บนเรือหญิงในชุดขาวที่ราวกับหิมะเผยใบหน้าแท้จริงออกมาในที่สุด นั่นเป็นใบหน้างามที่ซีดขาว นัยน์ตาใสกระจ่าง คิ้วยาวได้รูป
ตอนนี้สีหน้าของนางอึ้งงั้น ตื่นเต้น เสียงสั่นเครือ ราวกับเห็นเงาร่างสง่างามในตอนนั้นปรากฏตรงหน้าหลังจากผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุด
ผู้หญิงคนนี้ แน่นอนว่าคือเจียงซิงเชวี่ย!
หญิงน่าสงสารที่ถูกกักขังอยู่ที่นี่เกือบแสนปี
หลินสวินตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายจำคนผิดแล้ว แม้จะสงสาร แต่ก็ยังเอ่ยอธิบายว่า “ผู้อาวุโส ท่านจำคนผิดแล้ว”
“ผิดได้อย่างไร กลิ่นอายของยอดนิรันดร์ไร้รั่วข้าจำไม่ผิดแน่!”
เจียงซิงเชวี่ยดูตื่นเต้นมาก เดินมาอยู่ตรงหน้าหลินสวิน สีหน้าแฝงความอึ้งงันตื่นเต้น “พี่เสวียนคง ท่านปลอมตัวได้ร้ายกาจจริงๆ พวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลข้าล้วนถูกเจ้าหลอกแล้ว ครั้งนี้เจ้าจะต้องพาข้าไปให้ได้”
เสียงแฝงความตื่นเต้นและเว้าวอน
เป็นครั้งแรกที่หลินสวินพบว่า หญิงที่ถูกกักขังมาเกือบแสนปีคนนี้ดูน่าสงสารและชวนปวดใจเพียงนี้
เพียงเพราะตนเคยฝึกวิชายอดนิรันดร์ไร้รั่ว ก็เข้าใจผิดคิดว่าตนคือเสวียนคง แค่คิดก็รู้ว่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนางคิดถึงศิษย์พี่เสวียนคงแค่ไหน
ทุกอริยาบถที่บ้าคลั่ง อึ้งงันและตื่นเต้นนั่น ล้วนกำลังบอกว่าในใจนางใส่ใจและห่วงใยศิษย์พี่เสวียนคงแค่ไหน
นี่ทำให้ในใจหลินสวินเศร้าใจขึ้นมาระลอกหนึ่ง
หากศิษย์พี่เสวียนคงยังมีชีวิตอยู่และได้เห็นภาพนี้จะดีแค่ไหน!
เงียบไปครู่หนึ่งหลินสวินพลันถอนหายใจเบาๆ ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย กล่าวว่า “ผู้อาวุโส ข้าชื่อหลินสวิน เป็นศิษย์น้องของศิษย์พี่เสวียนคง มาครั้งนี้เพราะได้รับคำกับชับจากศิษย์พี่ให้มอบของสิ่งหนึ่งให้กับผู้อาวุโส…”
“พี่เสวียนคง ท่านโกหกข้าอยู่ใช่ไหม”
เจียงซิงเชวี่ยเหมือนเด็กที่โดดเดี่ยวน่าสงสาร เสียงแฝงความอ้อนวอน น้ำตาเป็นประกายเอ่อคลออยู่ในดวงตา
“ข้า…”
หลินสวินจนคำพูด พูดต่อไปไม่ได้ ในใจสงสารนัก
เขาพลันพลิกฝ่ามือ ปิ่นปักผมรูปใบไผ่สีเขียวชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น
เจียงซิงเชวี่ยที่เดิมทีสีหน้าอึ้งงันน้ำตาคอลพลันชะงักไป จับจ้องปิ่นปักผมนั้น จิตใจล่องลอย ราวกับหวนคิดถึงความทรงจำในอดีตอันนับไม่ถ้วน
ห่างออกไปทะเลเพลิงหินหนืดเดือดพล่าน ส่งเสียงกึกก้อง ชุดขาวราวหิมะอันเรียบง่ายบนตัวเจียงซิงเชวี่ยพลิ้วไหว นางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น น้ำตาใสกลิ้งไหลลงจากขอบตาเป็นสายๆ
จู่ๆ หลินสวินก็รู้สึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง รู้สึกว่าไม่ควรเอาของสิ่งนี้ออกมาไวขนาดนี้ เช่นนั้นเจียงซิงเชวี่ยก็ไม่ต้องเสียใจขนาดนี้
ครู่ใหญ่เจียงซิงเชวี่ยเหมือนคืนสู่ความสงบแล้ว ดวงตาทั้งคู่เผยความอ่อนโยนอันยากจะเห็น จ้องมองหลินสวินพร้อมพูดว่า “เจ้า… คิดซะว่าตัวเองคือเสวียนคง ช่วยเสียบปิ่นปักผมนี้ให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”
หลินสวินพยักหน้าอย่างไม่ลังเล
เจียงซิงเชวี่ยเผยรอยยิ้มจากใจจริง หมุนตัวหันหลังแบบบางให้หลินสวินพร้อมพึมพำว่า “พี่เสวียนคง ตอนนั้นท่านเคยบอกว่า ขอเพียงแค่เห็นปิ่นปักผมนี้ก็เป็นการยืนยันว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ในที่สุดข้าก็ได้รับข่าวคราวของท่านเสียที…”
หลินสวินยกมือขึ้นเกี่ยวผมยาวดำสนิทราวกับหมึกนั่นแล้วมวยบนศีรษะอย่างอ่อนโยน จากนั้นหยิบปิ่นปักผมสีเขียวอ่อนนั่นขึ้นมาเสียบลงไปเบาๆ
“ที่ผู้อาวุโสพูดไม่ผิด ข้าสามารถนำของสิ่งนี้มาหาผู้อาวุโสได้ ก็เพราะได้รับการไหว้วานจากศิษย์พี่เสวียนคง”
หลินสวินพูดเสียงเบา
ตอนที่เจียงซิงเชวี่ยหมุนตัวกลับมา ดวงตาไม่หลงเหลือคราบน้ำตาแล้ว ใบหน้าราวกับน้ำนิ่ง สีหน้านิ่งสงบอย่างที่สุด
ไม่หลงเหลือความตื่นเต้น งุนงงและบ้าคลั่งเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ ราวกับนิ่งสงบลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว
“ขอบคุณเจ้า ศิษย์น้อง”
เจียงซิงเชวี่ยคำนับ “นี่เป็นข่าวที่ดีที่สุดที่ข้าได้ยินในหลายปีที่ผ่านมานี้”
หลินสวินรีบพูดว่า “ผู้อาวุโสอย่าทำเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องที่ศิษย์น้องอย่างข้าควรทำอยู่แล้ว”
“เจ้าเป็นศิษย์น้องของสามีข้า จะเรียกว่าผู้อาวุโสได้อย่างไร เรียกข้าว่าพี่สะใภ้เถอะ”
เจียงซิงเชวี่ยยิ้มพูด
ใบหน้าของนางงามพิสุทธิ์ รูปลักษณ์งดงามยิ่งยวด กิริยาท่าทางนิ่งสงบอ่อนโยน เพียงแต่สีหน้ากลับขาวซีดมาก
“ได้”
หลินสวินพยักหน้า
จากนั้นเจียงซิงเชวี่ยพาหลินสวินมาอยู่ในเรือเล็กสีดำที่จอดอยู่บนทะเลเพลิง
หลังจากนั่งลง เจียงซิงเชวี่ยก็ถามหลินสวินอีกหลายเรื่อง เกี่ยวข้องกับเสวียนคงแทบจะทั้งหมด
หลินสวินเล่าไปอย่างละเอียด เพียงแต่เรื่องที่เสวียนคงถูกขังในเมืองมรณะและจากโลกไปในที่สุด หลินสวินจงใจปกปิดไว้
ตั้งแต่ต้นจนจบเจียงซิงเชวี่ยดูนิ่งสงบมาก หลังจากพูดถึงเรื่องราวมากมายของเสวียนคง นางก็ถามถึงเรื่องของหลินสวิน
หลินสวินย่อมไม่ปกปิด เล่าเรื่องที่ตนกลายเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมลได้อย่างไร และหลายปีมานี้แสวงมรรคอย่างไรโดยละเอียด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์