อาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชา!
คำสั้นๆ ราวกับฟ้าผ่า
เหิงเซียวขมวดคิ้วทันที พูดอย่างไม่ชอบใจ “สหายน้อย บรรพจารย์ป๋อหยาจื่อสร้างสำนักยุทธ์เสวียนจีขึ้นเองกับมือ เป็นบรรพจารย์ต้นกำเนิดของสำนักข้า ยังจะมีอาจารย์อื่นได้อย่างไร”
เขารู้สึกน่าขันมาก ถึงขั้นเสียใจที่พาหลินสวินมาที่นี่
แต่เหนือความคาดหมายของเขา ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ที่ดูแลที่นี่มาไม่รู้นานเท่าไหร่ ตอนนี้กลับเผยความประหลาดใจอย่างยากจะเห็น ลุกขึ้นโดยตรง!
เขาตาเป็นประกาย ราวกับสุริยันที่ส่องสว่างท้องฟ้า แผ่อานุภาพยิ่งยงปานท่วมกลบท้องฟ้า เหิงเซียวที่อยู่ช้างๆ เกร็งไปทั้งตัว หายใจลำบาก
ส่วนหลินสวินยิ่งทรมาน สภาวะจิตอึดอัด ขนลุกตั้งชัน
“เรื่องนี้เจ้ารู้ได้อย่างไร”
ชายชราผอมซูบเสียงต่ำลึก พูดเน้นทีละคำ ดังก้องในจิตใจของหลินสวินราวกับอสนีบาต ประหนึ่งว่าเพียงแค่เขากล้าพูดโกหกก็จะมีเคราะห์ทำลายล้างมาเยือน
ชั่วขณะนี้หลินสวินนิ่งสงบอย่างน่าแปลก เอ่ยว่า “หากผู้อาวุโสอยากรู้ ไม่สู้ให้ข้าเจอผู้อาวุโสป๋อหยาจื่อสักหน่อยก็จะเข้าใจแล้ว”
ตอนที่พูดคำพูดนี้ เขาเองก็แบกรับแรงกดดันอย่างหาที่สุดไม่ได้
เหิงเซียวที่อยู่ข้างๆ อึ้งงันอยู่กับที่แล้ว บรรพจารย์ป๋อหยาจื่อ… ถึงกับมีอาจารย์จริงๆ หรือ
ชายชรามองหลินสวินอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง เก็บกลิ่นอายรอบตัวไปโดยพลัน กลับคืนสู่ความนิ่งสงบอีกครั้ง
จากนั้นเขาเอ่ยง่ายๆ “ข้าก็คือป๋อหยาจื่อ”
ประโยคเดียวที่เบาแผ่ว แต่ตอนนี้กลับทำให้หลินสวินและเหิงเซียวอึ้งไปโดยพร้อมเพรียงกัน จากนั้นเผยสีหน้ายากจะเชื่อ
ผู้พิทักษ์ที่ดูแลที่นี่มาไม่รู้นานเท่าไหร่ ฐานะที่แท้จริงกลับเป็นบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักยุทธ์เสวียนจีหรือ
อย่าว่าแต่หลินสวินที่ผิดคาด แม้แต่เหิงเซียวยังงุนงง พูดเสียงหลง “นี่เป็นไปได้อย่างไร ภาพวาดของบรรพจารย์ป๋อหยาจื่อ จนตอนนี้ยังแขวนเป็นมรดกอยู่ที่สำนัก ผู้อาวุโสท่าน… ท่านอย่าล้อเล่นเรื่องแบบนี้นะ”
“ภาพวาดนั้นเหมือนจะเป็นของปลอม”
ชายชราสีหน้าเรียบนิ่ง
“แต่ตำราทั้งหมดในสำนักล้วนบันทึกไว้ว่า สมัยบรรพกาลบรรพจารย์ป๋อหยาจื่ออยากแจ้งมรรคที่สูงขึ้น จึงเลือกออกจากสำนัก หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอีกเลย…”
ไม่รอเหิงเซียวพูดจบ ชายชราก็ขัดจังหวะ “หรือเรื่องที่บันทึกในตำราจะต้องเป็นความจริงทั้งหมด”
เหิงเซียวอึ้งงันยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าตะลึงลาน
สิ่งที่เห็นวันนี้เหลือเชื่อเกินไป ทำให้สภาวะจิตของเขาพลุ่งพล่าน ไม่สามารถทำความเข้าใจและยอมรับได้ในทันที
ชายชราเห็นเช่นนี้ก็อดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ เอ่ยว่า “เหิงเซียว เจ้าเข้าสำนักตอนฤดูหนาวเมื่อสี่พันสามร้อยสิบหกปีใช่หรือไม่”
เหิงเซียวพยักหน้าตามสัญชาตญาณ
ชายชราพูด “อวี้หลินจื่ออาจารย์ของเจ้า ตอนที่ให้เจ้ารับช่วงดูแลสำนักต่อ เคยบอกเจ้าว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยอดเขาหวนคืนเร้นลับมีเพียงบรรพจารย์ผู้เปิดสำนักป๋อหยาจื่อที่สามารถฝึกปราณที่นี่ได้”
เหิงเซียวสายตาเลื่อนลอย ใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าอีกครั้ง
ชายชราพูด “เจ้าว่า ผู้พิทักษ์คนหนึ่งสามารถทำลายกฎนี้ได้หรือไม่”
ว่าแล้วเขาก็สะบัดมือลวกๆ ม้วนหยกสีม่วงอ่อนแผ่นหนึ่งพุ่งออกมา “เอาไปดู”
เหิงเซียวรีบรับมา เมื่อหยิบมาดูก็พลันราวกับถูกฟ้าผ่า พูดเสียงหลง “นี่ นี่คือ… ยันต์มรรคเสวียนจีของบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนัก!”
ชายชราไม่พูดอะไรอีก
แต่เหิงเซียวกลับทรุดตัวลงไปคุกเข่ากับพื้น “ศิษย์อกตัญญูเหิงเซียวคารวะบรรพจารย์!”
ในเสียงแฝงความตื่นเต้นอย่างที่สุด
เขาประหลาดใจเกินไปจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้เพียงเพื่อช่วยหลินสวินเท่านั้น แต่กลับทำให้เขาค้นพบความลับอันตะลึกโลกของยอดเขาหวนคืนเร้นลับแห่งนี้!
บรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนัก ปรากฏตรงหน้าตัวเป็นๆ!
และเหิงเซียวมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นความจริง เพราะยันต์มรรคเสวียนจีไม่มีทางปลอมแปลงได้แน่!
“ท่าน… คือผู้อาวุโสป๋อหยาจื่อจริงหรือ”
ตอนนี้หลินสวินเองก็อดถามไม่ได้
“ลุกขึ้นเถอะ”
ชายชราผอมซูบสะบัดแขนเสื้อ เหิงเซียวที่คุกเข่าอยู่บนพื้นถูกดึงขึ้นมาโดยตรง
จากนั้นชายชราจึงเอ่ยเสียงเรียบ “หากเป็นตัวปลอม จะรู้ทันคำมุสาของเจ้าได้อย่างไร แต่เจ้าหนุ่มอย่างเจ้ากลับรู้ว่าข้ามีอาจารย์คนอื่น ใครบอกเจ้า หากไม่บอก วันนี้ก็ไม่สามารถไปจากที่นี่ได้”
เหิงเซียวอดพูดเตือนไม่ได้ “สหายน้อย เจ้าอยากเจอบรรพจารย์ป๋อหยาจื่อไม่ใช่หรือ ท่านก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว”
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง พลิกฝ่ามือ ขวดหยกที่สูงสามชุ่นเป็นสีขาวแวววาวราวกับหยกมันแพะใบหนึ่งปรากฏออกมา
เขาพูดเสียงเบา “สมบัติชิ้นนี้คงจะสามารถยืนยันฐานะของข้าได้”
เพียงแต่ชายชราไม่ได้สนใจคำพูดนี้ ตั้งแต่แวบแรกที่เห็นขวดหยกมันแพะนั่น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ในสายตาเต็มไปด้วยความยากจะเชื่อ ความทรงจำที่ปิดผนึกมานานก็พวยพุ่งขึ้นในจิตใจราวกับกระแสน้ำ
ริมฝั่งมหาสมุทรสีฟ้า บนหาดสีขาวหิมะ บุตรชายชาวประมงคนหนึ่งที่ผิวตากแดดจนดำคล้ำนั่งอยู่บนพื้น พูดอย่างจริงจัง ‘ท่านสอนข้าฝึกปราณได้หรือไม่’
ด้านข้างชายหนุ่มคนหนึ่งหนุนแขนสองข้างเป็นหมอน เอนตัวนอนไขว้ขาอยู่บนหาดทรายอย่างเกียจคร้าน ริมฝีปากคาบต้นหญ้าอ่อนท่อนหนึ่ง
ได้ยินเช่นนี้เขาพ่นต้นหญ้าในริมฝีปากออก อดยิ้มพูดไม่ได้ ‘ฮ่าๆ เจ้าตัวน้อย เจ้าบอกว่าเจ้าอยากฝึกปราณหรือ’
‘ใช่!’
‘จริงจังหรือ’
‘หรือคิดว่าข้าโกหกท่าน’
บุตรชายชาวประมงอายุเพิ่งจะสิบเอ็ดสิบสอง ถูกคนตั้งข้อสงสัยก็พลันหน้าแดงขึ้นมา
‘ฮ่าๆๆ ชาวประมงน้อยเจ้าอย่าโกรธนะ’
ชายหนุ่มลุกขึ้น ยิ้มตาหยีขยี้ผมของเด็กหนุ่ม จากนั้นพลันพลิกฝ่ามือ ปรากฏขวดหยกมันแพะที่สูงสามชุ่น
‘เอ้า ข้าให้บททดสอบหนึ่งกับเจ้า หากเจ้าสามารถใส่เม็ดทรายให้เต็มขวดนี้ได้ คราวหน้าที่ข้ามาจะถ่ายทอดวิชาฝึกปราณให้เจ้า’
ชายหนุ่มทิ้งประโยคหนึ่งไว้แล้วสาวเท้าก้าวจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์