Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1873

สรุปบท ตอนที่ 1873 อาจารย์อาเล็ก: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 1873 อาจารย์อาเล็ก จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1873 อาจารย์อาเล็ก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

อาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชา!

คำสั้นๆ ราวกับฟ้าผ่า

เหิงเซียวขมวดคิ้วทันที พูดอย่างไม่ชอบใจ “สหายน้อย บรรพจารย์ป๋อหยาจื่อสร้างสำนักยุทธ์เสวียนจีขึ้นเองกับมือ เป็นบรรพจารย์ต้นกำเนิดของสำนักข้า ยังจะมีอาจารย์อื่นได้อย่างไร”

เขารู้สึกน่าขันมาก ถึงขั้นเสียใจที่พาหลินสวินมาที่นี่

แต่เหนือความคาดหมายของเขา ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ที่ดูแลที่นี่มาไม่รู้นานเท่าไหร่ ตอนนี้กลับเผยความประหลาดใจอย่างยากจะเห็น ลุกขึ้นโดยตรง!

เขาตาเป็นประกาย ราวกับสุริยันที่ส่องสว่างท้องฟ้า แผ่อานุภาพยิ่งยงปานท่วมกลบท้องฟ้า เหิงเซียวที่อยู่ช้างๆ เกร็งไปทั้งตัว หายใจลำบาก

ส่วนหลินสวินยิ่งทรมาน สภาวะจิตอึดอัด ขนลุกตั้งชัน

“เรื่องนี้เจ้ารู้ได้อย่างไร”

ชายชราผอมซูบเสียงต่ำลึก พูดเน้นทีละคำ ดังก้องในจิตใจของหลินสวินราวกับอสนีบาต ประหนึ่งว่าเพียงแค่เขากล้าพูดโกหกก็จะมีเคราะห์ทำลายล้างมาเยือน

ชั่วขณะนี้หลินสวินนิ่งสงบอย่างน่าแปลก เอ่ยว่า “หากผู้อาวุโสอยากรู้ ไม่สู้ให้ข้าเจอผู้อาวุโสป๋อหยาจื่อสักหน่อยก็จะเข้าใจแล้ว”

ตอนที่พูดคำพูดนี้ เขาเองก็แบกรับแรงกดดันอย่างหาที่สุดไม่ได้

เหิงเซียวที่อยู่ข้างๆ อึ้งงันอยู่กับที่แล้ว บรรพจารย์ป๋อหยาจื่อ… ถึงกับมีอาจารย์จริงๆ หรือ

ชายชรามองหลินสวินอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง เก็บกลิ่นอายรอบตัวไปโดยพลัน กลับคืนสู่ความนิ่งสงบอีกครั้ง

จากนั้นเขาเอ่ยง่ายๆ “ข้าก็คือป๋อหยาจื่อ”

ประโยคเดียวที่เบาแผ่ว แต่ตอนนี้กลับทำให้หลินสวินและเหิงเซียวอึ้งไปโดยพร้อมเพรียงกัน จากนั้นเผยสีหน้ายากจะเชื่อ

ผู้พิทักษ์ที่ดูแลที่นี่มาไม่รู้นานเท่าไหร่ ฐานะที่แท้จริงกลับเป็นบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักยุทธ์เสวียนจีหรือ

อย่าว่าแต่หลินสวินที่ผิดคาด แม้แต่เหิงเซียวยังงุนงง พูดเสียงหลง “นี่เป็นไปได้อย่างไร ภาพวาดของบรรพจารย์ป๋อหยาจื่อ จนตอนนี้ยังแขวนเป็นมรดกอยู่ที่สำนัก ผู้อาวุโสท่าน… ท่านอย่าล้อเล่นเรื่องแบบนี้นะ”

“ภาพวาดนั้นเหมือนจะเป็นของปลอม”

ชายชราสีหน้าเรียบนิ่ง

“แต่ตำราทั้งหมดในสำนักล้วนบันทึกไว้ว่า สมัยบรรพกาลบรรพจารย์ป๋อหยาจื่ออยากแจ้งมรรคที่สูงขึ้น จึงเลือกออกจากสำนัก หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอีกเลย…”

ไม่รอเหิงเซียวพูดจบ ชายชราก็ขัดจังหวะ “หรือเรื่องที่บันทึกในตำราจะต้องเป็นความจริงทั้งหมด”

เหิงเซียวอึ้งงันยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าตะลึงลาน

สิ่งที่เห็นวันนี้เหลือเชื่อเกินไป ทำให้สภาวะจิตของเขาพลุ่งพล่าน ไม่สามารถทำความเข้าใจและยอมรับได้ในทันที

ชายชราเห็นเช่นนี้ก็อดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ เอ่ยว่า “เหิงเซียว เจ้าเข้าสำนักตอนฤดูหนาวเมื่อสี่พันสามร้อยสิบหกปีใช่หรือไม่”

เหิงเซียวพยักหน้าตามสัญชาตญาณ

ชายชราพูด “อวี้หลินจื่ออาจารย์ของเจ้า ตอนที่ให้เจ้ารับช่วงดูแลสำนักต่อ เคยบอกเจ้าว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยอดเขาหวนคืนเร้นลับมีเพียงบรรพจารย์ผู้เปิดสำนักป๋อหยาจื่อที่สามารถฝึกปราณที่นี่ได้”

เหิงเซียวสายตาเลื่อนลอย ใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าอีกครั้ง

ชายชราพูด “เจ้าว่า ผู้พิทักษ์คนหนึ่งสามารถทำลายกฎนี้ได้หรือไม่”

ว่าแล้วเขาก็สะบัดมือลวกๆ ม้วนหยกสีม่วงอ่อนแผ่นหนึ่งพุ่งออกมา “เอาไปดู”

เหิงเซียวรีบรับมา เมื่อหยิบมาดูก็พลันราวกับถูกฟ้าผ่า พูดเสียงหลง “นี่ นี่คือ… ยันต์มรรคเสวียนจีของบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนัก!”

ชายชราไม่พูดอะไรอีก

แต่เหิงเซียวกลับทรุดตัวลงไปคุกเข่ากับพื้น “ศิษย์อกตัญญูเหิงเซียวคารวะบรรพจารย์!”

ในเสียงแฝงความตื่นเต้นอย่างที่สุด

เขาประหลาดใจเกินไปจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้เพียงเพื่อช่วยหลินสวินเท่านั้น แต่กลับทำให้เขาค้นพบความลับอันตะลึกโลกของยอดเขาหวนคืนเร้นลับแห่งนี้!

บรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนัก ปรากฏตรงหน้าตัวเป็นๆ!

และเหิงเซียวมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นความจริง เพราะยันต์มรรคเสวียนจีไม่มีทางปลอมแปลงได้แน่!

“ท่าน… คือผู้อาวุโสป๋อหยาจื่อจริงหรือ”

ตอนนี้หลินสวินเองก็อดถามไม่ได้

“ลุกขึ้นเถอะ”

ชายชราผอมซูบสะบัดแขนเสื้อ เหิงเซียวที่คุกเข่าอยู่บนพื้นถูกดึงขึ้นมาโดยตรง

จากนั้นชายชราจึงเอ่ยเสียงเรียบ “หากเป็นตัวปลอม จะรู้ทันคำมุสาของเจ้าได้อย่างไร แต่เจ้าหนุ่มอย่างเจ้ากลับรู้ว่าข้ามีอาจารย์คนอื่น ใครบอกเจ้า หากไม่บอก วันนี้ก็ไม่สามารถไปจากที่นี่ได้”

เหิงเซียวอดพูดเตือนไม่ได้ “สหายน้อย เจ้าอยากเจอบรรพจารย์ป๋อหยาจื่อไม่ใช่หรือ ท่านก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว”

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง พลิกฝ่ามือ ขวดหยกที่สูงสามชุ่นเป็นสีขาวแวววาวราวกับหยกมันแพะใบหนึ่งปรากฏออกมา

เขาพูดเสียงเบา “สมบัติชิ้นนี้คงจะสามารถยืนยันฐานะของข้าได้”

เพียงแต่ชายชราไม่ได้สนใจคำพูดนี้ ตั้งแต่แวบแรกที่เห็นขวดหยกมันแพะนั่น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ในสายตาเต็มไปด้วยความยากจะเชื่อ ความทรงจำที่ปิดผนึกมานานก็พวยพุ่งขึ้นในจิตใจราวกับกระแสน้ำ

ริมฝั่งมหาสมุทรสีฟ้า บนหาดสีขาวหิมะ บุตรชายชาวประมงคนหนึ่งที่ผิวตากแดดจนดำคล้ำนั่งอยู่บนพื้น พูดอย่างจริงจัง ‘ท่านสอนข้าฝึกปราณได้หรือไม่’

ด้านข้างชายหนุ่มคนหนึ่งหนุนแขนสองข้างเป็นหมอน เอนตัวนอนไขว้ขาอยู่บนหาดทรายอย่างเกียจคร้าน ริมฝีปากคาบต้นหญ้าอ่อนท่อนหนึ่ง

ได้ยินเช่นนี้เขาพ่นต้นหญ้าในริมฝีปากออก อดยิ้มพูดไม่ได้ ‘ฮ่าๆ เจ้าตัวน้อย เจ้าบอกว่าเจ้าอยากฝึกปราณหรือ’

‘ใช่!’

‘จริงจังหรือ’

‘หรือคิดว่าข้าโกหกท่าน’

บุตรชายชาวประมงอายุเพิ่งจะสิบเอ็ดสิบสอง ถูกคนตั้งข้อสงสัยก็พลันหน้าแดงขึ้นมา

‘ฮ่าๆๆ ชาวประมงน้อยเจ้าอย่าโกรธนะ’

ชายหนุ่มลุกขึ้น ยิ้มตาหยีขยี้ผมของเด็กหนุ่ม จากนั้นพลันพลิกฝ่ามือ ปรากฏขวดหยกมันแพะที่สูงสามชุ่น

‘เอ้า ข้าให้บททดสอบหนึ่งกับเจ้า หากเจ้าสามารถใส่เม็ดทรายให้เต็มขวดนี้ได้ คราวหน้าที่ข้ามาจะถ่ายทอดวิชาฝึกปราณให้เจ้า’

ชายหนุ่มทิ้งประโยคหนึ่งไว้แล้วสาวเท้าก้าวจากไป

ครู่ใหญ่ป๋อหยาจื่อจึงได้สติจากความเลื่อนลอย เขาสูดหายใจลึกสองสามครา ฝืนข่มความรู้สึกในใจไว้

แต่ตอนที่มองไปยังหลินสวิน สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงแล้ว เอ่ยว่า “สหายน้อย สมบัตินี้… เจ้าได้มาจากไหน”

ในเสียงแฝงความคาดหวัง

“นี่เป็นของที่ศิษย์พี่ให้ข้ามา” หลินสวินตอบตามตรง

ป๋อหยาจื่ออึ้ง ก่อนจะพูดออกมาอย่างอดไม่อยู่ “ศิษย์พี่ของเจ้าคือ…”

‘หลี่เสวียนเวย’

ครั้งนี้หลินสวินใช้การสื่อจิต

ป๋อหยาจื่อเบิกตาโพลง อึ้งไปครู่หนึ่งแล้วใช้การสื่อจิตเช่นกัน ‘เจ้า… เป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมลหรือ’

หลินสวินพยักหน้า ‘ศิษย์พี่หลี่เสวียนเวยอยู่อันดับสิบสาม ข้าอยู่อันดับห้าสิบ’

เขามั่นใจในฐานะของป๋อหยาจื่อแล้ว แน่นอนว่าไม่ต้องปกปิดอีก

เห็นหลินสวินบอกอันดับในสำนักของอาจารย์ ความสงสัยเสี้ยวสุดท้ายในใจป๋อหยาจื่อก็สลายไปอย่างสิ้นเชิง

เขาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง คุกเข่ากับพื้น “ศิษย์ฝากนามป๋อหยาจื่อ คารวะอาจารย์อาเล็ก”

ตูม!

เหิงเซียวที่อยู่ข้างๆ เพียงรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางศีรษะ ภาพตรงหน้าพร่ามัว บรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักเขา… เขาคารวะเบื้องหน้าคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งเช่นนี้ได้อย่างไร

และอะไรที่เรียกว่าศิษย์ฝากนาม

อะไรที่เรียกว่าอาจารย์อาเล็ก

เหิงเซียวเพียงรู้สึกว่าเขาแทบบ้าแล้ว หลังจากเข้ามาในยอดเขาหวนคืนเร้นลับ แต่ละเรื่องที่เจอเหลือเชื่อขนาดนี้ สะท้านสะเทือนขนาดนี้ เหมือนฝันไปอย่างไรอย่างนั้น…

หลินสวินเองก็ตกใจ ป๋อหยาจื่อเป็นถึงบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักยุทธ์เสวียนจี เป็นบุคคลน่ากลัวที่แจ้งมรรคจักรพรรดิตั้งแต่สมัยบรรพกาล

ตอนนี้กลับคุกเข่าคารวะตนอย่างคนอ่อนอาวุโสกว่า นี่จะไม่ให้หลินสวินไม่ตกใจได้อย่างไร

“ผู้อาวุโสลุกขึ้นเถอะ ข้าน้อยรับไม่ไหว”

หลินสวินแทบจะไปพยุงป๋อหยาจื่อตามสัญชาตญาณ

แต่กลับพยุงไม่ขึ้น!

ก็เห็นป๋อหยาจื่อพูดอย่างจริงจัง “อาจารย์อาเล็ก ไม่ว่าอายุมากหรือน้อย ไม่ว่ามรรควิถีตื้นหรือลึก ท่านก็เป็นศิษย์น้องของท่านอาจารย์ ย่อมต้องเป็นอาจารย์อาของข้า ข้าคารวะท่านก็เป็นเรื่องถูกต้องแล้ว”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งค่อยกล่าวต่อว่า “อีกอย่าง อาจารย์อาเล็กอย่าได้เรียกข้าว่าผู้อาวุโส และอย่าเรียกตนเองว่าข้าน้อย แม้ข้าเป็นศิษย์ฝากนาม แต่ธรรมเนียมและกฎเกณฑ์ในสำนักจะฝ่าฝืนไม่ได้เด็ดขาด”

คำพูดจริงจังและเคร่งขรึม

หลินสวินจนคำพูด ยิ้มขื่นระลอกหนึ่ง

……………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์