ตอนที่ 1879 ศึกคัดเลือกรอบแรก – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1879 ศึกคัดเลือกรอบแรก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
หลินสวินมองดูเงียบๆ อยู่สักพัก ก็เดินตามออกไปยังเรือนอันโอ่โถงหลังนั้น
“ค่าสมัครหนึ่งพันผลึกมรรค”
ชายผู้เฝ้าประตูใหญ่ของเรือนคนหนึ่งเอ่ยเสียงเข้ม
หลินสวินโยนถุงเก็บของถุงหนึ่งออกไป ชายผู้นั้นประเมินเล็กน้อยก็เก็บไว้ แล้วส่งป้ายคำสั่งหยกขาวป้ายหนึ่งให้หลินสวิน
“ใช้ป้ายคำสั่งนี้เข้าไปลงชื่อและทดสอบในเรือน ไปเถอะ คนต่อไป”
ชายผู้นั้นโบกมือเอ่ย
ในเรือนใหญ่เหมือนเป็นอีกจักรวาลหนึ่ง พื้นที่ใหญ่โตเป็นที่สุด
ยามหลินสวินเข้ามาก็มีเงาร่างมากมายยืนอยู่ในนั้นก่อนแล้ว แต่ละคนล้วนรูปลักษณ์ไม่ธรรมดา ทั้งยังมีคนรุ่นอาวุโสบางส่วนปะปนอยู่ในนั้น แผ่อานุภาพแตกต่างกันไป
เมื่อหลินสวินเข้ามา สายตาหลายคู่ก็กวาดมา
หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาอยู่ตรงนี้ เกรงว่าคงตกใจจนขวัญหายไปนานแล้ว
หลินสวินกลับคล้ายไม่รู้สึกอะไร เดินมาถึงกลางเรือนอย่างสุขุมเยือกเย็น
ที่นี่มีโต๊ะอยู่ตัวหนึ่ง เงาร่างเจ็ดสายทั้งชายหญิงนั่งหลังตรงแน่วอยู่หลังโต๊ะ แผ่กลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของระดับกึ่งจักรพรรดิ
พวกเขาเป็นคนใหญ่คนโตที่มาจากเจ็ดสำนักใหญ่ของแคว้นเมฆา ควบคุมดูแลที่นี่ พร้อมควบตำแหน่งผู้ทดสอบ
หงอวี่ ผู้อาวุโสสำนักยุทธ์เสวียนจีก็นั่งอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
เมื่อได้เห็นหลินสวิน นัยน์ตาเขาหดรัดเล็กน้อย กำลังจะลุกขึ้นต้อนรับ แต่สุดท้ายยังอดทนไว้ ทำเพียงพยักหน้าอย่างจับสังเกตไม่ได้ให้หลินสวิน
“เอามือกดลงบน ‘มุกส่องวิญญาณ’”
ชายชราชุดแดงคนหนึ่งเอ่ยเสียงเข้ม
บนโต๊ะมีมุกวิญญาณที่มีประกายแสงขุ่นมัวไหลเวียน ขนาดเท่ากำมือ โปร่งแสงเปล่งประกายเม็ดหนึ่งวางอยู่
หลินสวินยกมือขึ้นวางบนนั้น
ในขณะเดียวกันเขาก็สังเกตได้อย่างฉับไวว่าสายตามากมายในเรือนล้วนพากันมองมาที่ตน
หรือพูดอีกอย่าง กำลังมองมุกส่องวิญญาณเม็ดนั้น
วิ้ง!
มุกส่องวิญญาณมีแสงเทพไหวเคลื่อน ลายมรรคสีทองเส้นแล้วเส้นเล่าค่อยๆ รวมตัวกันในอากาศ มีเสียงอริยบุคคลท่องธรรมดังขึ้นท่ามกลางความคลุมเครือ
“มกุฎราชันอริยะอีกคนหนึ่ง!”
“ก็ยังดี เป็นแค่ผู้มีพลังปราณระดับมกุฎราชันอริยะขั้นกลางเท่านั้น ไม่ถึงกับโดดเด่นนัก”
“ขอเพียงเป็นคนที่เหยียบย่างขอบเขตมกุฎล้วนมีรากฐานพลังเหนือธรรมดาทั้งนั้น ถ้าเป็นไปได้หลีกเลี่ยงการต่อสู้กับอีกฝ่ายจะดีที่สุด”
ชั่วพริบตาเดียวผู้แข็งแกร่งในเรือนไม่น้อยต่างเผยสีหน้าครุ่นคิด
ทั้งยังมีคนไม่คิดเช่นนั้น ชักสายตากลับไป
พวกสะดุดตาชั้นเลิศอย่างฉู่ชิว กู่เจี้ยนสิงต่างคร้านจะสนใจอีก
การตัดสินความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอในศักยภาพของผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง สิ่งที่เป็นรูปธรรมที่สุดก็คือความสูงต่ำของพลังปราณ
เห็นได้ชัดว่าพลังปราณระดับมกุฎราชันอริยะขั้นกลางของหลินสวินนั้น ไม่ได้อยู่ในสายตาของบุคคลชั้นยอดอย่างพวกเขาอยู่แล้ว
หลินสวินสังเกตเห็นว่าสายตาของทุกคนในที่นั้นเปลี่ยนไป จึงรู้ว่าเหตุใดผู้สมัครเหล่านี้ถึงเลือกรออยู่ที่นี่
เป้าหมายก็เพื่อสังเกตการณ์พลังปราณของผู้สมัครด้วยมุกส่องวิญญาณ ใช้สิ่งนี้มาเลือกคู่ต่อสู้ เตรียมตัวป้องกันให้ดี
“พอแล้ว”
ชายชราชุดแดงผมขาวที่อยู่หลังโต๊ะพยักหน้า เอาป้ายคำสั่งหยกขาวในมือของหลินสวินไปแล้วพูดว่า “ชื่อล่ะ”
“จินตู๋อี”
หลินสวินเอ่ย
หลายคนในที่นั้นเผยสีหน้ากังขา จินตู๋อี… นี่เป็นใครมาจากไหน
มีเพียงหงอวี่ที่รู้เบื้องหลังชัดเจน แต่เขาจะพูดออกมาได้อย่างไร
เมื่อหนึ่งเดือนก่อนผู้แข็งแกร่งเกาะเทพเวหาทมิฬมาท้าสู้ที่สำนักยุทธ์เสวียนจี แม้สุดท้ายจะพ่ายแพ้กลับไปเบื้องหน้าหลินสวิน แต่หลังจากจากไปก็ไม่ได้ป่าวประกาศเรื่องนี้
ถึงอย่างไรเกาะเทพเวหาทมิฬก็เสียหน้าแล้ว จะป่าวประกาศเรื่องขายหน้าเช่นนี้ได้อย่างไร
ถึงขั้นที่สุดท้ายเกาะเทพเวหาทมิฬยังไม่รู้ว่าตกลงจินตู๋อีที่เอาชนะเสอจื่อกับเสอหลิงได้มีฐานะใดกันแน่
ส่วนภายในสำนักยุทธ์เสวียนจีก็ถูกเหิงเซียวออกคำสั่งปิดปากไว้นานแล้ว ดังนั้นเรื่องที่เกาะเทพเวหาทมิฬพ่ายแพ้ในตอนนั้นจึงไม่มีใครกล้าเปิดเผย
นี่ก็เป็นสาเหตุที่หลินสวินต้องการใช้ฐานะของจินตู๋อีมาลงชื่อ
ฐานะอย่างอวี่เสวียนก่อความเคลื่อนไหวใหญ่โตในแคว้นเขียวไปแล้ว ย่อมใช้ไม่ได้อีก ก็ยังดีที่ฐานะจินตู๋อีนี้ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นชื่อของเจ้าคางคก ทั้งยังไร้ความเกี่ยวข้องกับเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน
“ที่มา”
ชายชราชุดแดงผมขาวเอ่ยถามต่อ ระหว่างที่พูดก็สลักข้อมูลของหลินสวินไว้ในป้ายคำสั่งหยกขาว นี่ก็คือหลักฐานรับรองที่ใช้ในศึกถกมรรคแคว้นเมฆาอย่างหนึ่ง
“ผู้ฝึกปราณอิสระ”
พอหลินสวินพูดคำนี้ออกไป หลายคนต่างเผยสีหน้าตกตะลึง ผู้ฝึกปราณอิสระคนหนึ่งดันบรรลุระดับมกุฎราชันอริยะได้หรือ
เรื่องนี้หายากนัก
แต่ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นไม่น้อยยิ่งผ่อนคลายลงแล้ว ผู้ฝึกปราณอิสระหรือ ต่อให้ไปล่วงเกินก็ไม่ต้องหวั่นกลัวอะไร
มีเพียงหงอวี่ที่ยิ้มเย็นชาอยู่ในใจ ถ้าเจ้าพวกนี้คิดจริงๆ ว่าจินตู๋อีเป็นแค่ผู้ฝึกปราณอิสระที่ไม่ควรค่าให้ใส่ใจ เช่นนั้นก็ผิดมหันต์แล้ว!
“จำไว้ อีกห้าวันให้มาเข้าร่วมการคัดเลือกที่ ‘ลานแสดงมรรคหลิงเฟิง’ ถ้ามาสายหรือไม่มา จะยกเลิกสิทธิ์ในการคัดเลือก”
ชายชราชุดแดงผมขาวคืนป้ายหยกขาวให้หลินสวิน
“ขอบคุณ”
หลินสวินรับไว้ในมือ จิตรับรู้แทรกเข้าไปก็เห็นภาพมายาเงาร่างของตนรวมถึงข้อมูลต่างๆ ปรากฏขึ้นในนั้น
เขาเก็บกลับไปอย่างระวัง นี่เป็นถึงสิ่งสำคัญในการเข้าร่วม ‘งานชุมนุมถกมรรค’
ชั่วขณะเดียวก็ดึงดูดผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไรให้เข้ามา ว่ากันว่าภายในวันเดียว ผลึกมรรคเดิมพันก็สะสมไปถึงแปดสิบล้าน!
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เท่าไรนัก
ตอนอยู่เพียงลำพัง หากเขาไม่ฝึกปราณก็ศึกษาเรียนรู้คัมภีร์ร้อยสมุนไพรทั่วหล้า สภาวะจิตปลอดโปร่งเงียบสงบ
วันที่ห้า
ลานแสดงมรรคหลิงเฟิง
ที่นี่เป็นสถานที่ดุจโลกใบเล็กแห่งหนึ่ง ปกคลุมด้วยกระบวนผนึกบรรพกาล
ตรงกลางลานแสดงมรรคมีสังเวียนสิบแปดแห่งลอยเรียงกันคล้ายผืนดินล่องลอยสิบแปดผืน
เมื่อหลินสวินมาถึง บนที่นั่งผู้ชมการต่อสู้ทั้งสี่ทิศของลานแสดงมรรคก็มีแต่เงาร่างมากมายแน่นขนัด คลื่นเสียงอึกทึกดังสะเทือนฟ้าอยู่ก่อนแล้ว
ภาพอันคึกคักยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนนั้นทำให้หลินสวินได้เปิดหูเปิดตา
หลินสวินที่มือถือป้ายร่วมทดสอบ ไม่นานก็ถูกผู้คุ้มกันที่รับผิดชอบเรื่องการนำทางคนหนึ่งพาไปยังพื้นที่อันกว้างขวางแห่งหนึ่ง
ที่นี่เป็นพื้นที่คัดเลือก ผู้ฝึกปราณที่ลงชื่อเข้าร่วมการต่อสู้ต่างรออยู่ที่นี่
ภายในพื้นที่คัดเลือกในตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งหลายคนรวมตัวอยู่ก่อนแล้ว มีทั้งชายทั้งหญิง บ้างนั่งบ้างยืน มีทั้งบุคคลโดดเด่นแห่งยุครุ่นเยาว์ และยังมีพวกร้ายกาจที่ผ่านร้อนผ่านหนาวรุ่นอาวุโส
อย่างน้อยก็มีมากกว่าพันคน!
นี่ก็หมายความว่า เพียงแค่พื้นที่เดียวนี้ ยามนี้ก็มีราชันอริยะหลักพันคนรวมตัวกันแล้ว!
ภายในนั้นยังไม่ขาดมกุฎราชันอริยะด้วย!
ภาพเช่นนี้ทำเอาหลินสวินสะท้านในใจอย่างอดไม่ได้
ราชันอริยะ หากอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณต่างเรียกได้ว่าเป็นเสาหลักของสำนักแห่งหนึ่ง โดยทั่วไปแทบไม่ได้พบเห็น ราวกับมังกรเทพเห็นหัวไม่เห็นหาง
แต่ตอนนี้เพียงแค่แคว้นเมฆาที่เป็นหนึ่งในสี่สิบเก้าแคว้นของโลกใหญ่หงเหมิง แค่ในเมืองหลิงเฟิงซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองนับหมื่นภายในแคว้นเมฆาก็มีระดับราชันอริยะมากกว่าพันปรากฏตัวแล้ว นี่ย่อมดูตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง!
ความจริงแล้วไม่เพียงแต่หลินสวิน คนอื่นๆ ในที่นั้นก็ไม่อาจสงบใจได้
เรื่องยิ่งใหญ่ปานนี้ ภายในเขตแคว้นเมฆาในอดีตก็เรียกได้ว่าหมื่นปียังพบได้ยาก คนส่วนมากก็เพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรก
สาเหตุมีเพียงอย่างเดียว งานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่ร่วมกันจัดขึ้นคราวนี้ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวมากมายจริงๆ
อย่าว่าแต่ในเขตแคว้นเมฆา ต่อให้เป็นแคว้นอื่นอีกสี่สิบแปดแคว้นในโลกใหญ่หงเหมิง ก็เกิดเรื่องยิ่งใหญ่ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อนอย่างนี้เช่นเดียวกัน
ถึงขั้นที่โลกฟ้าดาราอื่นนอกโลกใหญ่หงเหมิงยังมีบุคคลแห่งยุคไม่รู้เท่าไรเดินทางมา เป้าหมายก็เพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมนี้
แต่หลินสวินเพียงแค่สบโอกาส จึงได้เป็นประจักษ์พยานว่างานชุมนุมครั้งนี้เปิดฉากเช่นไรพอดี!
แกร๊ง!
ไม่นานนักเสียงระฆังหนักแน่นเสียงหนึ่งดังขึ้น สะท้านไปทั้งลานแสดงมรรคหลิงเฟิง กดข่มคลื่นเสียงอึกทึกนั้นไว้ทั้งหมด
ทันใดนั้นทั้งที่นั้นก็เงียบเชียบไร้เสียง บรรยากาศน่าเกรงขามเกิดขึ้นตามธรรมชาติ
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์