เบื้องหลังเขามีรูปจำลองน่าตกตะลึงองค์หนึ่งอุบัติขึ้น คล้ายจอมเทพมหามรรค สุริยันจันทราขึ้นลง หมื่นดาราโคจร รูปลักษณ์น่าเกรงขาม ร่างกายมีแสงอนันต์ผุดออกมา
“เทพพิชิตสุริยัน!”
ชุยฝูตะคอกลั่น เสียงดังกึกก้องประหนึ่งวสันต์อสนี
ส่วนรูปจำลองดั่งจอมเทพที่อยู่เบื้องหลังเขาก็พลันแกว่งหมัด ซัดแสงเทพไร้สิ้นสุดกระแทกเข้าใส่หลินสวิน
หลินสวินนัยน์ตาหดรัดทันควัน
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ต่อสู้มาที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันตรายถึงขีดสุด ดั่งดาบแทงกระดูก
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์