Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1869

สรุปบท ตอนที่ 1869 กำราบศัตรูจากด้านหลัง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 1869 กำราบศัตรูจากด้านหลัง – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1869 กำราบศัตรูจากด้านหลัง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เสียงของจินเทียนเสวียนเยวี่ยราบเรียบ แฝงความเย่อหยิ่งอันเป็นเอกลักษณ์ ให้ความมั่นใจอย่างที่สุด ถึงขั้นเป็นความรู้สึกย่ามใจ

แต่สำหรับพวกเหิงเซียว หงอวี่ น้ำเสียงนี้อวดดีเกินไปแล้ว

แค่ดูการต่อสู้ก็พอแล้วอย่างนั้นหรือ

แต่ถ้าแพ้ล่ะ สำนักยุทธ์เสวียนจีจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“ฮ่าๆ น้องเหิงเซียว ในเมื่อเจ้าหมอนี่ออกมาแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มเถอะ”

ฝั่งตรงข้ามบนยอดเขา ปี้หยวนจื่อหัวเราะเสียงดัง “เสอจื่อ เจ้าไปเจอสหายที่มาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนสักหน่อย จำไว้ว่าต้องออมมือ ถึงอย่างไรสหายคนนี้ก็ไม่ใช่ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจี หากถูกตีจนพิการไปคงแย่แน่”

ฟึ่บ!

ยังไม่ทันสิ้นเชิง เสอจื่อที่อยู่ในชุดดำก็ปรากฏตัวในลานประลอง

ดวงตาเรียวยาวราวกับคมดาบของนางแฝงความเย็นเยียบ เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสไม่ต้องห่วง ข้าจะปฏิบัติเป็นพิเศษ”

สีหน้าของพวกเหิงเซียวพลันย่ำแย่อย่างที่สุด

เดิมทีขึ้นลานประลองเองของหลินสวินก็ทำให้พวกเขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว ในใจไม่สงบอย่างมาก แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะตัดสินใจ ก็ถูกปี้หยวนจื่อชิงตัดสินไปแล้ว

ที่น่าโกรธที่สุดคือ ในคำพูดของปี้หยวนจื่อเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ชั่วร้ายแปลกประหลาด ทำให้คนแค้นจนกัดฟัน

“เฮ้อ”

เหิงเซียวถอนหายใจยาว

เขาตระหนักได้แล้วว่าเรื่องมาถึงขนาดนี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงหวังว่าที่จินเทียนเสวียนเยวี่ยพูดจะเป็นจริง เจ้าหนุ่มที่ชื่อจินตู๋อีนั่นจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง

คนใหญ่คนโตสำนักยุทธ์เสวียนจีคนอื่นๆ ต่างรู้สึกซับซ้อนและหดหู่

ว่ากันถึงแก่น ฐานะของหลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ยไม่ธรรมดาเกินไป ทำให้แม้พวกเขาจะไม่พอใจก็ทำได้เพียงทนไปก่อน

“หากเจ้าหมอนี่แพ้ ข้าไม่สนว่าเขาจะมีฐานะอะไร แต่ต้องให้พวกเขาชดใช้กับเรื่องนี้อย่างแน่นอน!”

“ใช่ เรื่องเช่นนี้ก็กล้าแทรกแซง ทั้งยังบอกว่าศิษย์แกนหลักอย่างเราสู้ไม่ไหว อวดดีเกินไปแล้ว”

“เฮ้อ ข้าหวังให้เขาชนะจากใจจริง ไม่เช่นนั้นสำนักยุทธ์เสวียนจีของเราก็จะแพ้โดยสมบูรณ์แล้ว…”

“ไม่ต้องเป็นห่วง หากเขาพ่ายแพ้ก็ไม่ใช่สำนักยุทธ์เสวียนจีของเราแพ้ ยังพอจะพลิกสถานการณ์ได้”

ศิษย์แกนหลักเหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา สีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้

พวกเขาไม่ชอบใจหลินสวินจริงๆ แต่ในใจก็ไม่อยากเห็นอีกฝ่ายล้มเหลว ทำให้เกิดความขัดแย้งในใจอย่างมาก

จินเทียนเสวียนเยวี่ยไม่อธิบายอะไรอีก คุณชายที่แม้แต่ระดับกึ่งจักรพรรดิยังฆ่าได้ หากสู้คู่ต่อสู้เหล่านี้ไม่ได้ นั่นต่างหากจึงจะเรียกว่าไม่สมเหตุสมผล

นางหยิบเบาะรองนั่งอันหนึ่งออกมานั่งขัดสมาธิ โบกมือคราหนึ่งสมบัติชงชาก็ปรากฏตรงหน้า จากนั้นเริ่มล้างเครื่องชาและต้มชาอย่างสบายๆ การกระทำเรียบง่ายเป็นธรรมชาติ ท่าทางผ่อนคลาย

ภาพนี้ทำเอาพวกเหิงเซียวต่างผิดคาด สีหน้างุนงง คนหนุ่มสาวของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนนี้เสพสุขกันเกินไปแล้วกระมัง

ศิษย์แกนหลักเหล่านั้นยิ่งอึ้งจนอ้าปากค้าง นาง… นางยังมีกะจิตกะใจชงชาอีกหรือ นางเห็นการประลองครั้งนี้เป็นอะไร

แม้แต่ปี้หยวนจื่อที่อยู่ตรงข้ามยังอึ้ง พลันยิ้มเยาะ “เสอจื่อ ลงมือได้แล้ว!”

ชิ้ง!

กริชเจ็ดชุ่นดำมืดทึบแสงปรากฏในฝ่ามือขาวราวหิมะ เสอจื่อเชิดหน้าเล็กน้อย ดวงตาเรียวยาวเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

กลิ่นอายทั้งร่างแผ่วพลิ้วราวกับหมอกควั ประหนึ่งแสงดำที่ว่างเปล่า

บรรยากาศในลานประลองก็เปลี่ยนเป็นเคร่งครัด กดดัน และตึงเครียดขึ้นมาทันที

ไม่ว่าจะเป็นสำนักยุทธ์เสวียนจีหรือผู้แข็งแกร่งเกาะเทพเวหาทมิฬล้วนหันสายตาไปมองหลินสวิน

ความแข็งแกร่งของเสอจื่อพวกเขาล้วนเคยเห็นมาก่อน แต่สำหรับแขกที่มาจากตระกูลจินเทียนคนนี้… พวกเขาไม่รู้อะไรเลย

และตอนนี้เอง หลินสวินพูดขึ้นอีกครั้ง เอ่ยเตือนว่า “เจ้าลงมือเต็มกำลังจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นจะแพ้อนาถ”

คำพูดผ่อนคลายเรียบง่ายนัก

ปี้หยวนจื่ออึ้งไปอีกครั้ง เจ้าหมอนี่อวดดีนัก!

พวกเหิงเซียวริมฝีปากกระตุกระลอกหนึ่ง ในใจกังวล เจ้าหนุ่มที่คุยโวโอ้อวดเช่นนี้ จะพึ่งได้หรือ

สวบ!

ในลานประลองจู่ๆ เงาร่างของเสอจื่อก็หายไปจากจุดเดิม ราวกับหมอกควันกลุ่มหนึ่ง ทะลุผ่านห้วงอากาศด้วยความเร็วเหลือเชื่อมาปรากฏตรงหน้าหลินสวิน

ที่ไวกว่าการเคลื่อนไหวของนางคือกริชในมือนาง พอสะบัดข้อคมประกายดำสนิทชักนำแสงประหลาดสายหนึ่งขึ้นมา คมประกายแทงเข้าหน้าอกหลินสวินโดยตรง

เร็ว!

เร็วจนเหลือเชื่อ!

คนทั่วไปยากจะจับการกระทำของเสอจื่อได้ ก็มีแค่คนใหญ่คนโตอย่างพวกเหิงเซียวเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ทว่าแม้แต่พวกเขาตอนนี้ยังอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ การเคลื่อนไหวนี้… เร็วถึงขีดสุด น่ากลัวเหนือคาดหมาย!

กลับเห็นหลินสวินสีหน้าราบเรียบ นิ้วชี้ขวาดีดเบาๆ คราหนึ่ง โจมตีทีหลังแต่กลับถึงก่อน ดีดกริชแหลมคมที่แทงเข้าอย่างแม่นยำ

เคร้ง!

เสียงที่ราวกับขวานดาบกระแทกกันดังขึ้น สะเทือนรอบทิศจนแสบหู

ก็เห็นร่างของเสอจื่อสั่นขึ้นมาพลัน จากนั้นเหมือนพบเจอการจู่โจมที่ประหนึ่งเขาถล่มสมุทรซัดสาด ทั้งตัวถลาถอยออกไปอย่างรุนแรง

กระเด็นออกไปสิบกว่าจั้งเต็มๆ จึงฝืนยืนทรงตัวในกลางอากาศได้ แต่ห้วงอากาศรอบร่างนางพลันยุบตัวแตกออก เสียงกึกก้องครึกโครม

แค่คิดก็รู้ว่าพลังของดรรชนีนี้ดุดันและเผด็จการเพียงใด!

“หืม?”

ปี้หยวนจื่อหรี่ตา รู้สึกประหลาดใจ

“นี่…”

พวกเหิงเซียวต่างตกใจ พวกเขาสามารถจินตนาการได้ ว่าแขกของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนคนนี้ไม่มีทางพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียวแน่

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาไม่เพียงสกัดการโจมตีที่มาอย่างกะทันหันนี้ได้ ยังโจมตีจนเสอจื่อถอยหลังไปสิบกว่าจั้งด้วยการดีดนิ้วลวกๆ!

สำหรับศิษย์แกนหลักเหล่านั้น เพียงรู้สึกว่าภาพตรงหน้าพร่าเบลอ ยังไม่ทันจับรายละเอียดได้ก็เห็นเงาร่างของเสอจื่อถอยออกไปอย่างรุนแรง

ในลานประลองเงียบสงัด ทุกคนต่างตกใจ!

ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งสำนักยุทธ์เสวียนหรือผู้แข็งแกร่งเกาะเทพเวหาทมิฬ จิตใจต่างสั่นสะท้านรุนแรงในชั่วขณะนี้ เผยสีหน้าเหลือเชื่อ

ก่อนหลังแค่เพียงชั่วพริบตา คนแข็งแกร่งอย่างเสอจื่อชั่วขณะนี้กลับดูไม่เอาไหนถึงเพียงนั้น ถูกกำราบโดยตรง!

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ แขกตระกูลจินเทียนที่อยู่ในลานประลองยังไม่เคยหมุนตัวกลับ หันหลังให้กับทุกสิ่ง!

ภาพเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ใครเคยเห็นบ้าง

พวกเขาก่อนหน้านี้ เพราะการเข้าสู่ลานประลองโดยพลการของหลินสวินทำเอารับมือไม่ทัน รู้สึกขึ้งโกรธ คิดว่าหลินสวินต้องการก่อกวน

ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ผิดไปจากที่พวกเขารับรู้ก่อนหน้านี้โดยสมบูรณ์ ราวกับสายฟ้าฟาดสายหนึ่ง ทำให้พวกเขามึนงง

เจ้าคนที่คุยโวโอ้อวดคนนี้… ที่แท้ก็ดุดันขนาดนี้!

เห็นทุกอย่างนี้ จินเทียนเสวียนเยวี่ยที่กำลังชงชาเพียงยิ้ม แล้วจดจ่อกับการชงชาอีกครั้ง

ในใจมีความภาคภูมิมีเกียรติอย่าหนึ่ง

ตอนนี้พวกเขาคงจะเชื่อในศักยภาพของคุณชายแล้วใช่หรือไม่

“หากนี่เป็นพลังทั้งหมดของเจ้า ก็ช่างน่าผิดหวังอยู่บ้างจริงๆ”

ในลานประลองหลินสวินหมุนตัว สายตามองเสอจื่อที่หมอบกับพื้นยืนไม่ขึ้นอยู่ไกลๆ อย่างเรียบเฉย

บรรยากาศที่เงียบกริบก็ถูกทำลายไปด้วย เสียงฮือฮาเสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นจากทั่วทุกทิศ

“เสอจื่อกลับแพ้เช่นนี้หรือ”

“เหตุใด… เหตุใดข้ามีความรู้สึกเหมือนฝันไป ไม่สมจริงเกินไปแล้ว…”

“เมื่อครู่นี้เจ้าหมอนี่บอกว่าเขาชื่ออะไรนะ จินตู๋อีอย่างนั้นหรือ เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าบนโลกนี้ยังมีคนที่พลิกฟ้าเช่นนี้”

แม้แต่ศิษย์แกนหลักเหล่านั้นยังสีหน้าตะลึง นึกถึงก่อนหน้านี้พวกเขายังเยาะเย้ยเสียดสีหลินสวิน บนใบหน้าพลันร้อนวาบขึ้นมา รู้สึกเหมือนถูกตบหน้า

พวกเหิงเซียว หงอวี่ก็มองหน้ากัน ต่างสามารถเห็นความตกใจในสายตาของอีกฝ่าย

ฟากตรงข้าม กลุ่มผู้แข็งแกร่งเกาะเทพเวหาทมิฬอย่างพวกปี้หยวนจื่อ แต่ละคนต่างเผยท่าทางรับมือไม่ทัน

การต่อสู้ครั้งนี้ ก่อนหลังเพียงไม่ถึงชั่วพริบตา เสอจื่อ…กลับพ่ายแพ้เช่นนี้หรือ

“ข้าแพ้แล้ว ยอมแพ้”

บนพื้นเสอจื่อมุมปากหลั่งเลือด บาดแผลของนางรุนแรงกว่าที่เห็นมาก พลังขับเคลื่อนในกายยังแทบถูกทำลาย บาดเจ็บสาหัสไปทั้งร่างแล้ว

การประลองรอบที่สามนี้ หลินสวินชนะ!

ผลลัพธ์นี้ทำให้พวกปี้หยวนจื่อสีหน้ามืดทะมึน สายตาที่มองไปยังหลินสวินเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร

แต่พวกเหิงเซียว หงอวี่ต่างโล่งอกเหมือนยกภูเขาออกจากอก สายตาที่มองไปยังหลินสวินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รวมถึงละลายใจ

ก่อนหน้านี้ท่าทีที่พวกเขามีการเสนอตัวเข้าสู่ลานประลองของหลินสวินไม่ดีจริงๆ นี่ทำให้เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างพวกเขาอดอักอ่วนไม่ได้

…………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์