ทันทีที่เจียงหลิวหั่วและเจียงหลันสุ่ยมาถึง สายตากพลันจับจ้องที่ป๋อหยาจื่อ
เจียงอวี่ถงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทันที
ฟังจบเจียงหลิวหั่วปลดน้ำเต้าเพลิงแดงตรงเอวลง ดื่มเหล้าคำหนึ่ง สีหน้าเย็นชา “สู้สุดชีวิตหรือ เจ้าลองดูได้ว่าจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับตระกูลเจียงของข้าได้หรือไม่”
เจียงหลันสุ่ยที่ผมขาวทั้งหัวราวกับชายชรากลับถอนหายใจยาวคราหนึ่ง เอ่ยพูดว่า “เวรกรรมจริงๆ ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เหตุใดคีรีดวงกมลของพวกเจ้าถึงไม่หยุดซะบ้าง”
ป๋อหยาจื่อแค่นเสียงขึ้นจมูก “เหตุใดข้าจำได้ว่าก่อนศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ ท่าทีที่เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงมีต่อคีรีดวงกมลของข้าไม่ใช่แบบนี้”
เจียงอวี่ถงสีหน้าอึมครึม “แต่คีรีดวงกมลของเจ้าล่มสลายไปแล้ว ตระกูลเจียงของข้าก็เสียหายอย่างหนักเพราะเรื่องนี้ ยังจะให้พวกเราปฏิบัติกับเศษเดนอย่างพวกเจ้าอย่างไร”
“เศษเดนหรือ”
หลินสวินที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอด ตอนนี้พลันเอ่ยขึ้น นัยน์ตาดำดุจเหวลึกล้ำหาใดเปรียบ “ข้านับถือพวกเจ้าเป็นผู้อาวุโส จึงทนมาโดยตลอด แต่พวกเจ้า… กำเริบเสิบสานเกินไปหรือไม่”
น้ำเสียงราบเรียบ
บุคคลระดับจักรพรรดิสี่คนอย่างเจียงอวี่ถง เจียงรุ่ย เจียงหลิวหั่วและเจียงหลันสุ่ยอึ้งไปโดยพร้อมเพรียง
เจ้าตัวจ้อยระดับมกุฎราชันอริยะคนหนึ่งกล้าพูดแบบนี้กับพวกเขาได้อย่างไร
นี่เห็นชัดว่าเหลวไหลมาก
ควรรู้ว่าทอดสายตามองไปทั่วโลกฟ้าดารา ระดับจักรพรรดิก็เหมือนนายเหนือหัวสูงสุด เป็นที่เชิดชูของผู้คนนับไม่ถ้วน
แม้เป็นกึ่งจักรพรรดิ ในสายตาระดับจักรพรรดิที่แท้จริงก็ยังเล็กจ้อยเหมือนมดปลวก!
แต่ตอนนี้มกุฎราชันอริยะคนหนึ่งกลับบอกว่าพวกเขา… กำเริบเสิบสานเกินไป!
“กำเริบเสิบสานหรือ ต่อให้ข้าฆ่าเจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับการบี้มดตัวหนึ่งตาย”
เจียงอวี่ถงน้ำเสียงเหี้ยมโหด อานุภาพน่าสะพรึงไร้ขอบเขตสายหนึ่งแผ่ออกมา ราวกับเจตจำนงฟ้าเบื้องสูงมาเยือน กดข่มหลินสวิน
“คิดเล่นงานอาจารย์อาเล็กของข้า ข้ามศพข้าไปก่อน!”
ป๋อหยาจื่อก้าวออกไปก้าวหนึ่ง เสื้อผ้าพลิ้วไหว ปลดปล่อยกลิ่นอายสายหนึ่งออกมา สลายอานุภาพสายนั้นจนไร้รูป
ท่าทางเขาเด็ดขาดผงาดผยอง
“อาจารย์อาเล็กหรือ”
เจียงหลิวหั่วอดหัวเราะไม่ได้ “ระดับจักรพรรดิเช่นเจ้า กลับเรียกเจ้าตัวจ้อยคนหนึ่งว่าอาจารย์อาเล็ก ช่างขายหน้าระดับจักรพรรดิของพวกนัก”
“ช่างเถอะ จับตัวพวกเขาไว้ก่อน ถามจุดประสงค์แท้จริงที่พวกเขามาที่นี่ให้ชัดแล้วค่อยจัดการพวกขา”
เสียงเจียงหลันสุ่ยแก่ชราแหบพร่า แต่ท่าทีกลับแข็งกร้าวและเผด็จการอย่างที่สุด
ประโยคเดียวดุจคำสั่ง ทำให้พวกเจียงอวี่ถง เจียงรุ่ยและเจียงหลิวหั่วทั้งสามคนล้วนโคจรพลังโดยไม่ได้นัดหมาย
ตูม!
กลิ่นอายระดับจักรพรรดิที่ราวกับมังกรใหญ่มากมายออกจากเหวครอบฟ้าคลุมตะวัน ทำให้ถ้ำสวรรค์แดนมงคลแถบนี้ถูกปิดล้อมทั้งหมด ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
เจียงหลันสุ่ยค้ำไม้เท้าไผ่เขียวเจ็ดฉื่อ เคาะพื้นดินพลางเอ่ย “ที่นี่คือเมืองจักรพรรดิเพลิงของพวกเรา เดี๋ยวตอนลงมือต้องระวังหน่อย อย่าให้เกิดความเสียหายต่อคนในตระกูลเรา”
“นี่ย่อมแน่นอน”
พวกเจียงอวี่ถงล้วนเผยรอยยิ้ม ท่าทางผ่อนคลาย
ระดับจักรพรรดิสี่คน ยังจะจัดการเศษเดนแห่งคีรีดวงกมลคนหนึ่งไม่อยู่เชียวหรือ
บรรยากาศคุกรุ่น
ป๋อหยาจื่อสูดหายใจลึกคราหนึ่ง เอวพลันยืดตรง ท่าทางเด็ดเดี่ยว สื่อจิตว่า ‘อาจารย์อาเล็ก ในมือข้ายังมีไพ่ตายอยู่บ้าง หากสู้สุดชีวิตน่าจะพอมีหวังส่งท่านออกไปอย่างปลอดภัยได้ ต่อไปหากท่านมีโอกาสได้พบท่านอาจารย์ โปรดบอกท่านอาจารย์ว่าปีนั้นที่ข้าสามารถติดตามท่านฝึกปราณ ชีวิตนี้ชาวประมงน้อยอย่างข้าก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจแล้ว!’
พูดจบเขาก็จะลงมือ แต่ข้างหูกลับมีเสียงสื่อจิตของหลินสวินดังมา ‘หากเจ้านับถือข้าเป็นอาจารย์อาเล็ก เรื่องนี้ก็ให้ข้าเป็นคนจัดการ’
อะไรนะ
ป๋อหยาจื่อนัยน์ตาหดรัด แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง นี่มันเวลาใดแล้ว อาจารย์อาเล็กยังกล้าล้อเล่นแบบนี้
นั่นมันระดับจักรพรรดิสี่คนเชียวนะ!
“ลงมือเถอะ”
เจียงหลันสุ่ยเอ่ยปาก ใบหน้าแก่ชราเต็มไปด้วยความเฉยชา
พวกเจียงอวี่ถงต่างพยักหน้า
ตูม!
บนตัวของพวกเขาสี่คนล้วนมีกฎเกณฑ์ของระดับจักรพรรดิปรากฏ ราวกับโซ่เทพแห่งสวรรค์ที่พร่างพราวเป็นสายๆ ตัดสลับเข้าด้วยกัน สว่างไสวร้อนแรง กลิ่นอายน่ากลัวเยี่ยมยอดพรั่งพรูออกมา
เพียงแค่อานุภาพนั้นก็สามารถถล่มภูผาธาราได้!
“กำราบ!”
พวกเจียงอวี่ถงสี่คนลงมือพร้อมกัน
เจียงอวี่ถงเรียกกระบี่มรรคเล่มหนึ่งออกมา คมกระบี่ดุจสายฟ้า สะดุดตาดั่งตะวัน สะท้อนภาพน่ากลัวที่เพลิงหลอมสวรรค์ สรรพสิ่งล้วนมอดไหม้
กระบี่มรรค ‘วิญญาณผลาญ’!
เจียงรุ่ยสะบัดแขนเสื้อ แส้อ่อนสีทองเส้นหนึ่งทะยานฟ้า เงาแส้เป็นชั้นๆ กลายเป็นทะเลกฎเกณฑ์สีทอง ราวกับแม่น้ำเซียนไหลลงมาจากฟ้า
แส้เทพ ‘นทีทอง’!
วู้ม…
น้ำเต้าเพลิงแดงในมือเจียงหลิวหั่วบินขึ้น ประกายไฟพวยพุ่ง ปากน้ำเต้าพรั่งพรูกะทันหัน ปรากฏสะเก็ดเพลิงหม่นมัว
น้ำเต้าวิญญาณ ‘เพลิงขุ่น’
เจียงหลันสุ่ยชูไม้เท้าไผ่เขียวเจ็ดฉื่อในมือขึ้นมาจรดกลางอากาศ สายฟ้าเขียวมรกตนับไม่ถ้วนรวมตัวกัน กลายเป็นใบไผ่ที่โปร่งแสงเป็นประกาย สว่างไสวกลางอากาศ
สมบัติโบราณ ‘ไม้เท้าไผ่อสนีฟ้า’!
พริบตาเดียวระดับจักรพรรดิทั้งสี่เรียกสมบัติจักรพรรดิออกมาสี่ชิ้น ลงมือพร้อมกันด้วยอานุภาพประดุจอสนีบาตร เห็นชัดว่าต้องการเร่งการต่อสู้ให้จบลงอย่างรวดเร็ว กำราบป๋อหยาจื่อในคราเดียว
เพราะถ้ายื้อเวลานานไป จะต้องส่งผลกระทบต่อเมืองจักรพรรดิเพลิงแน่!
นี่เป็นสิ่งที่พวกเจียงอวี่ถงทนไม่ได้เด็ดขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์