จ้าสำนักสำนักยุทธ์เสวียนจีนาม ‘เหิงเซียว’ ศักยภาพลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ชื่อเสียงโด่งดัง ในแคว้นเมฆาก็เป็นคนใหญ่คนโตที่ฐานะโดดเด่นคนหนึ่ง
ในเวลานี้เหิงเซียวที่สวมชุดนักพรตและเกี้ยวประดับขนนกก็สังเกตเห็นหลินสวินกับจินเทียนเสวียนเยวี่ยเช่นกัน จึงพยักหน้าให้เล็กน้อย
“เข้าไปเถอะ”
หงอวี่พูดเสียงเบา พาทั้งสองเดินเข้าไป
และในเวลาเดียวกันเหล่าคนใหญ่คนโตสำนักยุทธ์เสวียนจีที่อยู่ใกล้ๆ รวมถึงผู้สืบทอดมากมายต่างมองเข้ามา
มีทั้งคนที่สงสัย คนที่เฉยเมย และมีคนประหลาดใจ
ราวกับกำลังพูดว่า นี่ก็คือแขกที่มาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนอย่างนั้นหรือ
“จินตู๋อีคารวะผู้อาวุโส”
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย เดินเข้าไปคำนับ
“เจ้าแซ่จินหรือ”
เหิงเซียวอึ้งไป
“ข้าแซ่จินเทียน”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยที่อยู่ข้างๆ เอ่ยปาก
เหิงเซียวขานรับว่าอ้อแล้วเอ่ยว่า “แขกทั้งสองมาเยือน เดิมควรต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ เพียงแต่สถานการณ์วันนี้พิเศษ จำต้องให้พวกเจ้าทั้งสองรออยู่ที่นี่ก่อน”
“ผู้อาวุโสไม่ต้องเกรงใจ”
หลินสวินพยักหน้า
เขาเห็นแล้วว่ากลางแท่นอันใหญ่โตบนยอดเขานี้กำลังเกิดการต่อสู้ดุเดือด
ทั้งสองคนที่ต่อสู้กัน คนหนึ่งคือผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจี สวมชุดขนนก บุคลิกสง่างาม เป็นผู้ฝึกปราณระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลาย ควบคุมกระบี่มรรคที่ราวกับปลาสีม่วงเล่มหนึ่ง
คู่ต่อสู้ของเขาคือหญิงชุดดำคนหนึ่ง ดวงตาเรียวยาวราวกับใบดาบ เย็นชาน่ากลัว ทั่วร่างอบอวลด้วยหมอกสีเทาที่เดี๋ยวชัดเดี๋ยวจาง
ที่แปลกที่สุดคือหญิงคนนี้เป็นเพียงผู้ฝึกปราณระดับมกุฎราชันอริยะขั้นต้นเท่านั้น ทว่ายามต่อสู้กลับคว้าความได้เปรียบ!
เหตุผลอยู่ที่ว่า ร่างของนางสามารถเปลี่ยนไปได้ตามปรารถนา บางคราเหมือนกระดาษบาง บางคราวเหมือนหมอกเทา บางครั้งเหมือนมุกเมล็ดข้าว บางทีก็ใหญ่ขึ้นกะทันหัน…
เล็กใหญ่ดั่งปรารถนา เปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน!
ในมือนางถือกริชเจ็ดชุ่นเล่มหนึ่ง ดำสนิทไร้แสง ตอนที่โบกสะบัดกลับสามารถฉีกทึ้งห้วงอากาศอย่างง่ายดาย ส่งเสียงร้องแหลม
แทบจะในชั่วพริบตา บนร่างของผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีนั่นก็มีบาดแผลชุ่มเลือดมากมายเพิ่มขึ้นมา ล้วนเป็นรอยบาดลึกจนเห็นกระดูก เลือดย้อมเสื้อผ้าจนแดงฉาน
“ศิษย์พี่หยวนเม่าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้หรือ”
มีคนส่งเสียงอย่างขมขื่น
คนใหญ่คนโตอย่างพวกเหิงเซียว หงอวี่ แต่ละคนสีหน้าอึมครึม
ส่วนอีกฟากของแท่นเหนือยอดเขากลับมีเสียงโห่ร้องยินดีระลอกหนึ่ง
หลินสวินสังเกตเห็นว่าที่ตรงนั้นมีเงาร่างกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ มีทั้งชายและหญิง ต่างสวมชุดสีฟ้าเข้ม
ผู้นำคือชายชราที่บุคลิกราวกับเซียนคนหนึ่ง สวมชุดแขนกว้าง ผิวของเขาเรียบเนียนราวกับทารก ดวงตาทั้งคู่ดุจดวงสุริยัน
ทุกคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากเกาะเทพเวหาทมิฬ
ผู้นำชราที่ราวกับเซียนคนนั้นฉายามรรค ‘ปี้หยวนจื่อ’ เป็นคนใหญ่คนโตคนหนึ่งของเกาะเทพเวหาทมิฬ ฐานะสูงส่งยิ่ง
ตอนนี้เขาลูบหนวดเครา ยิ้มพูด “น้องเหิงเซียว การประลองรอบที่สองนี้ สำนักยุทธ์เสวียนจีของพวกเจ้าเกรงว่าจะแพ้อีกครั้งแล้ว”
น้ำเสียงกังวานกึกสะท้อนยอดเขา สะเทือนจนทะเลเมฆแตกเป็นเสี่ยง
ชั่วขณะนั้นสีหน้าของผู้แข็งแกร่งสำนักยุทธ์เสวียนจียิ่งย่ำแย่ หลายคนต่างกำหมัดแน่นอย่างเดือดดาล
ประหนึ่งต้องการพิสูจน์คำพูดของปี้หยวนจื่อ ในแท่นประลอง เมื่อเสียงกึกก้องสะเทือนหูดังขึ้น กระบี่มรรคที่ราวกับปลาสีม่วงเล่มนั้นถูกหญิงชุดดำใช้กริชซัดกระเด็น
กริชคมกะพริบวาบตามมาติดๆ
พรูด!
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘ศิษย์พี่หยวนเม่า’ หน้าอกล้วนถูกกรีดเป็นปากแผลนองเลือดเส้นหนึ่งจากบนลงล่าง
แทบจะถูกแหวกอกเปิดท้องแล้ว!
มองเห็นว่าหญิงชุดดำฉวยโอกาสบุกหมายจะโจมตีต่อ เหิงเซียวเจ้าสำนักสำนักยุทธ์เสวียนจีตวาด “หยุดมือ! การประลองนี้สำนักยุทธ์เสวียนจีของข้ายอมแพ้”
กึก!
เงาร่างของหญิงชุดดำหยุดลงทันที เงยหน้าขึ้นมองไปที่คนของสำนักยุทธ์เสวียนจี ใบหน้าปรากฏความเย้ยหยัน
“นับว่ายอมแพ้ได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นตอนนี้เขาได้กลายเป็นคนตายคนหนึ่งไปแล้ว”
หญิงชุดดำทิ้งคำพูดประโยคนี้ไว้แล้วหมุนตัวจากไป
ท่าทีที่เย็นชา เย่อหยิ่ง ทำให้ทั้งบนล่างสำนักยุทธ์เสวียนล้วนเดือดดาล ศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านั้นยิ่งระงับความโกรธไม่อยู่ ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด
“จองหอง!”
“ชนะไม่กี่ครั้งก็เชิดหน้าชูคอได้แล้วหรือ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
หญิงชุดดำที่อยู่ไกลๆ หมุนตัวกลับมาพลัน ดวงตาที่เรียวยาวเผยความเย้ยหยัน กระดิกนิ้วเรียกเอ่ยว่า
“ไม่ยอมหรือ เช่นนั้นก็ออกมาสู้สักครา”
ประโยคเดียวทำเอาคนไม่น้อยบื้อใบ้ไป
แต่ฝั่งเกาะเทพเวหาทมิฬกลับมีเสียงหัวเราะผสมโรงดังขึ้นเกรียวกราว ทำให้เหล่าผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีหน้าเสีย ในใจอัดอั้น
ตอนนี้ในสายตาของหลินสวินกลับมีแววประหลาดแวบผ่าน
เขาเข้าใจแล้วว่า การประลองระหว่างเกาะเทพเวหาทมิฬและผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีในครั้งนี้แบ่งเป็นห้ารอบ
ขอเพียงแค่ชนะสามรอบก็เป็นการตัดสินแพ้ชนะ
และตอนนี้ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีแพ้สองรอบแล้ว
คนแรกที่เข้าสู่ลานประลองคือ ‘จีเฉียน’ คนรู้จักเก่าก่อนของหลินสวิน คนที่สองที่เข้าประลองคือศิษย์พี่หยวนเม่าที่เกือบถูกแหวกอกเปิดท้องเมื่อครู่นี้
ทั้งสองล้วนพ่ายแพ้ในมือหญิงชุดดำคนนั้น!
หญิงชุดดำคนนั้นนามว่า ‘เสอจื่อ’ ก่อนหน้านี้สำนักยุทธ์เสวียนจีไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเกาะเทพเวหาทมิฬมีคนที่ร้ายกาจเช่นนี้
และไม่มีข้อมูลความเข้าใจต่อนางเลยสักนิด
แต่เมื่อผ่านการประลองสองรอบนี้ ก็ทำให้ทุกคนดูออกแล้วว่า เสอจื่อไม่ใช่มกุฎราชันอริยะทั่วไป!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์