จินเทียนเสวียนเยวี่ยที่อยู่ในชุดกระโปรงสีเรียบ ใบหน้าอรชรเจือแววซีดขาว
นางคิดไม่ถึง ตนถึงกับไม่ได้เห็นแม้แต่ตัวอวี่เสวียนก็ถูกปฏิเสธเสียแล้ว!
ควรรู้ว่านางในอดีตก็หยิ่งผยองและทะนงตนถึงขีดสุด ครั้งนี้ยอมก้มหัวให้ ยินดีทำหน้าที่เป็นพวกผู้ติดตามคนหนึ่ง ก็ลังเลและไตร่ตรองอยู่นานเหมือนกัน
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าตนจะถูกปฏิเสธ…
ชั่วขณะนั้นในใจนางผุดความอับอายและคับข้องใจขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทว่าท้ายที่สุดจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็ยังข่มกลั้นเอาไว้ ไม่ได้สลัดแขนเสื้อจากไป และไม่ได้บันดาลโทสะ นางแค่ยืนอยู่หน้าเรือนพักของหลินสวินทั้งอย่างนั้น
โดดเดี่ยวลำพัง ยืนอย่างเงียบสงบ
ไม่ว่าข่าวเกี่ยวกับนางบนยานลมกรดจะรุนแรงแค่ไหน นางก็เหมือนฟังไม่เข้าหูสักนิด
…
“ผู้อาวุโสอวี่เสวียน จินเทียนเสวียนเยวี่ยคนนี้เป็นถึงผู้กล้าหญิงแห่งยุค ข้างกายยังมีระดับจักรพรรดิคอยติดตาม ท่านจะปล่อยให้นางตากลมอยู่ตรงนั้นโดยไม่สนใจเช่นนี้เลยหรือ”
ในเรือนหลิ่วชิงเยียนอดเอ่ยถามไม่ได้
แม้แต่นางยังเริ่มอดทนไม่ได้ขึ้นมาเช่นกัน
หลินสวินกำลังศึกษาคัมภีร์ร้อยสมุนไพรทั่วหล้า เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็กล่าวง่ายๆ “นั่นเป็นเรื่องของตัวนางเอง ไม่เกี่ยวกับข้า”
ในใจเขาก็จนใจไปพักหนึ่งเช่นกัน
เขาพอจะเดาได้เลาๆ แล้ว สาเหตุที่จินเทียนเสวียนเยวี่ยมาขอเป็น ‘ผู้ติดตาม’ อยู่หน้าเรือนตน คงเพราะได้รับการชี้นำจากจักรพรรดิกระบี่วายุคนนั้น
แต่จุดสำคัญคือ หลินสวินไม่อาจตอบตกลงได้สักนิด
นั่นก็เพราะจินเทียนเสวียนเยวี่ยมีชื่อเสียงถึงขีดสุด หากให้นางคอยติดตามอยู่ข้างกาย จะต้องดึงดูดความสนใจมากเป็นแน่ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้สถานะแท้จริงของเขาเปิดเผยอย่างง่ายดาย!
หลินสวินเอ่ยถาม “จริงสิ ผ่านไปอีกไม่กี่เดือนก็จะไปถึงโลกใหญ่หงเหมิงแล้ว แม่นางชิงเยียนมีแผนอะไรหรือไม่”
หลิ่วชิงเยียนลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยังกล่าวว่า “อาจารย์บอกว่าในโลกใหญ่หงเหมิงมีสถานที่เร้นลับแห่งหนึ่งชื่อ ‘แดนพิสุทธิ์กัมปนาท’ ผู้ฝึกปราณในนั้นล้วนเป็นยอดฝีมืออาวุโสที่ใช้ศาสตร์ดนตรีเข้าสู่มรรค”
“อาจารย์รับปากว่าจะพาข้าไป หากสามารถกราบเข้าไปฝึกปราณในแดนพิสุทธิ์กัมปนาทได้ ก็ไม่ต้องหวาดกลัวการคุกคามจากข่งอวี้นั่นอีกแล้ว”
หลินสวินกล่าว “เป็นเช่นนี้ดีที่สุด”
เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ หลังจากไปถึงโลกใหญ่หงเหมิงก็ต้องแยกกับหลิ่วชิงเยียน ถึงตอนนั้นย่อมไม่อาจดูแลคุ้มครองหลิ่วชิงเยียนต่อไปได้อีก
หากหลิ่วชิงเยียนสามารถเข้าไปฝึกปราณที่แดนพิสุทธิ์กัมปนาทได้ ก็จะทำให้หลินสวินไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องนี้อีก
คิดถึงตรงนี้หลินสวินก็เอ่ยถาม “แม่นางชิงเยียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าแดนพิสุทธิ์กัมปนาทนั่นรับผู้สืบทอดหรือไม่”
หลิ่วชิงเยียนส่ายหน้า “อาจารย์บอกเพียงว่าไปลองดู สำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับวาสนา”
“ขึ้นอยู่กับวาสนา…”
หลินสวินทอดถอนใจในใจ หากเป็นเช่นนี้ย่อมมีหวังไม่มากเท่าไหร่แล้ว
เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก็หยัดกายขึ้นเต็มความสูง เดินออกนอกเรือนพัก
ด้านนอก พอเห็นหลินสวินเปิดประตูใหญ่เดินออกมา จินเทียนเสวียนเยวี่ยก็เผยสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็อดประหม่าขึ้นมาไม่ได้
หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้สักนิด กล่าวตรงๆ ว่า “แม่นางเสวียนเยวี่ย เจ้ากลับไปบอกผู้อาวุโสจักรพรรดิกระบี่วายุได้แล้ว บอกว่าหากเขาต้องการชดเชยให้ข้าคนแซ่อวี่ แค่ต้องช่วยข้าทำเรื่องหนึ่งก็พอ”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยอึ้งงัน กล่าวว่า “เรื่องอะไร”
หลินสวินสื่อจิตกล่าวหนึ่งรอบ
จินเทียนเสวียนเยวี่ยฟังจบ ใบหน้าที่ดุจดั่งเซียนสะท้านโลกก็ฉายแววซับซ้อนออกมา “สหายยุทธ์ ในความคิดของเจ้า ข้าจินเทียนเสวียนเยวี่ยเทียบกับผู้สืบทอดหอเสียงสวรรค์คนหนึ่งไม่ได้เลยหรือ”
ไม่รคำตอบนางก็เบือนหน้าจากไป
ภายในใจเปี่ยมด้วยความขมขื่น
นางจินเทียนเสวียนเยวี่ย ทายาทเลือดบริสุทธิ์สายหลักของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนที่สูงส่ง ผู้กล้าแห่งยุคที่ฝึกปราณหนึ่งร้อยแปดสิบปีก็ขึ้นสู่อันดับที่สี่สิบเก้าของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์
ยามนี้ยอมฝืนใจก้มหัว ยินดีรับบทเป็นผู้ติดตาม กลับยังถูกปฏิเสธ
และอวี่เสวียนนี่ เพื่อผู้ฝึกปราณสายศิลป์อย่างหลิ่วชิงเยียนกลับเอ่ยปากเสนอเงื่อนไขการชดเชยอย่างหนึ่ง เมื่อเทียบกันเช่นนี้แล้ว เรื่องนี้ทำให้จินเทียนเสวียนเยวี่ยผู้หยิ่งผยองลำพองตนรู้สึกเหมือนถูกซัดโจมตี
หลินสวินมองส่งนางจากไปแล้วก็ส่ายหน้า และเดินกลับเข้าเรือนอีกครั้ง
…
“เขาบอกว่า ขอเพียงข้าช่วยหลิ่วชิงเยียนคนนั้นกราบอาจารย์เข้าสู่แดนพิสุทธิ์กัมปนาท ก็ถือเป็นการชดเชยแล้วหรือ”
ตอนที่ได้รู้เงื่อนไขการชดเชยที่หลินสวินเอ่ยขอจากปากจินเทียนเสวียนเยวี่ย จักรพรรดิกระบี่วายุอดอึ้งไปไม่ได้ รู้สึกแปลกใจยิ่ง
หว่างคิ้วจินเทียนเสวียนเยวี่ยฉายแววหมองมัว กล่าวว่า “ผู้อาวุโส อวี่เสวียนนี่ไม่เห็นข้าในสายตาถึงเพียงนี้จริงๆ หรือ”
จักรพรรดิกระบี่วายุทอดถอนใจในใจ
เดิมทีตามความคิดของเขา หากสามารถทำให้จินเทียนเสวียนเยวี่ยติดตามฝึกปราณอยู่ข้างกายหลินสวินได้ ก็เท่ากับมีโอกาสผูกวาสนากับอีกฝ่ายแล้ว
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็มีศิษย์พี่ระดับจักรพรรดิที่ระดับสูงลิบถึงขั้นไม่อาจคาดเดาได้คนหนึ่ง ขุมอำนาจของสำนักเบื้องหลังเขาจะแข็งแกร่งปานใดกัน
หากจินเทียนเสวียนเยวี่ยฉวยโอกาสนี้ได้รับการยอมรับจากอีกฝ่าย ไม่แน่ว่าอาจได้รับศุภโชคที่คาดไม่ถึงบางส่วนก็เป็นได้
ใครเลยจะคาดคิด…
อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ!
“เสวียนเยวี่ย ยังจำเรื่องที่หลายวันก่อนผู้อาวุโสอย่างข้าเป็นฝ่ายก้มหัวยอมรับความพ่ายแพ้เองได้หรือไม่”
จักรพรรดิกระบี่วายุสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ทอดมองผู้น้อยตรงหน้าที่ตนชื่นชมมากที่สุดอย่างจริงจัง “นี่เป็นเพียงอุปสรรคส่วนหนึ่งในการเคี่ยวกรำมหามรรคเท่านั้น อย่าได้ย่อท้อเด็ดขาด อวี่เสวียนอาจจะมีความคิดของเขา แต่มรรคาของเจ้า… ไม่อาจถูกรบกวนด้วยเรื่องนี้เป็นอันขาด”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยร่างสั่นสะท้าน กล่าวว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งที่ชี้แนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์