Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1874

สรุปบท ตอนที่ 1874 พบหลี่เสวียนเวยอีกครั้ง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 1874 พบหลี่เสวียนเวยอีกครั้ง – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1874 พบหลี่เสวียนเวยอีกครั้ง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ไม่เพียงแค่หลินสวิน เหิงเซียวเองก็รู้สึกเหมือนสมองว่างเปล่า

บรรพจารย์ก่อตั้งสำนักยุทธ์เสวียนจีผู้ยิ่งใหญ่ ระดับจักรพรรดิที่ชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้ามาตั้งแต่สมัยบรรพกาล บุคคลระดับตำนานที่เพียงแค่ปรากฏตัวก็สร้างความฮือฮาทั่วทั้งแคว้นเมฆา

แต่ตอนนี้กลับเหมือนผู้อ่อนอาวุโสกว่า คุกเข่าคำนับอยู่ตรงหน้าคนรุ่นเยาว์คนหนึ่ง!

ไม่ว่าใครเห็นภาพนี้ก็คงทำอะไรไม่ถูก

ทว่าป๋อหยาจื่อกลับไม่ได้ต่อต้านสักนิด ท่าทางและคำพูดล้วนเป็นธรรมชาติขนาดนั้น ให้ความรู้สึกสง่าผ่าเผย สมเหตุสมผล!

ฟ้า ดิน เจ้านาย พ่อแม่ญาติพี่น้อง อาจารย์ ห้ากตัญญู

อาจารย์คือสูงสุด!

แม้หลินสวินเป็นศิษย์น้องของอาจารย์เขา แต่ตามศักดิ์ก็ยังคงอาวุโสกว่าเขา!

เงียบไปนานหลินสวินจึงฝืนรับความจริงนี้ เอ่ยว่า “ป๋อหยาจื่อ ลุกขึ้นเถอะ”

ป๋อหยาจื่อถึงได้ลุกขึ้น เขาเหลือบมองเหิงเซียวที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าอยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องไปไหน”

เหิงเซียวที่ตะลึงงันรีบพยักหน้า

“อาจารย์อาเล็ก เชิญเข้ามาคุยกันก่อน”

ป๋อหยาจื่อทำท่า ‘เชิญ’ แล้วเดินนำไปที่ถ้ำใต้ยอดเขาหวนคืนเร้นลับ

หลินสวินตามไปติดๆ

มองจนเงาร่างของทั้งสองลับตาไป เหิงเซียวถึงได้รู้สึกตัว พลันตบหน้าผากพึมพำ “อาจารย์อาเล็กหรือ จินตู๋อีคนนี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่”

……

ภายในถ้ำเป็นอีกโลกหนึ่ง ท้องฟ้ากว้างใหญ่มาก ผนังทั้งสี่ด้านแขวนโคมสำริด ตรงกลางมีเบาะรองนั่งอันหนึ่ง

ป๋อหยาจื่อพูดว่า “อาจารย์อาเล็ก นี่คือที่ปิดด่านของข้า เรียบง่ายไปหน่อยได้โปรดอย่าถือสา”

“ผู้อาวุโส… ช่างเถอะ เรียกท่านว่าป๋อหยาจื่อแล้วกัน ในเมื่อท่านถือข้าเป็น… อาจารย์อาเล็ก ก็ฟังข้าสักหน่อยได้หรือไม่”

หลินสวินจนปัญญา คำพูดคำจาติดขัดมาก

“อาจารย์อาเล็กเชิญว่ามาได้ไม่ต้องกังวล”

ป๋อหยาจื่อท่าทางพร้อมฟังอย่างเคารพ

ริมฝีปากของหลินสวินกระตุกอย่างยากจะสังเกตเห็น ถึงค่อยเอ่ยว่า “ในระดับความอาวุโสของสำนัก ข้าสูงกว่าท่านอยู่บ้างจริงๆ แต่ตอนนี้ข้าไม่ได้ใช้ฐานะที่แท้จริง ท่าน… ไม่ต้องเรียกข้าว่าอาจารย์อาเล็กอีกเป็นอย่างไร”

ป๋อหยาจื่อไม่ใช่คนหัวดื้อ พยักหน้าน้อยๆ กล่าว “สหายยุทธ์ เชิญนั่งคุยกัน”

หลินสวินจึงรู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อย นั่งลงกับพื้น

ป๋อหยาจื่อสะบัดแขนเสื้อ โต๊ะเตี้ยตัวหนึ่งปรากฏขึ้น ด้านบนมีชาหนึ่งกาและถ้วยชาสองใบ

“อาจารย์… สหายยุทธ์ เล่าเรื่องของท่านอาจารย์ให้ข้าฟังได้หรือไม่”

ป๋อหยาจื่อรินชาพลางเอ่ยถาม

หลินสวินขบคิดแล้วเล่าสถานการณ์ของตนไปตามความจริง

เมื่อรู้ว่าหลินสวินเองก็ไม่เคยเจอหลี่เสวียนเวย ป๋อหยาจื่อเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างโศกเศร้า “ก็จริง ข้าเคยได้ยินท่านอาจารย์พูดว่าการรับศิษย์ของคีรีดวงกมลอิงตามวาสนา อีกทั้งผู้สืบทอดในสำนักต่างกระจัดกระจายอยู่ในที่ต่างๆ ส่วนใหญ่รู้จักเพียงแค่ชื่อของกันและกัน ไม่เคยพบหน้า ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง”

หลินสวินเห็นด้วยอย่างยิ่ง

หลายปีที่ผ่านมาเขาเองก็เคยเจอเพียงศิษย์พี่สี่สิบเก้าราชันผีเสวียนคง ศิษย์พี่เก้าเก่ออวี้ผู ศิษย์พี่สิบเอ็ดผู่เจิน ศิษย์พี่สิบสามหลี่เสวียนเวย

คนอื่นๆ อย่างเช่นศิษย์พี่ที่ครอบครองวิชาอริยะยุทธ์ รวมถึงศิษย์พี่เสวี่ยหยาที่ไม่รู้อยู่เป็นลำดับเท่าไร เขาเพียงแค่รู้จักชื่อ แต่ไม่เคยเจอ

นอกจากนี้ ศิษย์พี่อีกหลายคนที่ร่วงหล่นในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิที่ศิษย์พี่เก่ออวี้ผูเคยพูดถึง ต่อไปก็ไม่มีทางได้เจอแล้ว

ไม่นานหลินสวินก็พูดถึงเรื่องที่ตนออกจากแหล่งสถานคุนหลุน

ตอนที่ไปจากแหล่งสถานคุนหลุน เขาเคยเข้าไปอยู่ในฟ้าดาราอันลึกลับแห่งหนึ่ง ทว่าระหว่างทางกลับเจอบุคคลระดับจักรพรรดิคนแล้วคนเหล่าขวางทาง

ตอนนั้นก็เพราะพลังเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งของหลี่เสวียนเวยปรากฏออกมาจากสามพันเคลื่อนคล้อย ช่วยตนโจมตีระดับจักรพรรดิเหล่านั้นจนถอยทัพ!

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขารอดออกมาอย่างหวุดหวิด ทรมานอยู่ในฟ้าดาราที่เงียบสงัดผืนนั้นหกปีเต็มกว่าจะมาถึงโลกลำนำสวรรค์ในทางเดินโบราณฟ้าดารา

ได้รู้เรื่องนี้สายตาของป๋อหยาจื่อทอประกาย เผยสีหน้าเคารพ “ท่านอาจารย์เขาไม่เคยทำให้คนผิดหวัง แม้จะเป็นพลังเจตจำนงเสี้ยวหนึ่ง ก็ไม่ใช่ที่บุคคลระดับจักรพรรดิพวกนั้นจะสู้ได้!”

หลินสวินนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้นก็รู้สึกสะท้านไหวอย่างยิ่ง

ความองอาจของศิษย์พี่สิบสามหลี่เสวียนเวย เรียกได้ว่าไร้ศัตรูจริงๆ!

“สหายยุทธ์ แม้ข้าไม่รู้เบาะแสของท่านอาจารย์ แต่ข้าเชื่อว่าท่านอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้ทิ้งไว้เพียงพลังแห่งเจตจำนงเสี้ยวหนึ่ง”

ป๋อหยาจื่อพูดอย่างจริงจัง

หลินสวินพยักหน้าพูด “ข้าเองก็คิดเช่นนี้ จึงได้มาสืบเบาะแสของเขาที่สำนักยุทธ์เสวียนจี”

บุคคลแห่งยุคอย่างหลี่เสวียนเวย จะตายได้อย่างไร

ถึงขั้นในใจหลินสวิน ไม่ว่าจะเป็นหลี่เสวียนเวย หรือพวกราชันผีเสวียนคงและศิษย์พี่เก่ออวี้ผูที่เคยเจอ ต่างดูเหมือนร่วงหล่นไปแล้ว แต่หลินสวินมักรู้สึกว่าแม้พวกเขาจะร่วงหล่น แต่ไม่มีทางจากไปอย่างไร้สุ้มเสียงเช่นนี้!

บางทีความรู้สึกเช่นนี้อาจจะไร้เดียงสาไปหน่อย แต่หลินสวินยินยอมที่จะเชื่อความรู้สึกนี้

ทันใดนั้นหลินสวินตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง เอ่ยว่า “ป๋อหยาจื่อ เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่าเจ้าเองก็ไม่รู้เบาะแสของศิษย์พี่ใหญ่หลี่เสวียนเวยอย่างนั้นหรือ”

ป๋อหยาจื่อส่ายหน้า “จากกันคราวก่อนจนถึงตอนนี้ ข้ายังไม่เคยเจอท่านอาจารย์อีกเลย แม้แต่ข่าวคราวของเขาก็ไม่ได้ยิน”

หลินสวินผิดหวังในใจ

เขามาสำนักยุทธ์เสวียนจีคราวนี้เพื่อหาเบาะแสของหลี่เสวียนเวยจากป๋อหยาจื่อ เช่นนี้จึงจะสามารถคาดเดาได้ว่า ตอนนี้ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้นอยู่ที่ไหน

แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว

ชายหนุ่มรูปลักษณ์หล่อเหล่า สง่างามอิสระ ดุจกระเรียนท่องเมฆา คิ้วและมุมปากแฝงรอยยิ้มที่ชวนให้จิตใจสงบ

นี่ก็คือภาพวาดของหลี่เสวียนเวย!

หลินสวินอดเดินเข้าไปพินิจภาพวาดภาพนั้นอย่างประหลาดใจไม่ได้

“สหายยุทธ์เจ้าดูตรงนี้ ในมือท่านอาจารย์ถือขวดมหามรรคไร้ขอบเขตอยู่”

ป๋อหยาจื่อพูด

หลินสวินมองอย่างละเอียดก็พลันพบจุดที่แตกต่าง ขวดมหามรรคไร้ขอบเขตในภาพนี้ แม้วาดออกมาแต่กลับดูเหมือนมายาและและเลื่อนลอยมาก

“ศิษย์พี่ ล่วงเกินแล้ว”

หลินสวินยื่นมือไปลูบขวดมหามรรคไร้ขอบเขตในภาพวาดนั้น

ป๋อหยาจื่อคิดจะห้าม แต่สุดท้ายก็ทนเอาไว้ คนตรงหน้าเป็นถึงศิษย์น้องของท่านอาจารย์ ทำเช่นนี้ก็ไม่ถือว่าไม่เคารพ

ตอนที่ปลายนิ้วสัมผัสกับขวดมหามรรคไร้ขอบเขตกลับประหนึ่งสัมผัสความว่างเปล่า เหมือนทะลุผ่านเงาแสงชั้นหนึ่ง

ในใจหลินสวินวูบไหว หยิบขวดมหามรรคไร้ขอบเขตของตนออกมากดไปที่ภาพวาดนั้น ทันใดนั้นขวดมหามรรคไร้ขอบเขตจริงและปลอมสองอันหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน

วู้ม!

ละอองแสงที่งดงามสายหนึ่งปลิวว่อน ซัดจนหลินสวินเซถอยไปหลายก้าว

ป๋อหยาจื่อนัยน์ตาหดรัด

ก็เห็นกลางทะเลเมฆในภาพวาด หลี่เสวียนเวยที่ถือขวดมหามรรคไร้ขอบเขตยืนยิ้มอยู่ราวกับมีชีวิตขึ้นมา ทั้งตัวแผ่แสงมรรคที่ราวกับมายาดุจภาพฝันชั้นหนึ่ง

“ศิษย์น้องเล็ก”

ในภาพวาด หลี่เสวียนเวยแววตาผ่อนคลายเหยียดกายขึ้น เอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “จากกันนอกแหล่งสถานคุนหลุน พวกเราได้เจอกันอีกแล้ว”

เสียงดังกังวาน

หลินสวินสะท้านไปทั้งตัว แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

“อ้อ ชาวประมงน้อยก็อยู่ด้วย”

หลี่เสวียนเวยกะพริบตา ยิ้มเบิกบานอย่างมาก

ป๋อหยาจื่อหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่แล้ว ร้องเสียงหลงอย่างตื่นเต้น “ท่านอาจารย์! เป็นท่านจริงหรือ”

ในสายตาของหลี่เสวียนเวยเผยความทอดถอนใจ เอ่ยว่า “ภาพวาดเจตจำนงภาพนี้ข้าเป็นคนทิ้งเอาไว้ เจ้าหนูอย่างเจ้ายังจะคิดว่าเป็นเท็จอีกหรือ”

ป๋อหยาจื่ออึ้งงันอยู่ตรงนั้นแล้ว มุมปากสั่นเทา นี่… เป็นท่านอาจารย์หลี่เสวียนเวยจริงๆ!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์