บนลานหยกยอดเขาเซียนยุทธ์
ผู้แข็งแกร่งสิบสามคนอย่างหลินสวิน ลู่ตู๋ปู้ อู่หวงรออยู่บนนั้นแล้ว
พวกคนใหญ่คนโตที่มาจากเจ็ดสำนักใหญ่รวมถึงขุมอำนาจอื่นในแคว้นเมฆายืนแยกๆ กันทั้งสี่ทิศของลาน
วันนี้จะเปิดการแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่ง!
พอเสียงระฆังทุ้มหนักดังขึ้นในชั้นเมฆ บรรยากาศในที่นั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเงียบสงัดในชั่วพริบตาไปด้วย
“การแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่ง ขั้นแรกจะคัดผู้แข็งแกร่งออกมาหกคน ยังใช้วิธีจับฉลากเลือกคู่ต่อสู้ดังเดิม หนึ่งในนั้นจะมีฉลากโชคดีอยู่ใบหนึ่ง”
พอก้วนซวีเจ้าสำนักสำนักยุทธ์ว่างเปล่าเอ่ยประกาศ ทั้งที่นั้นก็งุนงงไปครู่หนึ่ง
นี่เป็นถึงการแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่ง ยังมีฉลากโชคดีอีกหรือนี่
สายตาของคนไม่น้อยต่างมองไปที่จินเทียนเสวียนเยวี่ยในชุดขาวปลอด งามกระจ่างดั่งเซียน
ในการคัดเลือกเมื่อวาน ผู้กล้าหญิงแห่งยุคจากเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลจินเทียนคนนี้โชคดีจับฉลากโชคดีได้สองครั้งติด กลายเป็นหนึ่งในสิบสามคนที่เข้าชิงสิบผู้แข็งแกร่งไปโดยไม่ต้องต่อสู้
นี่ย่อมทำให้ผู้อื่นอิจฉา
แต่การแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่งยังมีฉลากโชคดีอยู่ นี่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก
คนที่จับฉลากโชคดีได้ จะกลายเป็นสิบผู้แข็งแกร่งของศึกถกมรรคแคว้นเมฆาทันที เรื่องนี้ยุติธรรมกับผู้แข็งแกร่งคนอื่นหรือ
คล้ายมองทะลุความคิดของทุกคน ก้วนซวีเอ่ยเสียงเรียบว่า “การช่วงชิงมหามรรค ศักยภาพกับโชคจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ก็เหมือนเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ที่นี่ เป็นระดับกึ่งจักรพรรดิแทบทั้งนั้น ศักยภาพของแต่ละคนล้วนเรียกได้ว่าองอาจ แต่หลายปีมานี้กลับไม่มีใครแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิสักคน เพราะเหตุใดกัน”
เสียงดั่งสายฟ้าดังก้องไปทั้งลาน
ไม่ทันรอให้ตอบ ก้วนซวีก็เอ่ยทันทีว่า “ง่ายนัก เพราะขาดโชค!”
“ถ้าไม่มีมหาโชควาสนา ทั้งชีวิตก็ทำได้เพียงติดอยู่เบื้องหน้าระดับจักรพรรดิ กลับกัน หากคว้าโชควาสนาไว้ได้ครั้งหนึ่ง ผู้อาวุโสที่อยู่ที่นี่เหล่านี้จะมีใครไม่อาจแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิได้”
“ความหมายของฉลากโชคดีก็อยู่ตรงนี้ ทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการเตือนใจพวกเจ้า ว่าถ้าโอกาสมาฟ้าดินล้วนร่วมแรงเกื้อหนุน หากโชควาสนาพัดผ่านไปวีรชนก็ไม่อาจทำตามใจตนได้ โชควาสนา สำคัญยิ่งกว่าที่พวกเจ้าคาดคิด!”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ทั้งที่นั้นก็เงียบเชียบ ทุกคนต่างสีหน้าเคร่งขรึม ในใจไหวกระเพื่อม
โชควาสนา!
สำหรับผู้ฝึกปราณแล้ว พลังที่ดูเหมือนว่างเปล่าเลื่อนลอยเช่นนี้กลับสำคัญนัก ถึงกับส่งผลต่อมรรคาและโชคชะตาทั้งชีวิต!
“ต่อไป เริ่มจับฉลากเลือกคู่ต่อสู้ ผู้ที่จับฉลากโชคดีได้เข้ารอบทันที อีกสิบสองคนแบ่งออกเป็นหกคู่ เลือกผู้แข็งแกร่งหกคน”
“จากนั้นผู้ที่แพ้หกคนให้ประลองกัน เลือกคนที่จะเข้าไปอยู่ในสิบคนแรกออกมาสามคน”
“เช่นเดียวกัน สามอันดับแรกจะได้มาจากการประลองโดยแบ่งผู้ชนะหกคนออกเป็นสามกลุ่ม จนกว่าจะได้ที่หนึ่ง ที่สองและที่สาม”
ก้วนซวีประกาศกติกาคัดเลือกทีละข้อ จึงทำให้พวกหลินสวินเข้าใจ
ต่อมาก็เป็นช่วงจับฉลาก
หลินสวินออกไปเป็นคนแรก แล้วพวกลู่ตู๋ปู้ อู่หวงก็ตามไปจับฉลากตามลำดับดังเดิม
คู่ต่อสู้ของหลินสวินคือซูมู่หาน
คู่ต่อสู้ของลู่ตู๋ปู้คือโหยวเทียนซิง
คู่ต่อสู้ของอู่หวงคือหวังถู
คู่ต่อสู้เซี่ยอวี่ฮวา…
ที่ทำให้ทุกคนฮือฮา ถึงกับตระหนกตกใจก็คือ ฉลากโชคดีคราวนี้ดันถูกจินเทียนเสวียนเยวี่ยจับได้อีกแล้ว!
คนใหญ่คนโตอย่างก้วนซวี เหิงเซียว นักพรตหลันต่างมองหน้ากัน ทายาทจักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์คนนี้มีโชคดีเย้ยฟ้าจริงๆ!
ตัวจินเทียนเสวียนเยวี่ยเองยังเขินอยู่บ้าง จับฉลากโชคดีได้สามครั้งติดกัน แม้แต่นางเองยังคิดไม่ถึง ช่างเหมือนกับฝัน
นางไม่รู้ว่าตนโชคดีเลิศขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร
“นี่ไม่ยุติธรรม นางต้องมีวิชาลับบางอย่าง สามารถมองทะลุฉลากหยกที่อยู่ในกล่องได้แน่!”
โหยวเทียนซิงพูดเสียงดัง
เขาสวมชุดสีฟ้าทั้งตัว เท้าสวมรองเท้าหุ้มข้อลายมังกร เงาร่างผอมบาง บุคลิกไม่ธรรมดา เพียงแต่ขณะนี้กลับดูไม่พอใจนัก
“ไม่ว่าจะเป็นวิชาลับใดสอดแนมต่างก็ถูกข้าสัมผัสได้ทันที เจ้าหนุ่ม นี่เจ้าแคลงใจว่าข้าก้วนซวีโกงหรือ”
ก้วนซวีเอ่ยเสียงเข้ม
โหยวเทียนซิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เอ่ยว่า “ผู้น้อยมิกล้า เพียงแต่เรื่องนี้แปลกประหลาดเกินไป แม้จะมีโชคแกร่งกล้าเป็นที่สุดก็ไม่มีทางจับฉลากโชคดีได้สามครั้งติดแน่”
เห็นได้ชัดว่าเขายังสงสัยว่าจินเทียนเสวียนเยวี่ยโกง
หนำซ้ำ พอดูปฏิกิริยาของคนอื่นในที่นั้นก็เผยสีหน้ากังขาไม่มากก็น้อย
“ในเมื่อเจ้ากังขา ก็เอาหลักฐานออกมา”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยสีหน้าเย็นชา นางก็รู้สึกไม่พอใจนัก เจ้าหมอนี่เห็นนางเป็นอะไร คนที่โกงเพื่อเข้าไปเป็นสิบคนแรกหรือ
“หลักฐานข้าไม่มี แต่ถ้าเจ้ากล้าประลองกับข้าสักยก ขอเพียงเจ้ายืนหยัดได้หนึ่งถ้วยชา ข้าก็จะเชื่อในความสามารถและโชคของเจ้า ทั้งยังยอมรับความจริงที่เจ้าอยู่สิบอันดับแรกด้วย”
โหยวเทียนซิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พูดอย่างเด็ดขาดว่า “มิเช่นนั้นต่อให้ไม่อาจเปลี่ยนผลลัพธ์ได้ ข้าก็เชื่อว่าผู้ร่วมมรรคในที่นี้ไม่น้อยต้องไม่พอใจเช่นเดียวกันแน่”
ทุกคนต่างเหลือบมองอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งยังมีคนที่เห็นด้วยกับความเห็นของโหยวเทียนซิง
หลินสวินหัวเราะหยันในใจ ไม่พอใจอะไรกัน ก็แค่อิจฉาโชคของจินเทียนเสวียนเยวี่ยเท่านั้น
ที่เกินคาดคือจินเทียนเสวียนเยวี่ยกลับตอบรับโดยไม่หยุดคิดว่า “ได้ ข้ารับปากเจ้า”
นางสีหน้าเรียบเฉย แววเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาเป็นประกายดุจสายน้ำฤดูใบไม้ร่วง นางกำลังทุกข์ใจที่ไม่มีโอกาสได้สำแดงศักยภาพ
การท้าทายของโหยวเทียนซิงในตอนนี้ตรงใจนางพอดี!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์