“ท่านอาจารย์ หลายปีนี้ท่านไปไหนมา เหตุใดในทางเดินโบราณฟ้าดาราอันกว้างใหญ่นี้ถึงสืบข่าวคราวของท่านไม่ได้อีกเลย หรือท่านเจออุปสรรคอะไร”
ป๋อหยาจื่อถามหลายคำถามในทีเดียว
หลี่เสวียนเวยพูดอย่างจนใจ “ชาวประมงน้อย ตอนนี้เจ้าเป็นถึงระดับจักรพรรดิแล้ว เหตุใดยังเสียอาการเช่นนี้ เจ้าน่ะ ใจเย็นลงหน่อย ให้ข้าคุยกับศิษย์น้องก่อน”
ป๋อหยาจื่อพยักหน้ารัวๆ
ตอนนี้สภาพจิตใจของเขาเสียการควบคุมอยู่บ้างจริงๆ
“ศิษย์น้อง เจ้ามาสำนักยุทธ์เสวียนจีคราวนี้เพราะอยากจะสืบเรื่องของคีรีดวงกมลใช่หรือไม่”
แววตาหลี่เสวียนเวยมองไปยังหลินสวิน สีหน้าอบอุ่น
หลินสวินประหลาดใจ “ศิษย์พี่คาดเดาออกนานแล้วหรือ”
หลี่เสวียนเวยยิ้ม “ข้าไม่มีความสามารถในการทำนายหรอก สิ่งที่เจ้าเห็นเป็นเพียงแค่สิ่งที่ข้าทิ้งเอาไว้ในตอนนั้น ข้าเองยังคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะหาที่นี่เจอไวขนาดนี้”
ตามที่หลี่เสวียนเวยบอก ภาพวาดสลักหินนี้คือพลังแห่งเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งของเขาที่เขาทิ้งเอาไว้ยามจะจากไป
เพียงแค่ใช้พลังของขวดมหามรรคไร้ขอบเขต ก็จะสามารถทำให้พลังแห่งเจตจำนงนี้ตื่นขึ้น และเกิดการเชื่อมโยงอันเป็นเอกลักษณ์กับร่างต้นของเขา
“ศิษย์พี่ ในเมื่อท่านรู้จุดประสงค์การมาของข้าแล้ว ช่วยคลายข้อสงสัยให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”
หลินสวินถาม
หลี่เสวียนเวยถอนหายใจเบาๆ “ศิษย์น้อง ไม่ใช่ว่าข้าไม่บอกเจ้านะ แต่ด้วยมรรควิถีของเจ้าในตอนนี้ รู้เหตุการณ์ในอดีตพวกนี้ไปมีแต่โทษไม่มีประโยชน์”
มุมปากหลินสวินกระตุก คำตอบเช่นนี้ เขาเคยได้ยินไม่เพียงแค่ครั้งเดียว
ศิษย์พี่เก่ออวี้ผูเคยพูดเช่นนี้ ศิษย์เสวียนคงเองก็เคยพูดเช่นนี้ แม้แต่ศิษย์พี่ผู่เจินเองก็จงใจหลีกเลี่ยงการพูดคุยในหัวข้อเหล่านี้กับตน
หลี่เสวียนเวยเอ่ยว่า “แต่ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งต้องการให้ศิษย์น้องลงมือช่วย และเจ้าต้องลงมือด้วยตัวเองเท่านั้น”
หลินสวินอึ้ง พลันฮึกเหิมขึ้นมา “เรื่องอะไรหรือ”
หลายปีมานี้บุญคุณที่เขาได้รับจากคีรีดวงกมลมีมากเกินไป ทว่าแม้สถานการณ์ในตอนนี้ของคีรีดวงกมลก็ยังไม่รู้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าช่วยเหลืออะไร
“เข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่จัดขึ้น”
หลี่เสวียนเวยพูดออกมาเช่นนี้ ทำเอาหลินสวินประหลาดใจ
จากนั้นหลี่เสวียนเวยก็เล่าที่มาที่ไป
งานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่จัดขึ้นครั้งนี้ อันที่จริงก็เพื่อช่วงชิง ‘สมบัติมรรคแรกกำเนิด’ ที่ถือกำเนิดในแดนแห่งปริศนาชิ้นหนึ่ง
มีเพียงการเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคและติดอับดับร้อยคนแรกเท่านั้น ร้อยคนนี้จะถูกส่งไปที่ ‘เขตต้องห้ามเซียนโบราณ’!
เขตต้องห้ามเซียนโบราณคือหนึ่งในแปดเขตต้องห้ามใหญ่แห่งหงเหมิง มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นแดนแห่งปริศนาที่อันตรายหาที่เปรียบไม่ได้แห่งหนึ่ง
หลายปีที่ผ่านมาคนใหญ่คนโตที่คิดว่าพลังปราณของตนยิ่งใหญ่เทียมฟ้าไม่รู้เท่าไหร่เข้าไปสำรวจ แต่ล้วนร่วงหล่นหรือไม่ก็กลับมามือเปล่าอย่างไม่มีข้อยกเว้น
ทว่าตามที่หลี่เสวียนเวยพูด เมื่อไม่นานมานี้ภายในเขตต้องห้ามเซียนโบราณเกิดการเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดสะท้านโลก คล้ายว่าจะมีสมบัติโบราณปรากฏ ทำให้พลังกฎระเบียบของเขตต้องห้ามแห่งนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลง
ก็เพราะการเปลี่ยนแปลงสะท้านโลกนี้ ทำให้หกเรือนมรรคใหญ่สังเกตเห็นพลังชีวิตเสี้ยวหนึ่ง หลังผ่านการอนุมานหลายครั้ง สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปที่น่าตกใจข้อหนึ่ง…
สมบัติโบราณที่ปรากฏในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นสมบัติมรรคแรกกำเนิดชิ้นหนึ่ง!
อะไรคือสมบัติมรรคแรกกำเนิด
ไม่นานหลินสวินก็เข้าใจแล้ว
‘ศิลามรรคโลกาสวรรค์’ ที่ถูกมองว่าเป็นสมบัติพิทักษ์สำนักของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ก็คือสมบัติมรรคแรกกำเนิดชิ้นหนึ่ง!
หลินสวินจำได้แม่นว่าจักรพรรดิกระบี่ฝูเหยาเคยบอกว่า เริ่มแรกบรรพจารย์ก่อตั้งสำนักของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ผ่านการเดินทางอันยากลำบากมาถึงแดนแห่งปริศนา และค้นพบศิลามรรคชิ้นหนึ่งที่ถือกำเนิดในบ่อเกิดแรกกำเนิด
ก็เพราะศิลามรรคนี้ ทำให้บรรพจารย์ก่อตั้งสำนักของเรือนมรรคโลกาสวรรค์แจ้งมรรคในคราเดียว สร้างสำนักโบราณที่ไม่เสื่อมสลายอย่างเรือนมรรคโลกาสวรรค์
ศิลามรรคชิ้นนี้ก็คือศิลามรรคโลกาสวรรค์
แดนแห่งปริศนาที่ให้กำเนิดศิลามรรคโลกาสวรรค์ ตอนนี้กลายเป็นอาณาเขตของเรือนมรรคโลกาสวรรค์แล้ว นามว่าภูเขาเทพแสงเขียว เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของคนทั้งโลก
ก็หมายความว่า ศิลามรรคโลกาสวรรค์ชิ้นนี้กลายเป็นสำนักโบราณที่ชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดารา ตอนนี้ยิ่งชื่อเสียงเลื่องลือในหกเรือนมรรคใหญ่ สยบทั่วหล้า!
นี่ก็คือความมหัศจรรย์ของสมบัติมรรคแรกกำเนิด
และตอนนี้ สมบัติโบราณที่ปรากฏในเขตต้องห้ามเซียนโบราณนั้น ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นสมบัติมรรคแรกกำเนิดเหมือนศิลามรรคโลกาสวรรค์ นี่จะไม่ให้คนบ้าคลั่งได้อย่างไร
แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ก็นั่งไม่ติดแล้ว
เพราะถ้าได้ครอบครองสมบัติเช่นนี้ ผลประโยชน์ย่อมเหนือจินตนาการอย่างแน่นอน!
เรือนมรรคโลกาสวรรค์ในตอนนี้ก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด!
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือ แม้เขตต้องห้ามเซียนโบราณเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่พลังกฎระเบียบอันน่ากลัวที่เปี่ยมล้นภายในกลับยังคงไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะสามารถเข้าใกล้ได้
ภายหลังหกเรือนมรรคใหญ่ได้สันนิษฐานว่า หากต้องการเข้าไปช่วงชิงสมบัติในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ จะต้องร่วมมือกัน ใช้วิธีที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละคนเปิดเส้นทางสายหนึ่งในกำแพงที่ปกคลุมเขตต้องห้ามเซียนโบราณ
เพียงแต่เส้นทางเช่นนี้ไม่มั่นคงอย่างยิ่ง หากระดับจักรพรรดิเหยียบย่างก็จะทรุดทลายทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์