Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1901

ตอนที่ 1901 ทวนมารสยบมายา
บนสนามประลองเก่าแก่

ฟุ่บ!

เงาร่างของหลินสวินไหววูบ แผ่วพลิ้วลงบนนั้น ทอดสายตามองเฮ่อเหลียนฉีที่อยู่ห่างออกไป แววตาดูเพลิดเพลิน

เฮ่อเหลียนฉีขนพองสยองเกล้า ต่อให้เขาไม่ยินยอมก็รู้ว่าศึกนี้… เขาจำเป็นต้องสู้!

เฮ่อเหลียนฉีสูดหายใจลึกคราหนึ่ง แทบจะหอบเอาจิตใจหนักอึ้งที่ต้องเผชิญความตายก้าวขึ้นไปบนสังเวียน ภายใต้สายตาที่เวทนาเห็นใจของผู้คน

“เฮ่อเหลียนฉี ข้าขอเตือนเจ้าให้ยอมแพ้เถอะ อย่าถ่วงเวลาอีกเลย”

มีคนพูดพร้อมรอยยิ้ม

หลายคนต่างหัวเราะตามมา

เฮ่อเหลียนฉีหน้าดำทะมึน เส้นเลือดดำตรงหน้าผากปรินูน

หากเป็นเมื่อก่อน ในฐานะทายาทของเผ่าโบราณสยบมายา หนึ่งในสิบอันดับหนึ่งของเขตเข้าร่วมต่อสู้แห่งแคว้นเมฆา ยามเฮ่อเหลียนฉีเดินไปที่ไหนก็จะได้รับการปฏิบัติตัวจากผู้คนเหมือนดาวล้อมเดือน

แต่ตอนนี้เขากลับตกเป็นเป้าที่ถูกเย้ยหยัน ความแตกต่างนี้กระตุ้นจนเฮ่อเหลียนฉีเกือบจะคลุ้มคลั่ง

ล้วนเป็นเพราะจินตู๋อีบัดซบนี่!

เฮ่อเหลียนฉีมองหลินสวินที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาอาฆาต กัดฟันกล่าว “ต่อให้ต้องแพ้ ข้าก็จะไม่ให้เจ้าผ่านไปง่ายๆ แน่!”

ตูม!

กลิ่นอายรอบตัวเขาส่งเสียงอึงอล แสงศักดิ์สิทธิ์ไหลวน บ่อเก่าแก่ลึกล้ำปรากฏออกมา มีไอมารสยบมายาสีดำพวยพุ่ง

อานุภาพของเฮ่อเหลียนฉีทะยานถึงขีดสุดในพริบตา ราวกับเทพมารที่กำราบนรกนิรันดร์ กลิ่นอายน่าหวาดกลัวไร้ขอบเขต

หลายคนต่างหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

การฝ่าด่านในเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่าแตกต่างจากการต่อสู้จริงอย่างเห็นได้ชัด อันดับของเฮ่อเหลียนฉีในการคัดเลือกรอบที่สองนับว่าอยู่แค่ขั้นกลาง

แต่อานุภาพที่เขาสำแดงออกมาตอนนี้ กลับทำให้ผู้แข็งแกร่งบางคนที่อันดับเหนือกว่าเขารู้สึกใจสั่น!

วู้ม…

ไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง ในมือของเฮ่อเหลียนฉีปรากฏทวนจันทร์เสี้ยวสีเลือดเล่มหนึ่ง ปลายทวนฝังประดับด้วยลูกตาสีเขียวที่ดูประหลาดหาใดเปรียบ เปล่งแสงสีเขียวเทาลึกลับออกมา

“ทวนมารสยบมายา!”

มีเสียงร้องอุทานดังขึ้น ก่อให้เกิดความแตกตื่นในที่นั้น สายตาของผู้ยิ่งใหญ่หลายคนต่างหดรัดอย่างอดไม่ได้ เผยสีหน้าประหลาด

ทวนมารสยบมายา!

ยอดสมบัติของเผ่าสยบมายา เป็น ‘ศาสตรามารมรรคจักรพรรดิ’ ที่สมชื่อคู่ควรชิ้นหนึ่ง!

ลือกันว่าลูกตาสีเขียวบนสมบัตินี้ มาจากมหาจักรพรรดิมรรคมารคนหนึ่งที่ครอบครองพลังน่ากลัวซึ่ง ‘กระชากจิต สลายหมื่นวิญญาณ’

สมบัติระดับนี้ ต่อให้เป็นในเจ็ดสำนักใหญ่ก็พบเห็นได้น้อยนัก มีจำนวนจำกัด

ด้วยเหตุนี้ใครก็คาดไม่ถึงว่าในศึกถกมรรคแคว้นเมฆานี่ เฮ่อเหลียนฉีจะพกสมบัติจักรพรรดิชิ้นหนึ่งติดตัวมาด้วย!

ขณะเดียวกันนัยน์ตาของหลินสวินก็หดรัดลงเล็กน้อย ลอบสะดุ้งในใจ กลิ่นอายของศาสตราจักรพรรดินี้แปลกประหลาดและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เขารู้สึกอกสั่นขวัญแขวน

“ฆ่า!”

เฮ่อเหลียนฉีลงมือแล้ว ทวนสีเลือดโฉบผ่านอากาศ เลิกเปิดรุ้งเทพสีเลือดแถบหนึ่ง ย้อมห้วงอากาศเป็นสีเลือดข้นคลั่ก

ฮือๆๆ…

เสียงร่ำไห้ของผีสางดังก้องทั่วฟ้าดิน ก็เห็นว่าลูกตาสีเขียวบนปลายทวนสีเลือดพลันหมุนขวับ

ฟุ่บ!

แสงเทพสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกมา แค่กวาดเบาๆ ห้วงอากาศใกล้เคียงก็แตกกระจาย ทรุดตัวจ่อมจมโดยไร้สุ้มเสียง

เงาร่างของหลินสวินพริบไหว หลบการโจมตีนี้ แต่ตรงจุดที่เขาเคยยืนห้วงอากาศพลันสลาย เต็มไปด้วยสีเลือดข้นคลั่ก แผ่กลิ่นอายที่ราวกับจะทำลายล้าง

หลายคนสูดหายใจสะท้าน พลังของทวนมารสยบมายานี้แปลกประหลาดเกินไปแล้ว!

“ฆ่า!”

ผมยาวของเฮ่อเหลียนฉีปลิวไสวราวกับเทพมาร พุ่งโจมตีเข้ามาอีกครั้ง

ทวนสีเลือดนั่นร่ายระบำ แผ่แสงเทพสีเขียวออกมาเป็นสายๆ ตัดไปมาบนสนามประลอง ห้วงอากาศถูกฉีกกระชากและทรุดตัวลงเหมือนทำจากกระดาษเปื่อย

ฉึ่บ!

ขณะที่หลินสวินหลบหลีก ก็ออกหมัดใส่แสงเทพสีเขียวสายหนึ่งที่พุ่งเข้ามา

ทั้งสองปะทะกัน พลังหมัดที่เรียกได้ว่าเผด็จการและเรียบง่ายลุ่มลึกนั้นของเขา ถึงกับถูกทะลวงอย่างง่ายดายราวกับถูกกัดกร่อน พังทลายกระจายไปทั่ว

แต่แสงเทพสีเขียวกลับเปี่ยมอานุภาพไม่เสื่อมถอย แหวกอากาศพุ่งปราดเข้ามา!

นี่ทำให้หลินสวินเลิกคิ้วทันที เงาร่างไหววูบ หลบหนีการโจมตีนี้อีกครั้ง

“จินตู๋อี เจ้าแข็งแกร่งมากไม่ใช่หรือ ทำไมต้องหลบอยู่ตลอดด้วย”

เฮ่อเหลียนฉีตวาดลั่น สีหน้าหยิ่งผยอง กลิ่นอายคลั่งระห่ำ ทวนสีเลือดในมือเขาเอ่อท้นด้วยสีโลหิต ปลดปล่อยแสงเทพสีเขียวออกมา ขับเน้นให้อานุภาพของเขาน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิม

คนมากมายต่างเผยสีหน้าจริงจัง

ทวนมารสยบมายานี้แข็งแกร่งและน่ากลัวเกินไปแล้ว เสริมพลังต่อสู้ให้เฮ่อเหลียนฉีไม่พอ ยังสร้างภัยคุกคามให้จินตู๋อีด้วย!

แม้ว่าสนามประลองจะกว้างใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็มีจำกัด ภายใต้การบุกโจมตีเต็มกำลังของเฮ่อเหลียนฉี พื้นที่ที่เหลือให้จินตู๋อีหลบหลีกกำลังถูกบีบให้เล็กลงอย่างต่อเนื่อง

เมื่อถึงช่วงที่จะหลบก็ไม่ได้ จะหนีก็ไม่สามารถ นั่นก็อันตรายแล้ว

“คิดไม่ถึงว่าคนอย่างเฮ่อเหลียนฉีจะพกสมบัติที่ร้ายกาจเช่นนี้ติดตัวมาด้วย เขาไม่ห่วงว่าจะถูกบุคคลระดับจักรพรรดิจับจ้อง แย่งสมบัติชิ้นนี้ของเขาไปหรือ”

มีคนแววตาวับวาว

ทวนมารสยบมายา นี่เป็นถึงสมบัติที่สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิใจเต้น!

“ภายใต้สายตาผู้คนที่จับจ้อง ใครจะกล้าแย่งชิง ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อเฮ่อเหลียนฉีกล้านำสมบัตินี้มาด้วยก็ย่อมต้องมีที่พึ่ง”

“ข้ากลับอยากรู้นักว่าหากจินตู่อีต้องแพ้ไปเช่นนี้… เกรงว่าคงคับข้องใจจนอยากตายกระมัง”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อครู่นี้หลินสวินฉวยโอกาสชูหมัดกำราบ ตัดสินแพ้ชนะในกระบวนท่าเดียว พลังทำลายรุนแรง หมดจดชัดเจน!

ทั้งที่นั้นเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง

ในใจคนมากมายต่างเย็นวาบ เดิมทีพลังต่อสู้ของเฮ่อเหลียนฉีก็ไม่ธรรมดา ทั้งยังใช้ศาสตรามารมรรคจักรพรรดิชิ้นหนึ่งด้วย แข็งแกร่งระดับใด แต่สุดท้ายก็ยังถูกกำราบ!

“ยอดสมบัติชิ้นหนึ่ง หากไม่มีความสามารถที่คู่ควร ก็ถูกลิขิตให้ไม่อาจสำแดงความได้เปรียบออกมามากนัก…”

มีคนใหญ่คนโตทอดถอนใจ

ในที่นั้นสายตามากมายที่มองไปยังหลินสวินต่างดูพิกลยิ่งกว่าเดิมแล้ว

ไม่ลงมือก็ไม่มีอะไร แต่ทันทีที่ลงมือก็เผยการโจมตีดุจอสนีบาตหมื่นสาย กำราบคู่ต่อสู้อย่างหมดจด จินตู๋อีนี่แข็งแกร่งถึงขั้นชวนตะลึงจริงๆ

‘จินตู๋อี เจ้ารอข้าก่อนเถอะ!’

เนิ่นนานกว่าเฮ่อเหลียนฉีจะยอมรับความจริงที่ว่าพ่ายแพ้ด้วยสีหน้าหดหู่ แววตาของเขาจ้องมองหลินสวินอย่างอาฆาต กัดฟันสื่อจิต

จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากไป

‘สมบัติชิ้นนั้นของเจ้าไม่เลวทีเดียว เจ้าต้องรักษาไว้ให้ดี เจอกันครั้งหน้าข้าอาจจะยืมมาเล่นสักหน่อย’

หลินสวินยิ้ม สื่อจิตกลับไปเช่นกัน

ร่างกายของเฮ่อเหลียนฉีที่จวนจากไปพลันแข็งทื่อ ในใจทั้งอับอายและขุ่นเคือง เจ้าหมอนี่ถึงกับจับจ้องสมบัติของข้า จะรังแกกันเกินไปแล้ว!

ก้วนซวีเจ้าสำนักสำนักยุทธ์ว่างเปล่าก้าวออกมา ประกาศผลการต่อสู้ยกแรก “จินตู๋อีชนะ เฮ่อเหลียนฉีถูกคัดออก การประลองรอบต่อไป อู่หวงปะทะหรงอิ๋นเยวี่ย!”

หลินสวินออกจากสนามประลอง หาที่นั่งขัดสมาธิกับพื้นปรับลมหายใจเงียบๆ

บนสนามประลอง อู่หวงและหรงอิ๋นเยวี่ยเริ่มต่อสู้แล้ว เพียงครู่เดียวก็ตัดสินผลแพ้ชนะ

ไม่มีเรื่องเกินคาดหมายเกิดขึ้น อู่หวงใช้ท่าทีกดกำราบเอาชนะหรงอิ๋นเยวี่ยได้อย่างสิ้นเชิง

การประลองรอบที่สาม ลู่ตู๋ปู้ปะทะหลิวเสี่ยวขุย ลู่ตู๋ปู้ชนะ

การประลองรอบที่สี่…

ตามเวลาที่ล่วงเลย การต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าเปิดฉาก เรื่องยอดเยี่ยมทยอยปรากฏ ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาและตื่นตะลึงนับไม่ถ้วน

ระหว่างนี้หลินสวินก็ชมการต่อสู้อยู่ตลอด กำลังวิเคราะห์และพิจารณาวิธีและรูปแบบการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งแต่ละคน

ยามบุคคลแห่งยุคอย่างอู่หวง ลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวา หวังถู ซูมู่หานปรากฏตัว จะดึงดูดความสนใจของหลินสวินได้ค่อนข้างมาก

กระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วยาม

การต่อสู้ที่คัดจำนวนคนสี่สิบเก้าคนเป็นยี่สิบสี่คนได้ปิดฉากไปทีละรอบ สุดท้ายก็มีผู้ชนะที่นับรวมหลินสวินด้วยทั้งหมดยี่สิบสี่คน

ด้วยจินเทียนเสวียนเยวี่ยจับได้ฉลากโชคดี จึงเข้าสู่การคัดเลือกรอบต่อไปอย่างราบรื่น

ยี่สิบสี่คนที่เหลือก็ถูกคัดออก!

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์