มองส่งเงาร่างที่งดงามไร้ทัดเทียมของชิงอิงจนหายลับไปในทะเลเมฆเวิ้งว้างแล้ว หลินสวินจึงเก็บสายตากลับมา
ยามมองคันฉ่องทองแดงในมือบานนั้น ภายในใจเขาไม่สามารถสงบได้อยู่บ้างจริงๆ
ผู้หญิงคนนี้…
คล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในตัวของตน?
หาไม่เหตุใดถึงต้องดั้นด้นมาหา และเอ่ยถึงเรื่อง ‘หลินสวิน’ ที่มีความเกี่ยวข้องกับตนเช่นนี้
ฮูม~
จิตรับรู้ของเขาแทรกเข้าสู่คันฉ่องทองแดง
ชั่วครู่แผนที่เร้นลับภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในหัว เส้นทางที่เขียนบนนั้นซับซ้อนถึงขีดสุด ตรงปลายทางสุดท้ายเขียนกำกับชื่อสถานที่แห่งหนึ่งเอาไว้…
แดนอำพราง!
หลินสวินเก็บคันฉ่องทองแดงแล้วเดินเข้าไปในห้องโดยสาร กล่าวว่า “เสวียนเยวี่ย เจ้าเคยได้ยินชื่อ ‘แดนอำพราง’ หรือไม่”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยมุ่นคิ้วขบคิดครู่ใหญ่ ก่อนส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก”
หลินสวินร้องอืมคราหนึ่ง ไม่คิดมากเรื่องนี้อีก
รอภายหน้ามีโอกาส เขาจะไปดูที่ ‘แดนอำพราง’ นี่ด้วยตัวเอง
ในใจเขาค่อนข้างใคร่รู้ ชิงอิงนี่อยากบอกเรื่อง ‘เป็นประโยชน์ไร้โทษ’ อะไรกับตนกันแน่
ส่วนการตอบแทนแบบ ‘ไม่อาจปฏิเสธ’ นั่น หลินสวินไม่สนใจสักนิด
กลับเป็นท่าทีของชิงอิงที่ทำให้เขาตระหนักว่า สถานที่อย่างแดนอำพรางนี้ สิ่งที่รอตนอยู่คงไม่ใช่เคราะห์สังหาร
“เสวียนเยวี่ย เสร็จเรื่องในวันนี้เจ้ากับข้าต่างต้องเปลี่ยนสถานะ หาไม่เส้นทางนี้เกรงว่าจะไม่ราบรื่นอย่างยิ่ง”
หลินสวินกล่าว
จินเทียนเสวียนเยวี่ยเม้มปากยิ้มๆ หยิบหน้ากากสีเงินที่บางเหมือนปีกจักจั่นอันหนึ่งออกมาแล้วค่อยๆ สวมครอบใบหน้า ฉับพลันนั้นกลิ่นอายและรูปร่างลักษณ์ทั้งตัวนางล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงตามๆ กัน
หากกล่าวว่านางคนก่อนหน้านี้เป็นโฉมงามแห่งยุคที่ดุจเทพเซียน บุคลิกสง่าท่าทางสูงส่ง นางในยามนี้กลับมีกลิ่นอายน่ารักของสาวชาวบ้านที่คล่องแคล่วปราดเปรียว คิ้วตาเกลี้ยงเกลา
หลินสวินอึ้งไป ด้วยจิตรับรู้ของเขา ถึงกับไม่สามารถมองทะลุการปลอมตัวของจินเทียนเสวียนเยวี่ยได้!
“นี่คือสมบัติที่ ‘จักรพรรดิวิญญาณพันมายา’ ของเรือนมรรคเหล่ามาร เพื่อนสนิทของผู้อาวุโสตระกูลข้ามอบให้ มีชื่อเรียกว่า ‘ลักษณ์วิญญาณสรรพชีวิต’ วิเศษอัศจรรย์เป็นที่สุด”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยอธิบาย “ตามที่ผู้อาวุโสจักรพรรดิวิญญาณพันมายาว่ามา ผู้ที่มองทะลุการปลอมตัวเช่นนี้ได้มีเพียงสองประเภทเท่านั้น หนึ่งคือระดับจักรพรรดิ สองคือผู้แข็งแกร่งที่ครอบครองพรสวรรค์ ‘ตาทิพย์’ โดยกำเนิดเท่านั้น”
คราวนี้หลินสวินถึงกระจ่าง
ลักษณ์วิญญาณสรรพชีวิต ฟังแค่ชื่อก็รู้ว่าสมบัติที่รูปทรงคล้ายหน้ากากนี้อัศจรรย์ปานใด
หลินสวินขบคิดเล็กน้อยแล้วแปลงร่าง ใช้กายมรรคดินเหลืองแทนที่กายมรรคไม้เขียว กลิ่นอายทั่วร่างและท่วงทำนองก็พลอยเปลี่ยนไปด้วย
ปรากฏท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่หนักแน่นดุจศิลา ทนทานดั่งภูผา
จินเทียนเสวียนเยวี่ยเบิกตากว้าง เผยความตกใจ เพราะนางสังเกตได้ว่าหลินสวินเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง ทั้งกลิ่นอาย ท่วงทำนอง รวมถึงรูปลักษณ์ล้วนต่างออกไป
นี่เมื่อเทียบกับลักษณ์วิญญาณสรรพชีวิตของนาง ยังวิเศษอัศจรรย์ยิ่งกว่า!
และพร้อมกันนั้น ความคิดที่กล้าหาญอย่างหนึ่งผุดขึ้นในหัวนาง…
‘เขาคนก่อนหน้านี้ ก็เป็นหน้าตาที่ปลอมตัวมาเหมือนกันหรือไม่’
‘หากเป็นเช่นนี้ ฐานะที่แท้จริงของเขาเป็นใครกันแน่’
ตั้งแต่ตอนอยู่บนยานลมกรด จินเทียนเสวียนเยวี่ยก็เริ่มสงสัยอยู่ในใจ
เพราะเท่าที่นางรู้มา เผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่เป็นเพียงเผ่าจักรพรรดิบรรพกาล ถึงรากฐานพลังจะแข็งแกร่งแต่ก็อยู่เงียบๆ ในถิ่นตน
หากอวี่เสวียนมาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่จริง จากพลังต่อสู้พลิกฟ้าที่เขาครอบครองทั้งหมด เกรงว่าชื่อเสียงคงโจษจันทั่วหล้า เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลกตั้งนานแล้ว
แต่ทว่าขนาดบนกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์นั่นยังไม่ปรากฏชื่ออวี่เสวียนคนนี้เลย หนำซ้ำแม้แต่หอเสียงสวรรค์ที่ตั้งอยู่ในเขตแดนดาราจื่อเหิงเหมือนกันยังไม่รู้ความเก่งกาจของอวี่เสวียนสักนิด
และยามนี้เมื่อเห็นวิชาแปลงกายของหลินสวิน มีหรือที่จินเทียนเสวียนเยวี่ยจะไม่แคลงใจ
แต่นางไม่ได้เอ่ยถามอย่างรู้จักวางตัว
อันที่จริงนางไม่รู้สักนิดว่าหลินสวินทำเช่นนี้ก็เพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง
ต่อไปขอเพียงจินเทียนเสวียนเยวี่ยคอยติดตามอยู่ข้างกายตน นางจะต้องพบพิรุธมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
สำหรับเรื่องนี้หลินสวินไม่ได้ถือสาอะไร
เพียงแต่หลินสวินก็ไม่ได้เอ่ยออกมาเอง ด้วยหากสามารถปิดบังฐานะที่แท้จริงต่อไปได้ นั่นย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “ต่อไปก็เรียกข้าว่าจินตู๋อีแล้วกัน”
“จินตู๋อี? ชื่อเพราะนัก จิน (ทอง ธาตุโลหะ) คือความฮึกเหิมแห่งฟ้าดิน ตู๋อี ก็มีนัยถึงหมื่นวิญญาณแห่งฟ้าดินล้วนมีสิ่งที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยร้องชม
เดิมตัวนางก็เป็นทายาทจักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์ แซ่จินเทียน ภายในกายมีสายเลือด ‘คมทอง’ จึงนึกว่าหลินสวินเลือกใช้จินเป็นแซ่ ก็เพราะได้รับอิทธิพลจากแซ่ตระกูลนาง
หลินสวินมุมปากกระตุก
หากถูกเจ้าคนขี้อวดหลงตัวเองอย่างเจ้าคางคกรู้ ว่าเทพธิดาอย่างจินเทียนเสวียนเยวี่ยชื่นชอบชื่อของเขาปานนี้ คงได้ใจลืมตัวยกใหญ่เป็นแน่
“เสวียนเยวี่ย ข้จะปิดด่านสักระยะ”
หลินสวินกล่ามเสียงขรึม
หนึ่งเขาต้องฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของกายมรรคไม้เขียว สองคืออยากใช้จังหวะนี้หลอมผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่า
ขณะเดียวกันเขายังมีเป้าหมายอย่างหนึ่งด้วย หากสามารถทะลวงถึงระดับมกุฎราชันอริยะขั้นกลางได้ก่อนจะไปถึงสำนักยุทธ์เสวียนจีที่แคว้นเมฆา นั่นย่อมดีที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์