Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1904

ตอนที่ 1904 สุริยันฉายเด่น
ชิ้ง!

จินเทียนเสวียนเยวี่ยเก็บกระบี่โบราณ บุคลิกสง่างามเหนือธรรมดา

สายตาของนางกวาดไปทั้งสี่ทิศแล้วเอ่ยว่า “ยังมีใครไม่พอใจอีกไหม ถือโอกาสมาประลองตอนนี้ได้เลย”

เสียงเย็นชา เจือแววหยิ่งทระนงอันเป็นเอกลักษณ์

ไม่ทันรอให้เอ่ยปาก ก้วนซวีก็ชิงพูดก่อนแล้วว่า “เรื่องนี้ให้จบลงเท่านี้ ถ้าพวกเจ้าอยากแลกเปลี่ยนวิชากัน ค่อยรอหลังการคัดเลือกถกมรรคจบลงก็ได้ ตอนนี้เริ่มการแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่ง!”

เห็นดังนี้จินเทียนเสวียนเยวี่ยเบ้ปากเล็กน้อย แต่ก็ยังหันกายออกจากสนามประลองอยู่ดี

คนอื่นเห็นเช่นนี้ก็หมดคำพูด

โหยวเทียนซิงยังถูกเอาชนะ นี่ก็เพียงพอจะพิสูจน์แล้วว่านอกจากโชคดีเย้ยฟ้าแล้ว พลังต่อสู้ของจินเทียนเสวียนเยวี่ยเองยังเข้าไปอยู่ในรายชื่อผู้แข่งแกร่งสิบอันดับแรกได้

มีเพียงโหยวเทียนซิงคนเดียวที่สีหน้าอึมครึมยิ่งนัก

ก่อนการแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่งจะเริ่มขึ้นก็พ่ายแพ้ครั้งใหญ่เช่นนี้ เรื่องนี้กระทบกระเทือนความเชื่อมั่นของเขาไม่น้อย

สวบ!

ซูมู่หานชิงขึ้นสนามประลองก่อนแล้ว เขาแต่งชุดงูเหลือมสีเหลืองสด สวมเกี้ยวประดับสูงคาดเข็มขัด รูปลักษณ์หล่อเหลา สง่างามดึงดูดสายตา

แม้เป็นอันดับหนึ่งที่มาจากการคัดเลือกสิบเขตเข้าร่วมต่อสู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ความแข็งแกร่งในศักยภาพของซูมู่หาน แม้แต่ผู้สืบทอดแกนหลักของเจ็ดสำนักใหญ่บางคนยังละอายที่สู้ไม่ได้

ความจริงแล้วจนถึงตอนนี้ ในหมู่สิบสามผู้แข็งแกร่งก็เหลือเพียงเขา หลินสวิน และโหยวเทียนซิงสามคน เป็นผู้ที่มาจากสิบเขตเข้าร่วมต่อสู้ใหญ่

อีกสิบคนมาจากเจ็ดสำนักใหญ่แทบทั้งนั้น แม้แต่จินเทียนเสวียนเยวี่ยก็มาเข้าร่วมศึกนี้ในฐานะคนของสำนักยุทธ์เสวียนจี

จากจุดนี้ก็ดูออกว่าซูมู่หานแข็งแกร่งปานไหน

“พี่จิน เชิญ”

บนสนามประลอง ซูมู่หานเอ่ยง่ายๆ

สวบ!

เงาร่างหลินสวินพริบวาบเข้ามาในสนาม แล้วเอ่ยว่า “เชิญ”

พริบตาเดียวสายตาทุกคู่ในที่นั้นต่างมองมาที่ทั้งสอง

ซูมู่หาน อัจฉริยะชั้นเลิศที่ปฏิเสธการดึงตัวของเจ็ดสำนักใหญ่ตั้งแต่ยังเยาว์ บุคคลชั้นยอดคนหนึ่งที่มาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลซู

ส่วนจินตู๋อี ก็เป็นม้ามืดที่สร้างความประหลาดใจเหนือความคาดหมายครั้งแล้วครั้งเล่า ในการคัดเลือกถกมรรคจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยแพ้สักครั้ง!

การประมือของบุคคลชั้นยอดทั้งสองย่อมต้องไม่ธรรมดา!

“พี่จิน ศึกนี้ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ข้าคนแซ่ซูก็ขอเพียงสู้ให้หนำใจ!”

ซูมู่หานพลันก้าวย่างพร้อมรอยยิ้ม

ตูม!

ก้าวเดียวเท่านั้น แสงตระการตาหาใดเทียบแถบหนึ่งก็พุ่งออกมาจากร่างของซูมู่หาน กลายเป็นดวงอาทิตย์โชติช่วงดวงหนึ่งลอยเด่นเหนือเวิ้งฟ้า ส่องสว่างภูผาธารา

เขาเจิดจ้าไปทั้งร่าง แสงมรรคที่หลั่งไหลออกมาสมจริงนัก ทั้งตัวมีพลานุภาพยิ่งใหญ่ปาน ‘สุริยันกลางนภา ประกายแสงหมื่นจั้ง’

“แข็งแกร่งนัก! ก่อนหน้านี้ซูมู่หานเก็บงำไว้ชัดๆ”

มีคนพูดเสียงค่อย

ในการคัดเลือกถกมรรคก่อนหน้านี้ แม้ซูมู่หานแสดงความสามารถได้น่าตกตะลึงยิ่ง แต่ไม่ว่าจะเป็นพลานุภาพหรือกลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็ไม่แข็งแกร่งเท่าตอนนี้

“ในหมู่สิบสามคนที่อยู่ในสนามมีใครไม่เก็บงำบ้าง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าซูมู่หานคนนี้… ทันทีที่ต่อสู้ก็ใช้พลังแท้จริงเลย เห็นได้ว่าเขาให้ความสำคัญกับจินตู๋อีขนาดไหน”

มีคนแววตาเป็นประกาย

ด้านพวกลู่ตู๋ปู้ อู่หวง เซี่ยอวี่ฮวาต่างก็เผยสีหน้าจริงจังเคร่งขรึม ใจจดจ่ออยู่ที่สนามประลองเพียงอย่างเดียว

การแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่ง เกี่ยวพันกับการได้เข้าร่วมในงานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่ร่วมกันจัดขึ้น ดังนั้นไม่ว่าใครต่างก็ไม่กล้าเลินเล่อสักนิด

ตูม!

เมื่อซูมู่หานก้าวย่าง ดวงอาทิตย์ที่ลอยสูงเหนือห้วงอากาศดวงนั้นก็ยิ่งเจิดจ้า แผ่คลื่นพลังอันน่าหวาดหวั่นออกมาประหนึ่งกำลังแผดเผา

สุริยันฉายเด่น!

นี่เป็นพลังเขตแดนมรรคที่ซูมู่หานควบรวมขึ้น แข็งแกร่งอหังการถึงขีดสุด ดุดันหาใดเทียบ

ผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกันทั่วๆ ไปอย่าว่าแต่ลงมือ เพียงพริบตาก็หวาดหวั่นใจ อกสั่นขวัญแขวนและสิ้นหวังเพราะมัน!

‘น่าเสียดาย ตอนนั้นดันรับเจ้าหนุ่มคนนี้เข้าสำนักไม่ได้’

ขณะนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าในเจ็ดสำนักใหญ่ไม่รู้เท่าไรรำพึงในใจ ซูมู่หานอัจฉริยะแห่งยุคที่ผงาดขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อยคนหนึ่ง

เขาในตอนนี้เริ่มเปล่งประกายยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!

ตูม!

กระทั่งเดินออกมาก้าวที่เก้า อานุภาพทั้งตัวของซูมู่หานก็เพิ่มสูงถึงขีดสุดแล้ว โชติช่วงตระการตาไปทั้งร่าง ตัวเขาประหนึ่งดวงอาทิตย์ดวงหนึ่ง

ในระหว่างนี้หลินสวินยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ไหวติงแม้แต่นิดเดียว ความจริงในใจก็ออกจะประหลาดใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

ไม่ต้องสงสัย ว่าซูมู่หานต้องเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่เขาเข้ามาในแคว้นเมฆา

กลิ่นอาย อานุภาพ รวมถึงพลังเจตจำนงที่สำแดงออกมาต่างเรียกได้ว่าล้ำเลิศและเยี่ยมยอดในหมู่คนรุ่นเดียวกัน

หลินสวินเอ่ย “เจ้าอยากสู้ให้หนำใจ ได้เลย แต่จะให้ข้าสู้ให้หนำใจได้หรือไม่ นั่นก็ไม่แน่แล้ว”

ซูมู่หานหัวเราะร่าเอ่ยว่า “ข้าจะทุ่มเทพลังทั้งหมด”

ระหว่างที่พูดเขาที่สั่งสมพลังรอไว้นานแล้วก็ลงมือ

ตูม!

ฟ้าดินหม่นแสง ห้วงอากาศยุ่งเหยิง

ซูมู่หานกดฝ่ามือหนึ่งออกมา กลางฝ่ามือประหนึ่งมีดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งมาเยือนโลกา หมายจะเผาผลาญสรรพชีวิต

หลินสวินยกหมัดเข้าปะทะกับมันอย่างเบาสบาย

เมื่อทั้งสองปะทะกัน เกิดเสียงระเบิดลั่นราวฟ้าดินดับสูญขึ้นในสนามประลอง พลังหมัดและลมฝ่ามือรุนแรงแผ่กระจาย ก่อให้เกิดเสียงร้องตกตะลึงในที่นั้นไม่รู้เท่าไร

เป็นการโจมตีที่ปะทะกันครั้งแรก แต่ความรุ่งโรจน์ของพลังที่สำแดงออกมาเรียกได้ว่าสะท้านโลก น่ากลัวเกินกว่าที่คาดคิดไปแล้ว

พวกเซี่ยอวี่ฮวา หวังถูต่างก็สีหน้าเคร่งเครียด ครุ่นคิดว่าถ้าเปลี่ยนตนเป็นจินตู๋อีหรือซูมู่หานจะรับมืออย่างไร

“มาอีก!”

ซูมู่หานผมยาวปลิวไสว สะบัดฝ่ามือก้าวไปข้างหน้า พลังฝ่ามือนั้นราวกับนำพาดวงอาทิตย์ไปด้วย อหังการแกร่งกล้าดุจสุริยัน เผาฟ้าทลายดิน มีอานุภาพที่ไม่อาจจินตนาการได้

แต่ละครั้งที่ตบฝ่ามือออกไป ความรู้สึกที่มอบให้ทุกคนก็เหมือนมีดวงอาทิตย์ดวงแล้วดวงเล่าตกลงมา!

‘เจ้าหมอนี่เก็บงำลึกล้ำจริงๆ’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์