“ไปๆๆ เรื่องไม่อาจชักช้า สมบัติเหล่านั้นล้วนมีที่มาที่ไปยิ่งใหญ่ ระดับจักรพรรดิเห็นยังน้ำลายไหล”
หญิงสาวอรชรเย้ายวนในห้องเหล่านั้นต่างก็รีบร้อนตามไป
‘จื่อเชวี่ยเอ๋ย ถือว่าเจ้าโชคดีไป มาเจอนายน้อยอารมณ์ดี หาไม่ครั้งนี้เจ้าต้องประสบเคราะห์แน่’
มีคนเดินผ่านข้างตัวจื่อเชวี่ย ยิ้มละไมสื่อจิต
จื่อเชวี่ยแค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง ไม่ได้ใส่ใจ
อันที่จริงเมื่อครู่นางเองก็ตกใจจนเหงื่อแตกไปทั้งตัว หัวใจแขวนลอย กลัวเพียงว่านายน้อยจะลงมือโหดเหี้ยม โจมตีนางตายคาที่
เรื่องเช่นนี้ที่ผ่านมาก็เคยเกิดขึ้นไม่ใช่แค่หนึ่งครั้ง!
……
บนยานขนส่งอวกาศที่เหินทะยานสู่สำนักยุทธ์เสวียนจี
“เจ้าชื่ออะไร”
“เซิงหย่วนตู้”
“ใช้คำว่าเซิงเป็นแซ่?”
“ใช่ บรรพชนตระกูลข้าเป็นผู้บำเพ็ญพราหมณ์ที่สัญจรทั่วแดนคนหนึ่ง วิชาพุทธสูงล้ำ มีมรรควิถีกว้างไกลไร้ขอบเขต ต่อมาท่านผู้เฒ่าแต่งงานมีครอบครัว จึงใช้เซิงเป็นแซ่” (เซิง มีความหมายว่าพระสงฆ์ ภิกษุ)
บนยานสมบัติ หลินสวินกำลังสนทนากับชายวัยกลางคนที่เรียกตัวเองว่าเซิงหย่วนตู้คนนั้น
เซิงหย่วนตู้เห็นได้ชัดว่าจริงใจและซื่อๆ หลินสวินถามอะไรเขาก็ตอบอย่างนั้น เห็นชัดว่ารู้ดีว่าผู้แข็งแกร่งอย่างหลินสวินเป็นคนที่เขาไม่อาจล่วงเกินได้เด็ดขาด
“กล่าวเช่นนี้ สมบัติในหีบสำริดนั่น ก็เป็นของที่บรรพบุรุษตระกูลเจ้าได้มาจากแหล่งสถานคุนหลุนหรือ”
นัยน์ตาดำหลินสวินวาววับ
เซิงหย่วนตู้กล่าวโดยไม่ลังเล “นี่มันของแน่อยู่แล้ว หาไม่เจ้าคนที่สวมหน้ากากสีเงินนั่นจะยอมจ่ายราคาสองเท่าเพื่อไถ่คืนได้อย่างไร”
“แต่ในเมื่อเป็นสมบัติตกทอดจากบรรพบุรุษตระกูลเจ้า เหตุใดจึงทำใจขายทิ้งเช่นนี้”
ประโยคเดียวของหลินสวินทำเอาเซิงหย่วนตู้สีหน้ากระอักกระอ่วน ถอนหายใจกล่าวอย่างจนปัญญา “ครอบครัวตกอับสภาพยากจนข้นแค้น ข้าเป็นแค่อริยะเทียมคนหนึ่ง เดิมทีก็ไม่ได้คิดจะทำเช่นนี้หรอก แต่เพื่อให้ลูกชายข้าสามารถกราบเข้าสำนักใหญ่ได้ก็มีแต่ต้องทำเช่นนี้”
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สีหน้าซับซ้อน “ข้าในฐานะพ่อถึงแม้จะไม่ได้เรื่องยิ่ง แต่กลับไม่อยากให้ลูกชายเป็นเหมือนข้า เพื่อให้เขาสามารถเดินบนเส้นทางมหามรรคได้สูงกว่าไปไกลยิ่งกว่า ขายสมบัติตกทอดจากบรรพบุรุษทิ้งไปส่วนหนึ่งแล้วจะถือเป็นอะไรกันเล่า”
หลินสวินกลับไม่ได้พูดอะไร
นี่คือการทุ่มเทแรงใจของบิดาคนหนึ่ง แม้เซิงหย่วนตู้คนนี้จะดูเหมือนตกต่ำและไม่เอาไหนยิ่ง แต่ความรักและห่วงใยที่มีต่อทายาทของเขานี้ กลับทำให้ผู้คนสะเทือนอารมณ์
“พอจะเล่าที่มาของสมบัติเหล่านี้ให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่” หลินสวินกล่าว
เซิงหย่วนตู้พูดอย่างเคลือบแคลง “เจ้าไม่ได้รู้หมดแล้วหรือ”
“ข้าอยากฟังเจ้าพูด”
เซิงหย่วนตู้ถอนใจเฮือกยาวกล่าวว่า “ดูท่าเจ้าคงไม่เชื่อสักนิดว่าสมบัติเหล่านี้นำออกมาจากแหล่งสถานคุนหลุน ก็จริง ของเล่นเยินๆ พวกนั้นดูแล้วล้วนลึกลับยิ่ง ทว่ากลับไม่มีประโยชน์อะไรสักนิด แม้แต่ข้ายังยากจะเชื่อว่าของเล่นพวกนี้มีนัยเร้นลับสะเทือนฟ้าดินอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนนอกอย่างพวกเจ้าเลย”
สมบัติหีบนั้นตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเขา ถูกทายาทตระกูลเซิงเก็บรักษาและคอยพิทักษ์รุ่นสู่รุ่น
แต่กาลเวลาไร้สิ้นสุดผันผ่าน กลับไม่มีเลยสักคนที่สามารถค้นพบนัยเร้นลับของสมบัติเหล่านี้ได้
จนกระทั่งตกมาถึงมือเซิงหย่วนตู้ เขาไม่ได้คาดหวังอะไรต่อสมบัติเหล่านี้ตั้งแต่แรก หากไม่ใช่เพราะแบบนี้ก็คงไม่เอาออกมาขายทิ้งแน่
“เล่ามาเถิด ไม่ว่าจริงหรือเท็จข้าก็อยากจะฟังสักหน่อย” หลินสวินกล่าว
เซิงหย่วนตู้จัดระเบียบความคิดแล้วกล่าวว่า “บรรพบุรุษต้นตระกูลข้าสมญานามว่า ‘จี้เย่’ ฐานะลึกลับถึงที่สุด ในบันทึกโบราณของตระกูลข้าบันทึกไว้เพียงว่า ท่านบรรพชนเป็นคนใหญ่คนโตที่น่าทึ่งถึงขีดสุดคนหนึ่ง แต่ว่าน่าทึ่งปานใดกันแน่นั้นกลับไม่เคยได้รู้เลย”
“ทายาทตระกูลเซิงอย่างพวกเรารู้เพียงว่าบรรพชนจี้เย่เคยเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุน เคยเห็นเตาสมบัติที่แปลกอัศจรรย์ใบหนึ่ง ในเตาสมบัตินั้นมีศาสตราจักรพรรดิที่วิเศษอัศจรรย์สุดหยั่งหลายชิ้นพุ่งออกมา…”
ฟังถึงตรงนี้ในใจหลินสวินพลันสะท้าน ในสมองปรากฏชื่อหนึ่งขึ้นมา เตามารดาหลอมสมบัติ!
แหล่งสถานคุนหลุนมีสถานที่แห่ง ‘เก้าลับสามผนึก’
คุนหลุนเก้าลับ เป็นเก้าแดนลับใหญ่ ในแดนแต่ละแห่งล้วนมีศาสตราจักรพรรดิหนึ่งชิ้นถือกำเนิด เมื่อรวมกันแล้วก็คือเก้าศาสตราจักรพรรดิ
เก้าศาสตราจักรพรรดินี้ล้วนหลอมออกมาจากเตามารดาหลอมสมบัติ และถูกเรียกว่า ‘เก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน’
เหมือนขวดมหามรรคไร้ขอบเขต โคมมหามรรคไร้มลทินที่หลินสวินครอบครอง.oยามนี้ ก็เป็นสองในเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน!
เซิงหย่วนตู้กล่าวต่อไป “ภายหลังตอนที่บรรพชนจี้เย่จากไป ก็นำสมบัติเหล่านี้กลับมาด้วย”
รออยู่ครู่หนึ่งหลินสวินอึ้งไป “หมดแล้วหรือ”
เซิงหย่วนตู้กล่าวอึกอัก “เรื่องในยุคดึกดำบรรพ์ คนรุ่นหลังตระกูลเซิงอย่างพวกเรามีหรือจะรู้ชัดขนาดนั้น”
หลินสวินจนคำพูดไปพักหนึ่ง เขาขบคิดก่อนกล่าวว่า “ลูกชายของเจ้าล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
เซิงหย่วนตู้กล่าวอย่างระแวดระวัง “สหายยุทธ์ ความผิดไม่ลามไปถึงลูกและภรรยา ท่านซื้อสมบัติบรรพบุรุษตระกูลข้าพวกนั้นไปแล้ว ยังคิดจะฆ่าคนจนวายวอดไม่เหลือซากเชียวหรือ”
หลินสวินอดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าไม่ได้อยากให้ลูกชายของเจ้ากราบอาจารย์ฝึกปราณในสำนักใหญ่หรือ หากมีข้าช่วยเหลือ รับรองว่าเจ้าไม่ต้องเสียผลึกมรรคเลยแม้แต่ผลึกเดียว”
คราวนี้เซิงหย่วนตู้จึงรู้ว่าเข้าใจหลินสวินผิดไปแล้ว เขากล่าวอย่างตื่นเต้น “สหายยุทธ์ นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”
“เจ้าคิดว่าสำนักยุทธ์เสวียนจีเป็นอย่างไร”
“สำนักอันดับสามของแคว้นเมฆา ใครบ้างไม่รู้จัก ข้าหวังให้ลูกชายข้ากราบเข้าสำนักยุทธ์เสวียนจีตั้งแต่แรกแล้ว!”
หลินสวินกล่าว “ข้าจะพาเจ้าไปเดี๋ยวนี้ จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ก็ถือเป็นการชดเชยแก่เจ้าส่วนหนึ่ง”
เซิงหย่วนตู้พยักหน้าหงึกๆ ตื่นเต้นจนมือไม้พันกัน “ชะ… เช่นนั้นก็ขอบคุณสหายยุทธ์ยิ่งแล้ว ข้า… ข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณยิ่งใหญ่ของท่านอย่างแน่นอน!”
ครึ่งชั่วยามให้หลัง
เบื้องหน้าเขามรรคลมเทพที่สูงตระหง่านเรียงราย หลินสวินพาเซิงหย่วนตู้โรยตัวอย่างแผ่วเบา
“สหายน้อย เชิญเร็วเข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์