ยามเงาร่างสายนี้เดินเข้ามา นัยน์ตาหลินสวินหรี่ลงอย่างไม่เป็นที่จับสังเกต รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายกร้าวแกร่งที่เหนือกว่าปกติทั่วไป
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายผ่านการปลอมตัวมา แม้แต่กลิ่นอายก็ยังปิดซ่อนเอาไว้ ทว่าสัญชาตญาณที่บ่มเพาะมานานปีบอกกับหลินสวินว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดายิ่ง!
ชายชุดเทาและชายชราชุดขาวต่างขมวดคิ้ว ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มหน้ากากสีเงินคนนี้มากับชายวัยกลางคนผอมแห้ง
ขณะที่พวกเขากำลังจะอ้าปากปฏิเสธ ทั่วร่างกลับแข็งทื่อ
เพราะเมื่อสายตาของชายหน้ากากสีเงินคนนั้นมองมา จิตใจของทั้งคู่ล้วนสั่นกึก ราวกับถูกนายเหนือหัวสูงปรายตาเหยียดหยัน!
ชายชุดเทาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งกล่าวว่า “สหาย ที่นี่คือเรือนเร้นหมอก คำร้องขอที่เจ้าเรียกร้องพวกเรา…”
ไม่รอให้พูดจบชายหน้ากากสีเงินคนนั้นก็กล่าวว่า “เมื่อวานพวกเจ้าจ่ายแปดล้านหกแสนผลึกมรรคซื้อสมบัติเหล่านั้นไว้ ข้าสามารถไถ่คืนในราคาสองเท่าให้พวกเจ้าได้”
น้ำเสียงของเขาเล็กแหลม เจือลักษณะเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง เสียงคล้ายคมดาบกรีดผ่านหินกรวด ถึงแม้น้ำเสียงจะเรียบเฉยแต่กลับเจือแววไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ
ราคาสองเท่า!
ชายชุดเทาและชายชราชุดขาวในใจต่างสะท้านไหว ตระหนักได้ว่าสมบัติเหล่านั้นที่เพิ่งขายให้หลินสวิน ไม่ธรรมดาเกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้หลายโข
ทว่าการค้าขายเสร็จสิ้นลงแล้ว พวกเขานึกเสียใจภายหลังก็ไม่ทันแล้ว
อีกทั้งหลินสวินเป็นแขกพิเศษที่ในมือถือมีป้ายหยกสีม่วง พวกเขาย่อมไม่กล้ากระทำเรื่องอย่างการกลับคำในยามนี้หรอก
“ขออภัย สมบัติพวกนี้ขายไปแล้วจริงๆ”
ทันทีที่ชายชุดเทาเอ่ยคำนี้ออกมา ก็รู้สึกเพียงว่าหายใจติดขัด กลิ่นอายน่าสะพรึงประหนึ่งเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัดกดดันลงมา ทำให้ร่างเขาเกร็งแน่น เกือบจะพังทลาย ณ ตรงนั้น
ก็เห็นชายหน้ากากสีเงินกล่าวเรียบๆ “ขายให้ใคร ข้าต้องการคำตอบที่แน่ชัด ขืนไม่พูดอีกข้าไม่สนหรอกนะว่าเป็นเรือนเร้นหมอกอะไร”
ทุกถ้อยคำเผยความมุ่งมั่นและบีบคั้นที่แข็งกร้าวอย่างที่สุด
ชายชุดเทาและชายชราชุดขาวต่างเหงื่อไหลพราก จิตใจสั่นผวา กลิ่นอายของอีกฝ่ายน่าสะพรึงเกินไป ทำเอาพวกเขาแทบจะทนรับไม่ไหว
“สหาย บีบบังคับผู้อื่นให้ลำบากไม่ใช่เรื่องดี”
และเวลานี้หลินสวินก็ก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว ขวางอยู่ตรงหน้าพวกชายชุดเทาอย่างไร้สุ้มเสียง มองไปยังชายหน้ากากสีเงิน
ทันใดนั้นพวกชายชุดเทาสองคนประหนึ่งคนใกล้จมน้ำตายได้รับการช่วยชีวิต แรงกดดันทั่วร่างอันตรธานหายไปทันควัน รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว
“หืม?”
สายตาชายหน้ากากสีเงินจับจ้องหลินสวิน นัยน์ตาเขาเป็นสีฟ้าคราม ดุจดั่งน้ำทะเลลึกไพศาล มีลำแสงอสนีชวนสยดสยองโคจรอยู่ภายในนั้น
หลินสวินวางตัวนิ่งเฉย สีหน้าผ่อนคลาย
ถึงแม้อานุภาพที่อีกฝ่ายสำแดงออกมาจะแข็งแกร่ง แต่ยังไม่อาจกระทบสภาวะจิตของเขาได้
“น่าสนใจ ในเมืองหลิงเฟิงเล็กๆ นี่ถึงกับได้เจอคนเช่นเจ้าด้วย”
เสียงของชายหน้ากากสีเงินเจือแววเยียบเย็น “ขอเตือนเจ้าไว้ อย่าได้ยื่นมือมาแทรกเรื่องนี้ หาไม่ในโลกใหญ่หงเหมิงนี่ เกรงว่าคงไม่มีใครช่วยชีวิตเจ้าได้”
น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบ แต่คำพูดกลับใหญ่โตถึงที่สุด!
หลินสวินเลิกคิ้วขึ้นกล่าวว่า “ข่มขู่หรือ”
ชายหน้ากากสีเงินกล่าว “เจ้าจะคิดแบบนั้นก็ได้”
ทันใดนั้นหลินสวินเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
คนอื่นๆ ไม่รู้สึกอะไร แต่ชายหน้ากากสีเงินกลับแข็งทื่อไปทั้งร่าง รู้สึกได้ถึงไอสังหารไร้ทัดเทียมอันน่าสะพรึงเย้ยฟ้าโอบล้อมบนร่าง ทำให้ขนทั่วกายของเขาลุกชัน
ยอดฝีมือ!
นัยน์ตาเขาหดรัด โคจรพลังทั้งร่างไปสลายโดยพลัน แต่ไม่ว่าอย่างไรล้วนไม่สามารถหลุดพ้นการกักขังของไอสังหารน่าสะพรึงสายนั้นได้
สิ่งนี้ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีทันใด
“สมบัติเป็นข้าซื้อไปเอง เจ้าแน่ใจว่าจะไม่เปลี่ยนความคิดหรือ”
หลินสวินเอ่ยปากราบๆ
“อะไรนะ”
ชายวัยกลางคนผอมแห้งที่สภาพตกอับคนนั้นร้องขึ้น “สหาย ให้ข้าซื้อคืนมาได้หรือไม่ ข้าให้ราคาสูงเลย!”
“ตอนนี้ไม่ใช่ธุระกงการของเจ้า ไสหัวไปอยู่ด้านข้าง”
ชายหน้ากากสีเงินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง
เสียงปึงดังขึ้น ชายวัยกลางคนกระเด็นล้มห่างออกไปหลายสิบจั้งอย่างรุนแรง ในปากกระอักเลือด
“เหตุใดเจ้าถึงกลับคำ เจ้าเคยบอกว่าขอเพียงข้าไถ่สมบัติกลับมาได้ เจ้าก็จะจ่ายให้ข้าสองเท่า”
ชายวัยกลางคนซึ่งหมอบอยู่กับพื้นตะโกนลั่น สีหน้าไม่ยินยอม
คราวนี้พวกหลินสวินถึงรู้ว่าสาเหตุที่ชายวัยกลางคนต้องการไถ่สมบัติเหล่านั้นกลับคืนไป ก็เพราะถูกผลประโยชน์ล่อตาล่อใจล้วนๆ หาใช่เพราะถนอมใส่ใจในสมบัติตกทอดจากบรรพบุรุษพวกนั้นจริงๆ
และคนที่ให้คำมั่นสัญญาแก่เขา ก็คือชายหน้ากากสีเงินตรงหน้าผู้นี้
“สหาย พอจะดูออกว่าเจ้าเป็นคนที่ถือดียิ่งคนหนึ่ง แต่หากเจ้ารู้ฐานะของข้า เกรงว่าจะไม่กล้าทำเช่นนี้อีก”
ชายหน้ากากสีเงินไม่ได้สนใจชายวัยกลางคนผอมแห้งที่ตะโกนลั่นอยู่ไกลๆ สายตาเขาเอาแต่จับจ้องหลินสวินเรื่อยมา น้ำเสียงเล็กแหลม “ไม่สู้เอาแบบนี้ พวกเรามาทำการค้าขายกันสักหน ขอเพียงเจ้ามอบสมบัติเหล่านั้นออกมา ข้าจะให้ราคาเจ้าสามเท่า”
สามเท่า!
ชายชุดเทาและชายชราชุดขาวหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ยิ่งตระหนักได้ว่าสมบัติเหล่านั้นไม่ธรรมดาถึงขีดสุดอย่างแน่นอน
หลินสวินยิ้มแล้ว เจ้าหมอนี่ตั้งแต่ต้นจนจบก็วางท่าโอหังวางตัวสูงส่ง น้ำเสียงฟังดูราบเรียบ อันที่จริงกลับเผยความจองหองอย่างที่สุดออกมา
เขายื่นมือขวาออกไป นิ้วทั้งฟ้าคว้าไปทางลำคอของชายหน้ากากสีเงิน
แผ่วเบาเรียบง่าย และไม่ถึงกับรวดเร็วเท่าใดนัก
นัยน์ตาชายหน้ากากสีเงินสะท้อนประกายเย็นเยียบ คล้ายถูกกระตุ้นต่อมเดือด รวบฝ่ามือเป็นดาบฟันขวางออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์