ความมืดมิดประหนึ่งไร้ขอบเขตไม่มีที่สิ้นสุด หมายฝังกลบผู้คน กดดันเหมือนหายใจไม่ออก
และดวงตาที่ลืมขึ้นคู่นั้นก็กลายเป็นแสงที่ส่องประกายที่สุดในความมืด ราวกับตะวันคู่หนึ่งที่ลุกโชน
แต่แววตานั้นกลับดุดันหาใดเปรียบ เสมือนคมกระบี่ที่แหวกผ่านห้วงอากาศ ทำลายเก้าชั้นฟ้าได้!
ชั่วพริบตาที่ถูกสายตาจับจ้อง หลินสวินรู้สึกเพียงหนาวเยือกไปทั้งตัวราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง รูขุมขนทั่วร่างล้วนตั้งชัน
ไม่นานดวงตาคู่นั้นก็ปิดสนิท
ครรลองสายตาถูกความมืดเข้าปกคลุมใหม่อีกครั้ง
และเวลานี้เอง ในระยะไกลลิบหลินสวินมองเห็นเงาร่างหนึ่ง
นั่งเดียวดายอยู่ในความมืด ผมเผ้ายุ่งเหยิง โซ่ที่หนาประมาณนิ้วโป้งสายแล้วสายเล่าพันรอบอยู่บนลำคอ สองเท้า สองขาและหลังไหล่ของเขา คลื่นระเบียบเร้นลับไหลบ่า
ภาพนี้เลือนรางเกินไป ทำให้หลินสวินแยกแยะไม่ออกว่านั่นเป็นชายหรือหญิง เป็นคนหรือผี
แต่เงาร่างที่นั่งโดดเดี่ยวในความมืดนี้ กลับทำให้หลินสวินรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่อาจจินตนาการได้ เสมือนเทพในความมืดองค์หนึ่งที่หากขับเคลื่อนความคิดก็ทลายฟ้ามลายดินได้!
นี่ทำให้หลินสวินฉุกนึกถึง ‘จักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียน’ ที่ถูกกำราบอยู่ในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดตอนนี้ขึ้นมา
ครั้งแรกที่เจอจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนที่ยอดเขากักเทพสวรรค์ เขาก็ถูกโซ่มหามรรคผูกมัดและกำราบ ผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาไร้สิ้นสุดก็ไม่อาจสลัดเครื่องพันธนาการออกไปได้
เพียงแต่สิ่งที่ไม่เหมือนจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนคือ ร่างสันโดษที่นั่งเพียงลำพังในความมืดนี้ มีความนิ่งสงบและเฉยชาถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง
ไม่เหมือนถูกกำราบ กลับเหมือนว่าพันธนาการตัวเอง!
‘หมายหลอมพลังของข้าให้สมบูรณ์ ด้วยพลังของเจ้าตอนนี้… ยังห่างไกลอยู่มาก ภายหน้าค่อยมาเถอะ’
เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจหลินสวิน ดุดันจนเหมือนคมดาบแทงเข้ากลางใจ ในความเฉยชาเจือความผิดหวังเสี้ยวหนึ่ง
ตูม!
พริบตาต่อมาภาพต่างๆ ในหัวหลินสวินได้หายไป
ส่วนเขาก็เหงื่อตกไปทั้งตัว
พอมองดาบหักอีกครั้งมันก็เปลี่ยนเป็นมืดสลัวหม่นแสง ไม่มีแสงประกายเหมือนภาพมายาแพรวพราวแล้ว กลับเป็นว่าให้ความรู้สึกเรียบง่ายและธรรมดา
บนพื้นผิวของมัน ลายสมบัติบริสุทธิ์หนึ่งร้อยเส้นที่เดิมประดุจพญามังกรทองคำ รวมถึงกระบวนค่ายกลลายมรรคทั้งสามอย่าง ‘ปฐม’ ‘ยอด’ ‘สังหาร’ นั้นก็หายไปด้วย
มองจากไกลๆ ก็เหมือนดาบหักธรรมดาทั่วไปเล่มหนึ่ง
แต่หลินสวินที่มีใจเชื่อมกับดาบหักกลับรู้ว่าดาบหักได้แปรสภาพอย่างสมบูรณ์แล้ว ไอพลังอำมหิตและดุดันที่ราวกับพลิกฟ้านั่น ล้วนควบรวมถึงขีดสุดและเก็บงำไว้!
‘เงาร่างที่นั่งเดียวดายอยู่ในความมืดนั้น… ต้องเป็นวิญญาณอาวุธของดาบหักแน่… ปีนั้นอาหูพูดไม่ผิด ดาบหักไม่ได้บกพร่อง แต่พลังของมันถูกผนึกไว้ต่างหาก…’
หลินสวินนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อครู่ ในใจตระหนักรู้ขึ้นมา
ถ้าว่ากันตามปกติ หลังจากศาสตราอริยะบริสุทธิ์ชิ้นหนึ่งควบรวมลายมรรคบริสุทธิ์ออกมาได้หนึ่งร้อยสาย ก็จะเกิดครรภ์วิญญาณอาวุธ
จนกระทั่งขัดเกลาไปอย่างต่อเนื่อง ก็จะควบรวมวิญญาณอาวุธที่แท้จริงออกมา
แต่ตอนนี้ดาบหักไม่เกิดการแปรสภาพเช่นนี้ ตรงข้ามกลับทำให้หลินสวินมองเห็นเงาร่างปริศนาที่นั่งเดียวดายอยู่ในความมืดร่างนั้นแทน!
ตอนนั้นที่แหล่งสถานคุนหลุน อาหูก็เคยพูดว่า ‘สมบัตินี้ไม่สมบูรณ์ เหลือเพียงคมดาบท่อนหนึ่ง เดิมทีปลายดาบของมันเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุด แต่กลับหายไป ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังมีกลิ่นอายอัศจรรย์น่าเหลือเชื่อเพียงนี้ แค่คิดก็รู้ว่าหากสมบัตินี้สมบูรณ์จะต้องไม่ธรรมดาแน่’
‘อีกอย่าง ที่ประหลาดที่สุดคือสมบัตินี้ไม่สมบูรณ์ชัดๆ แต่ความรู้สึกที่มอบให้ข้ากลับมี ‘ความสมบูรณ์’’
ในที่สุดอาหูก็สันนิษฐานออกมา
‘ข้าสงสัยว่าสมบัตินี้แปรสภาพเป็นวิญญาณอาวุธมานานแล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ‘ลายสมบัติบริสุทธิ์’ ของสมบัตินี้จึงถูกผนึกไว้มาตลอด มีเพียงดูดซับพลังของไอมรรคหลอมสมบัติจึงจะเผยให้เห็นลายสมบัติบริสุทธิ์ที่ถูกผนึกไว้พวกนั้นทีละลายได้’
เวลานี้พอคิดดูแล้ว หลินสวินก็กล้าแน่ใจในที่สุด ที่อาหูกล่าวมาทั้งหมดนั้นไม่ผิด ดาบหักไม่ได้บกพร่องแต่แรก แต่มันถูกผนึกไว้ต่างหาก!
‘ที่แท้เป็นเพราะความสามารถของข้ามีไม่พอ จึงไม่เคยมองทะลุความลับที่แท้จริงของดาบหักออก’
หลินสวินนึกถึงคำพูดของเงาร่างที่นั่งเดียวดายอยู่ในความมืดนั้น รู้ตัวว่าหากต้องการทำให้รูปลักษณ์ที่สมบูรณ์ของดาบหักเผยออกมาอย่างแท้จริง จำเป็นต้องมีพลังที่แข็งแกร่งเพียงพอ
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะทำลายผนึกของดาบหัก หลอมพลังของมันมาสร้างประโยชน์แก่ตนได้!
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น การแปรสภาพของดาบหักยามนี้ก็ยังทำให้หลินสวินตกตะลึงยิ่งนัก
จากการคาดเดาของเขา อานุภาพของสมบัตินี้เทียบกับในอดีตแล้วแข็งแกร่งขึ้นเกินเท่าตัว หากนำมาใช้ร่วมกันยามต่อสู้ ต้องสามารถทำให้ตนสำแดงพลังต่อสู้ออกมาได้อีกเท่าตัวแน่!
นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เย้ยฟ้าจริงๆ
ต้องรู้ว่าด้วยพลังของหลินสวินตอนนี้ สามารถกำราบจินเทียนเสวียนเยวี่ยและผู้ทรงฌานอู้หมิงได้อย่างง่ายดาย หากสำแดงพลังต่อสู้ออกมาได้สองเท่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน
แต่ข้อเสียเดียวคือต้องใช้ดาบหักต่อสู้ จึงจะสำแดงพลังต่อสู้ออกมาได้สองเท่า มิฉะนั้นก็ไม่มีทาง
‘คิดไม่ถึงว่างานประมูลครั้งนี้จะทำให้ข้าได้รับวาสนาใหญ่อย่างหนึ่ง…’
นึกถึงตรงนี้มุมปากของหลินสวินก็ยกยิ้ม
ฮูม…
พอเก็บดาบหักลงไป หลินสวินก็ถอนกระบวนผนึกที่ปกคลุมรอบด้านไปด้วย
“คุณชายได้ผลประโยชน์หรือไม่” จินเทียนเสวียนเยวี่ยกล่าวอย่างใคร่รู้
หลินสวินยิ้มกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ได้ผลประโยชน์อย่างมาก คุ้มค่ากว่าที่จ่ายไป”
คุ้มค่ากว่าที่จ่ายไปจริงๆ สองล้านผลึกมรรคแลกกับการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าพลิกดินครั้งหนึ่งของดาบหัก อยู่เหนือความคาดหมายของหลินสวินอย่างสิ้นเชิง
“เจ้าล่ะ ประมูลเหล็กนิลเกล็ดดาราก้อนนั้นได้หรือไม่”
หลินสวินถาม
“ประมูลได้แล้ว”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยก็เผยความปิติยินดี “แม้ว่าตอนประมูลราคาจะสูงไปหน่อย แต่เมื่อมีของสิ่งนี้แล้ว อานุภาพของกระบี่อริยะบริสุทธิ์ของข้าก็สามารถยกระดับขึ้นไปอีกขั้น”
หลินสวินพยักหน้า
งานประมูลยังดำเนินต่อไป สมบัติหายากชิ้นแล้วชิ้นเล่าปรากฏออกมา ชักนำให้เกิดการประชันราคาที่ดุเดือดรอบแล้วรอบเล่า
“สมบัติชิ้นที่สามสิบสาม ผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่า ความอัศจรรย์ของสมบัตินี้ผู้น้อยจะไม่อธิบายอีก ราคาต่ำสุดห้าแสนผลึกมรรค ทุกครั้งที่เพิ่มราคาต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสน”
เฝ้ารอไม่นาน พอผูหลันจือเอ่ยปาก ผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่าที่ทำให้หลินสวินตั้งมั่นว่าต้องเอามาให้ได้ ในที่สุดก็ปรากฏตัวอยู่บนแท่นประมูล
ขณะเดียวกันทั้งที่นั้นก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนด้วยเหตุนี้
โดยเฉพาะคนใหญ่คนโตที่นั่งอยู่ในห้องรับรองพวกนั้น หลายคนล้วนเป็นระดับราชันอริยะ จึงตั้งมั่นว่าต้องเอาสมบัตินี้มาให้ได้เช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์