ตอน ตอนที่ 1865 ทะลวงขั้นด้วยความเงียบงัน จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 1865 ทะลวงขั้นด้วยความเงียบงัน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เวลาต่อมาหลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ยไม่ได้รีบเร่งเดินทาง ระหว่างทางบ้างก็สัญจรข้ามภูผาธาราเวิ้งว้าง บ้างก็เดินเล่นกลางเมือง
สภาพจิตใจผ่อนคลายเหมือนกำลังท่องเที่ยว
โลกใหญ่หงเหมิงไพศาลถึงขีดสุด แต่ละแคว้นล้วนมีลักษณะเฉพาะของตน ร้อยพันทิวทัศน์ สีสันแตกต่างกัน
อย่างเชายยามผ่าน ‘แคว้นยมโลก’ พื้นที่ของแคว้นนี้กว้างใหญ่กว่าแคว้นเขียวหลายเท่า ผู้ฝึกปราณในแคว้นส่วนใหญ่เป็น ‘ผู้ฝึกปราณนรก’
ใช้การหลอมจิตวิญญาณ สร้างชื่อจากการควบคุมพลังแก่นวิญญาณ
แคว้นยมโลกนี้ถูกมองเป็นสถานที่ที่เหมือน ‘ยมโลก’ มากที่สุด เมืองที่กระจายตัวในนั้นล้วนมีแต่ภาพไอผีแน่นขนัด
ในสายตาของปุถุชนทั่วไป สถานที่แห่งนี้ชวนสยองมากจริงๆ สมบัติที่ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นหลอม รวมถึงวิชายุทธ์ที่ฝึกฝน ล้วนเผยลักษณ์ประหลาดที่ชั่วร้ายเหี้ยมโหด ภูตผีปีศาจหนาแน่น
และเพราะมาถึงแคว้นยมโลก หลินสวินจึงรู้ว่าภายในแคว้นแห่งนี้มีแดนแห่งปริศนาที่ถูกเรียกว่า ‘แดนนรกเซินหลัว’ แห่งหนึ่ง ถูกมองเป็นเขตต้องห้าม ต่อให้ระดับจักรพรรดิเข้าไปในนั้นก็เป็นตายเก้ารอดหนึ่ง
ตามคำเล่าลือ ในอดีต ‘คัมภีร์มรรคเทพนรก’ มรดกพิทักษ์สำนักของ ‘สำนักยุทธ์ยมโลก’ สำนักโบราณอันดับหนึ่งแห่งแคว้นยมโลก ก็ถ่ายทอดมาจากแดนนรกเซินหลัว แดนแห่งปริศนานี้
ไม่ว่าเป็นจริงหรือเท็จ แดนนรกเซินหลัวก็เป็นแดนแห่งปริศนาที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง ถูกขนานนามให้เป็นหนึ่งใน ‘แปดเขตต้องห้ามใหญ่แห่งหงเหมิง’
หรืออย่างยามท่องเที่ยวใน ‘แคว้นดารา’ ก็เป็นทิวทัศน์อีกแบบหนึ่ง
ภายในแคว้นนี้มีโกรกธารมหึมาหาใดเปรียบแห่งแล้วแห่งเล่า ถึงขั้นที่เมืองบางส่วนยังถูกสร้างขึ้นในส่วนลึกของโกรกธาร
เล่ากันว่าก่อนหน้านี้เมื่อนานแล้ว เคยมีพวกเทียมฟ้าชั้นยอดสองคนต่อสู้ดุเดือดที่นี่ ระหว่างขยับตัวก็ฟันดวงดาวระฟ้าร่วง!
เศษอุกกาบาตดวงดาวเหล่านั้นหล่นกระแทกพื้นดิน ก่อให้เกิดโกรกธารมหึมาหาใดเปรียบแห่งแล้วแห่งเล่า
ที่น่าสนใจคือ ภายในอุกกาบาตเหล่านี้บรรจุเจตวัตถุและหินแร่ที่แปลกพิสารสารพัด ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดมีผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่มุ่งหน้ามาขุดค้น
และเพราะเหตุนี้ แคว้นดาราจึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘แคว้นเหมืองแร่’ ผลิตวัตถุดิบเทพทุกชนิด และเพราะเหตุนี้จึงให้กำเนิดปฐมาจารย์หลอมอาวุธที่โดดเด่นเป็นจำนวนมาก
…
กล่าวโดยสรุป แคว้นเขียว แคว้นยมโลก แคว้นดารา…แต่ละแคว้นล้วนกว้างใหญ่ไพศาลถึงขีดสุด มีอารยธรรมฝึกปราณและลักษณะเฉพาะของตน
ตลอดทางที่หลินสวินกับจินเทียนเสวียนเยวี่ยเดินทาง ล้วนได้เปิดโลกทัศน์ ความรู้ความเข้าใจต่อโลกใหญ่หงเหมิงก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างทางทั้งสองต่างก็ใช้เงินเหมือนเศษดิน จับจ่ายสินค้าเฉพาะถิ่นที่หายากแปลกประหลาดมากมาย
อย่างเช่น ‘หุ่นไม้แรดวิญญาณผี’ ที่ผลิตในแคว้นยมโลก หลอมแก่นวิญญาณของหนอนวิญญาณชิงฝูไว้ภายใน ขอเพียงผู้ฝึกปราณสองคนถือไว้ในมือคนละอัน ยามที่กระตุ้นวิชาลับเฉพาะตัว ไม่ว่าทั้งคู่จะอยู่ที่ไหน ระยะทางห่างไกลปานใด ล้วนสามารถติดต่อกันแบบเฉพาะได้ สัมผัสได้ถึงตัวตนของอีกฝ่าย
หรืออย่าง ‘มุกวิญญาณหอยกาบ’ หากจะนำมุกนี้ฝังไว้ที่ใดที่หนึ่ง ไม่ว่าจะมุ่งหน้าไปไหน ก็สามารถสอดส่องภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ได้ทุกเมื่อทุกเวลา
เหมือนปรากฏการณ์ภาพลวงตาที่สามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา
หรืออย่าง ‘แก่นหยกพก’ ที่ผลิตในแคว้นดารา เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เติบโตในหินหยกชนิดหนึ่ง ขนาดสามชุ่น ขาวหิมะไปทั้งตัว มีแขนที่เหมือนค้อนเล็กๆ คู่หนึ่ง สามารถแยกแยะสมบัติประเภทหยกทุกอย่างทั่วหล้า
นอกจากหุ่นไม้แรดวิญญาณผี มุกวิญญาณหอยกาบ แก่นหยกพก… ยังมีของเล่นหายากอื่นๆ บางส่วนด้วย
อย่างเช่น ‘แก่นเพลิง’ ที่สามารถช่วยนักหลอมอาวุธควบคุมอุณหภูมิของเปลวเพลิงได้
‘หมอนหยกขื่อทักษิณ’ ที่สามารถเสกภาพฝันมายางดงามต่างๆ นานา ทำให้ผู้ฝึกปราณจมอยู่ในห้วงฝันสัมผัสร้อยสภาพของสรรพชีวิต…
และอีกเยอะแยะมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว
โลกของผู้ฝึกปราณ นอกจากเข่นฆ่าและฝึกปราณแล้ว ก็วิวัฒน์พัฒนาข้าวของและอารยธรรมต่างๆ นานา ไปจนถึงด้านต่างๆ ของชีวิตการฝึกปราณ
และเพราะเหตุนี้ทำให้ทั้งโลกฝึกปราณเปลี่ยนเป็นหลากสีสัน เจิดจรัสแพรวพราว
แต่ว่ามูลค่าของของเล่นหายากพวกนี้ล้วนแพงหูฉี่สุดขีด ตลอดทางลำพังแค่ซื้อสมบัติเหล่านี้ ผลึกมรรคบนตัวหลินสวินก็ไหลทะลักออกไปปานกระแสน้ำหลากแล้ว
ของล้ำค่าอย่างหุ่นไม้แรดวิญญาณผีหนึ่งคู่ ยังราคาถึงหนึ่งแสนผลึกมรรค และราคาของหมอนหยกขื่อทักษิณใบหนึ่งยิ่งไปกันใหญ่ หนึ่งล้านเก้าแสนผลึกมรรคเต็มๆ คนทั่วไปล้วนซื้อไม่ไหวทั้งสิ้น
…
ท่องเที่ยวตลอดทาง ไม่ทันรู้ตัวก็ผ่านไปสองเดือนแล้ว
ในวันนี้หลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ยเดินทางมาถึง ‘แคว้นหิมะ’ และแวะพักในเมืองแห่งหนึ่งชื่อว่า ‘พันกระแส’
แคว้นหิมะ ชื่อสื่อความหมายชัด นี่เป็นแคว้นที่ปกคลุมด้วยหิมะน้ำแข็งตลอดปี ภูผาธาราสรรพชีวิตต่างปกคลุมด้วยสีเงินขาว หิมะหนาปลิวว่อน
วัสดุที่สร้างเมืองล้วนสร้างจากน้ำแข็งดำ แวววาวโปร่งแสง วิจิตรงดงาม
“คุณชาย นี่คือตำราโบราณเกี่ยวกับแคว้นหิมะทั้งหมดที่พอจะหาซื้อได้ตามท้องตลาด”
ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ตอนที่จินเทียนเสวียนเยวี่ยกลับมาได้นำม้วนหยกกองใหญ่กลับมาด้วย
หลินสวินถือไว้ในมือแล้วพลิกอ่านทีละอัน
ทุกครั้งที่ไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เขาก็จะรวบรวมตำราโบราณของสถานที่นั้นๆ มาศึกษาความรู้ต่างๆ อย่างเช่นประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ภูมิศาสตร์ของที่แห่งนั้น…
อ่านหมื่นตำรา เดินทางหมื่นลี้
ไม่อ่านหนังสือ ต่อให้ไปเยี่ยมชมโบราณสถานเลื่องชื่อบางส่วน ก็ไม่เข้าใจประวัติศาสตร์และความเป็นมาของร่องรอยโบราณเหล่านั้น รวมถึงความหมายที่ซุกซ่อนอยู่ภายในด้วย
หากเป็นเช่นนี้ต่อให้เดินทางไปหลายแห่งปานใด ก็เหมือนแค่ควบม้าชมดอกไม้ ดูความคึกคัก แต่ไม่สามารถเกิดประโยชน์ใดๆ ต่อประสบการณ์ความรู้ของตน
โลกใหญ่หงเหมิงเป็นโลกใหญ่อันดับหนึ่งของฟ้าดารา และถูกมองเป็น ‘แดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค’ หากสามารถทำความเข้าใจข้อมูลต่างๆ ของโลกนี้ได้ การฝึกปราณในภายหน้าของหลินสวินจะต้องเกิดประโยชน์ที่ประเมินค่าไม่ได้แน่นอน
ท่องเที่ยวสองเดือนกว่า ทุกสิ่งที่ได้เห็น ได้สัมผัส ได้ล่วงรู้ และได้รับทั้งหมดตลอดทาง เมื่อครู่นี้ล้วนกลายเป็นพลังทะลวงขั้นอย่างหนึ่ง ทำให้ปราณของเขาทะยานอย่างราบรื่น บรรลุระดับมกุฎราชันอริยะขั้นกลาง!
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้จงใจแสวงหาสักนิด ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติโดยสมบูรณ์
ก็เสมือนน้ำในถ้วยชา ยามที่เต็มเปี่ยมย่อมต้องไหลเอ่อออกมา
เขาดูเหมือนไพล่หลังเดินไปข้างหน้า แต่ความจริงสารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณ และอานุภาพภายในร่างทั้งหมดต่างเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ชวนตกใจ
เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นจินเทียนเสวียนเยวี่ยหรือคนที่สัญจรตามท้องถนน ต่างไม่สามารถมองเห็นภาพอัศจรรย์เกรียงไกรยามที่ทะลวงขั้นนี้ได้
แม้จะเป็นนเช่นนี้ก็ยังทำให้จินเทียนเสวียนเยวี่ยรู้สึกสะเทือนอย่างน่าประหลาด
นางฝึกปราณจนป่านนี้ เคยเห็นภาพตอนที่ทะลวงขั้นทะลวงระดับไม่รู้เท่าไหร่ และในตำราโบราณก็เคยอ่านคำอธิบายเกี่ยวกับตอนทะลวงระดับขั้นมาเยอะมากด้วยเช่นกัน
แต่ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น การเปลี่ยนแปลงทะลวงขั้นที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติท่ามกลางความเงียบงันไร้สุ้มเสียง!
ปกติเกินไป เป็นธรรมชาติเกินไป เหมือนกับมหาลักษณ์ไร้รูป ความรู้สึกที่ให้แก่ผู้คนกลับมีพลังโจมตีสะท้านสะเทือนอย่างบอกไม่ถูก
ชั่วขณะหนึ่งในใจจินเทียนเสวียนเยวี่ยล้วนสะท้านไหว เกิดการหยั่งรู้บางอย่าง นึกถึงประสบการณ์ในช่วงระยะนี้ขึ้นมา ในใจนางก็เกิดความคิดมากมายทะลักล้น
สุดท้ายนางจับจ้องเงาหลังของหลินสวินที่อยู่ไกลๆ ท่ามกลางท้องถนนคึกคักที่หิมะหนาปลิวลอย ระบายยิ้มอย่างเยบเชียบ
นางหยั่งถึงอะไรบางอย่างได้รางๆ แต่ก็พูดไม่ถูก
แต่นางรู้ดี ตนเองก็ดูเหมือน… ใกล้จะทะลวงขั้นแล้วเช่นกัน…
จนกระทั่งเดินออกมานอกเมือง จู่ๆ หลินสวินก็หยุดเท้ากล่าวว่า “ทะลวงขั้นได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องท่องเที่ยวอีก พวกเราจะมุ่งหน้าไปแคว้นเมฆาทันที”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยย่อมไม่คัดค้าน
นอกเมืองไม่ไกลนักมีค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแห่งหนึ่ง เชื่อมทะลุภายในอาณาเขตแคว้นเมฆา
เวลานี้มีผู้ฝึกปราณไม่น้อยเข้าไปในนั้นหลังจ่ายผลึกวิญญาณแล้ว
หลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ย หลังจากควักจ่ายผลึกวิญญาณจำนวนมากโขก็ตั้งท่าจะเดินเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณนั้นด้วยกัน
จู่ๆ ก็เหมือนสัมผัสได้ หลินสวินหันหน้ามามองประตูเมืองไกลๆ
หน้าประตูเมืองมีชายชราหนึ่งคนและเด็กหนึ่งคนยืนอยู่ ชายชราท่าทางแก่หงำเหงือก ผมเคราราวกับเงิน ในมือโบกพัดอันหนึ่งไปมา
ส่วนเด็กเป็นเด็กหนุ่มชุดดำคนหนึ่ง ผมดำนัยน์ตาดำ ดวงหน้าเกลี้ยงเกลา มุมปากเม้มน้อยๆ ยกโค้งยโสเย็นชา
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของหลินสวิน ชายชราคล้ายรู้สึกประหลาดใจน้อยๆ พยักหน้าอมยิ้มให้ทันที น้ำเสียงอบอุ่นราวกับลมวสันต์กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับสหายน้อยที่ทะลวงขั้นได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์