Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1846

สรุปบท ตอนที่ 1846 แขกผู้เหนือความคาดหมาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1846 แขกผู้เหนือความคาดหมาย – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 1846 แขกผู้เหนือความคาดหมาย ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หยั่งรู้อยู่เนิ่นนาน จู่ๆ หลินสวินก็ยื่นมือขึ้นคว้าเบาๆ กลางห้วงอากาศ

วู้ม!

แสงระเรื่อสีเหลืองหม่นที่แผ่จากพลังวิญญาณธาตุดินอันแน่นหนาไพศาลควบรวมกลางห้วงอากาศ สุดท้ายกลายเป็นกรวดทรายที่ขุ่นมัวคลุมเครือเม็ดหนึ่ง

เล็กเท่าเมล็ดงา เล็กจ้อยถึงขีดสุด

แต่ความรู้สึกที่มอบให้ผู้คน กลับประหนึ่งไอมารดรต้นกำเนิดที่สามารถฟูมฟักสรรพชีวิตออกมาได้ เผยกลิ่นอายสูงตระหง่านอันน่าตกใจออกมา

หลินสวินดีดนิ้วคราหนึ่ง เม็ดทรายนี้พลันกลายเป็นภูเขาใหญ่สูงตระหง่านลูกหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นแผ่นดินกว้างที่ลอยล่องแถบหนึ่ง…

สุดท้ายทรายเม็ดนี้ก็กลายเป็นดินแดนดุจดั่งมายาแห่งหนึ่ง ไพศาลและหนาแน่น คละคลุ้งด้วยกลิ่นอายทนทานไร้จำกัด

‘หนึ่งเม็ดทรายดั่งโลกใบหนึ่ง หมื่นวิญญาณสรรพชีวิตฟูมฟักอยู่ภายใน…’

หัวใจหลินสวินไหวขยับ ผสานแรงปรารถนาสรรพชีวิตที่ตนครอบครองทั้งหมดเข้าไปในทรายเม็ดนี้

ฉับพลันภาพเหตุการณ์สุดวิเศษอัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น

ท่ามกลางโลกที่วิวัฒน์ขึ้นมาจากกรวดทรายนั่น ถึงกับปรากฏลักษณ์แห่งสรรพชีวิต หมื่นวิญญาณทั่วหล้าพำนักอาศัยอยู่ในนั้น กว้างใหญ่ไพศาล

หากกล่าวว่าโลกกรวดทรายก่อนหน้านี้เหมือนมายาว่างเปล่าเกินไป เช่นนั้นโลกกรวดทรายตรงหน้านี้ก็ราวกับมีอยู่จริง

และหลินสวินก็ดุจดั่งนายเหนือหัวผู้ให้กำเนิด มองเห็นทุกนัยเร้นลับของโลกนี้ มีอานุภาพผงาดกร้าวในโลก เฝ้ามองสรรพชีวิต!

ตูม!

สุดท้าย ‘โลกกรวดทราย’ นี้ก็กลายเป็นประทับใหญ่สีเหลืองดินที่เรียบง่ายไพศาล ตามความคิดที่ขยับไหวของหลินสวิน

มันลอยแขวนกลางอากาศ สำแดงลักษณ์สรรพชีวิต

นี่ก็คือ ‘ประทับแห่งสรรพชีวิต’ ที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์มหามรรคหวงถิง! ควบรวมขึ้นจากพลังแห่งพรสวรรค์ที่กายมรรคดินเหลืองเชี่ยวชาญ!

‘ธาตุดิน หนักแน่นในคุณธรรม ศิษย์พี่เก้าถึงกับผสานแรงปรารถนาสรรพชีวิตเข้าไปในอภินิหารของกายมรรคดินเหลือง ฝีมือระดับนี้เรียกได้ว่าเปลี่ยนสังขารเน่าเปื่อยเป็นความอัศจรรย์เลิศล้ำ’

แววตาหลินสวินเจิดจ้า จับจ้อง ‘ประทับแห่งสรรพชีวิต’ ที่ลอยอยู่เบื้องหน้า จิตใจบังเกิดแรงสะเทือนขึ้นระลอกหนึ่ง

ความวิเศษอัศจรรย์ของประทับนี้น่าเหลือเชื่อ และอานุภาพของมันก็ยิ่งแข็งแกร่งเกินกว่าจะจินตนาการ ใช้มันต่อสู้ ก็เหมือนกวาดรวบเอาพลังทั้งโลกและอานุภาพแห่งสรรพชีวิตเข้าโจมตีพร้อมกัน!

ฮูม…

หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ประทับแห่งสรรพชีวิตเลือนหายไปจนสิ้น

‘กายมรรคไม้เขียวครอบครองพรสวรรค์แห่งเป็นตายรุ่งเรืองโรยรา กายมรรคดินเหลืองครอบครองประทับแห่งสรรพชีวิต นี่เท่ากับข้าครองวิธีต่อสู้ที่วิเศษอัศจรรย์สองอย่าง’

หลินสวินครุ่นคิด ‘ต่อไปเมื่อถึงโลกใหญ่หงเหมิง ก็สามารถเปลี่ยนเป็นอีกตัวตนได้อย่างสิ้นเชิง ใช้กายมรรคดินเหลืองท่องทะยานทั่วหล้า ถึงตอนนั้นใครจะคาดเดาได้ว่าข้าก็คือหลินสวิน และใครบ้างจะรู้ว่าข้าเคยเป็นอวี่เสวียนมาก่อน’

หลินสวินถึงขั้นคิดไปว่า ใยภายหน้ายามตนควบรวม ‘กายมรรคเพลิงแดง’ ‘กายมรรคทองขาว’ ‘กายมรรควารีดำ’ ออกมาได้อีก นั่นเท่ากับเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนสถานะได้ทุกเมื่อขึ้นอีกสามอย่าง!

‘เมื่อเป็นเช่นนี้ ในโลกใหญ่หงเหมิงใครเล่าจะรู้ว่าข้า… ก็คือข้า’

นัยน์ตาดำของหลินสวินลึกล้ำ ภายในใจรู้สึกผ่อนคลายไปพักหนึ่ง

สถานะของอวี่เสวียนนี้ ยามนี้ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นมากเกินไป แต่ไม่เป็นไร ต่อไปก็สามารถทำการเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ

หนำซ้ำแม้แต่ระดับจักรพรรดิ เกรงว่าจะยังไม่สามารถมองพิรุธจุดนี้ออกด้วยซ้ำ!

ถึงอย่างไรกายมรรคแต่ละแบบต่างมีท่วงทำนองและกลิ่นอ่ายเป็นของตัวเอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ ‘การปลอมตัว’ ทั่วๆ ไปจะสามารถเทียบได้

ในวันนี้หลังเคี่ยวกรำหนักหน่วงมาสองเดือน หลินสวินก็ควบรวมกายมรรคดินเหลืองออกมาได้สำเร็จ

อีกทั้งปราณของเขาก็ยังพลอยรุดหน้าขึ้นอีกขั้นตามไปด้วย ระยะห่างจากการทะลวงระดับมกุฎราชันอริยะขั้นกลางเหลือเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น

และในวันนี้เอง ยานลมกรดก็มาถึง ‘เขตแดนดาราราชันแสง’ เขตแดนมหาดาราเก้าบนของทางเดินโบราณฟ้าดาราที่อยู่ใกล้กับเขตแดนดาราใจกลางมากที่สุด

โลกใหญ่แดนธรรม

โลกที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งของเขตแดนดาราราชันแสง ค่อนข้างมีชื่อเสียงเช่นเดียวกับโลกใหญ่จินเทียนในเขตแดนดาราจักรพรรดิขาว

ยามมาถึงที่นี่ พวกผู้อาวุโสชั้นสูงเหลียงชวนแห่งหอเสียงสวรรค์ต่างก็เริ่มประหม่าหาใดเปรียบ รู้สึกถึงความกดดันมหาศาล

สาเหตุก็เพราะ โลกใหญ่แดนธรรมแห่งนี้เป็นอาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง!

และควรรู้ว่า ข่งอวี้ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์นั่นเป็นทายาทเลือดบริสุทธิ์คนหนึ่งจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งนี่

หากไม่ใช่เพราะเลี่ยงไม่ได้ เหลียงชวนก็ไม่อยากเข้าสู่เขตแดนดาราราชันแสง อันที่จริงเส้นทางเดินทางในฟ้าดาราของพวกเขา หากอยากไปถึงเขตแดนดาราใจกลาง ก็มีแต่ต้องผ่านเขตแดนดาราราชันแสงเท่านั้น

หากเลือกอ้อมไป อย่างน้อยก็ต้องสามปีถึงจะเข้าใกล้เขตแดนดาราใจกลางได้!

สามปี ผู้โดยสารบนยานลมกรดใครจะรอไหวบ้าง

อีกทั้งหอเสียงสวรรค์ก็จ่ายไม่ไหวเลย ควรรู้ว่าการทะยานฟ้าดาราของยานลมกรด ทุกวันล้วนเสียผลึกมรรคจำนวนมหาศาล!

“ครั้งนี้สถานการณ์จำเพาะ ไม่อาจหยุดแวะที่ ‘โลกใหญ่แดนธรรม’ ได้เด็ดขาด เดินหน้าต่อไป!”

สุดท้ายเหลียงชวนก็กัดฟันตัดสินใจ

ตามแผนเดิม ยานลมกรดต้องจอดแวะที่โลกใหญ่แดนธรรมสามวัน แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขาจะกล้าทำเช่นนี้หรือ

ถ้าเกิดถูกเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งมาหา ทุกอย่างก็จบเห่กันหมด!

การตัดสินใจของเหลียงชวน ได้รับความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์จากทุกคนของหอเสียงสวรรค์

เรื่องนี้เหลียงชวนก็เปรยกับหลินสวินไว้ก่อนแล้ว ให้ฝ่ายหลังเตรียมความพร้อม ถึงอย่างไรเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งก็เป็นถึงขุมอำนาจใหญ่อันดับหนึ่งในเขตแดนดาราราชันแสงแห่งนี้

หากเกิดคลื่นลมอะไร หลินสวินที่เคยฆ่าผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ทั้งกลุ่ม จะต้องถูกเพ่งเล็งตั้งแต่แรกอย่างแน่นอน

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ

เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง สุดท้ายก็ไม่ใช่เรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ทั้งคู่นั้นแตกต่างกัน

และขณะเดียวกัน หลังจากได้รู้ข่าวที่ยานลมกรดไม่หยุดแวะที่โลกใหญ่แดนธรรม ก็มีคนร้อนรนก่อนใครเพื่อน

เป็นข่งหลินลูกหลานเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง

บนกำแพงเรือนพัก เด็กหนุ่มชุดป่านหัวเราะร่วนพลางมองดูภาพเหตุการณ์นี้

“เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง…”

ด้านหน้าเรือนพักอีกแห่ง จักรพรรดิกระบี่วายุขมวดคิ้วน้อยๆ จมสู่ภวังค์เงียบๆ

“ผู้อาวุโส คนของตระกูลข่งมาแล้วจริงๆ หรือ”

ใบหน้างามของหลิ่วชิงเยียนซีดขาวเล็กน้อย ฉายแววตื่นตระหนก

“เจ้าอยู่ที่นี่อย่าไปไหน ข้าจะไปดูเสียหน่อย”

หลินสวินกล่าวพลางเงาร่างก็หายลับไปกลางอากาศ

ยานสมบัติห้าสีของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งปรากฏขึ้น บีบให้ยานลมกรดจอด หลังจากนั้นคนขบวนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากยานสมบัติห้าสี พรวดพราดขึ้นยานลมกรด

ผู้นำคือชายหนุ่มสวมชุดหลากสี ศีรษะสวมเกี้ยวประดับราชันแสง ใบหน้าดุจหยกงาม ก้าวย่างองอาจ อานุภาพไม่ธรรมดาอย่างที่สุด

ด้านหลังมีชายวัยกลางคนชุดขาวคนหนึ่งกับชายชราชุดเขียวคนหนึ่งติดตามมา แต่ละคนต่างแผ่อานุภาพอันน่าสะพรึงชวนสยดสยองออกมา

นี่ก็คือระดับกึ่งจักรพรรดิสองคน!

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งขับเน้นให้สถานะของชายหนุ่มชุดหลากสีคนนั้นไม่ธรรมดาขึ้นไปอีก

บนยานลมกรดที่แต่เดิมฮือฮาโกลาหล เวลานี้ยังเปลี่ยนเป็นเงียบกริบขึ้นมา บนหน้าแต่ละคนต่างแต้มแววตกใจและกริ่งเกรง

และยามที่พวกเหลียงชวนมองเห็นชายหนุ่มชุดหลากสีคนนี้ เบื้องหน้าก็ดำมือไประลอกหนึ่ง หัวใจกระตุกรัดเกร็งขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม

ข่งอวี้!

ใครก็คิดไม่ถึงว่าผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ที่ชื่อเสียงเลื่องระบือ ผู้โดดเด่นสะดุดตาในหมู่คนรุ่นเยาว์ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งคนนี้ ไม่ได้อยู่ที่โลกใหญ่หงเหมิง แต่ดันมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่แทน!

ชั่วขณะนี้พวกเหลียงชวนมึนตื้อ ไม่ทันตั้งตัวกันเลยสักนิด

“นายน้อย!”

และท่ามกลางความเงียบนี้ เสียงร้องเปี่ยมทุกข์ระทมสายหนึ่งพลันดังขึ้น ก็เห็นข่งหลินออกอาการตื่นเต้นแทบคลั่ง พุ่งพรวดเข้าไป น้ำตาแทบจะหลั่งรินออกมา

“เกิดเรื่องอะไรกัน”

หัวคิ้วข่งอวี้ขมวดมุ่น

สาเหตุที่เขารออยู่ที่นี่ ก็เพราะอยากเร่งรัดจับตัวหลิ่วชิงเยียนนั่น จะได้ระบายความคับแค้นในใจออกมาเสียหน่อย

ตอนนั้นถูกหลิ่วชิงเยียนปฏิเสธ ก็ทำให้ในใจเขาทั้งโกรธทั้งอายยิ่งนัก แค้นฝังใจตั้งแต่ตอนนั้น หาไม่ด้วยสถานะของเขา ก็คงไม่ต้องมาดักรออยู่ที่นี่

“นายน้อย เจ้าพวกหอเสียงสวรรค์พวกนี้รังแกกันเกินไปแล้ว ไม่เพียงมองดูผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ข้างกายท่านพวกนั้นถูกฆ่าตาปริบๆ ยังปกป้องและให้ท้ายคนร้ายอีก หากไม่ใช่เพราะท่านปรากฏตัวทันเวลา พวกเขายังไม่คิดจะปล่อยข้าด้วยซ้ำ!”

ข่งหลินสีหน้าบิดเบี้ยว กัดฟันกรอด เล่าออกมาอยากเดือดดาล

หัวใจของพวกเหลียงชวนจมสู่ก้นบึ้งอย่างสิ้นเชิง รู้สึกเพียงมือเท้าเย็นวาบไปพักหนึ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์