Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1928

สรุปบท ตอนที่ 1928 ใต้หล้าบนล่าง ไร้ศัตรูในระดับอริยะ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 1928 ใต้หล้าบนล่าง ไร้ศัตรูในระดับอริยะ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1928 ใต้หล้าบนล่าง ไร้ศัตรูในระดับอริยะ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 1928 ใต้หล้าบนล่าง ไร้ศัตรูในระดับอริยะ
ทะเลเพลิงเดือดพล่าน เรือเล็กสีดำทะลวงคลื่นมา

บนเรือหญิงในชุดขาวที่ราวกับหิมะเผยใบหน้าแท้จริงออกมาในที่สุด นั่นเป็นใบหน้างามที่ซีดขาว นัยน์ตาใสกระจ่าง คิ้วยาวได้รูป

ตอนนี้สีหน้าของนางอึ้งงั้น ตื่นเต้น เสียงสั่นเครือ ราวกับเห็นเงาร่างสง่างามในตอนนั้นปรากฏตรงหน้าหลังจากผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุด

ผู้หญิงคนนี้ แน่นอนว่าคือเจียงซิงเชวี่ย!

หญิงน่าสงสารที่ถูกกักขังอยู่ที่นี่เกือบแสนปี

หลินสวินตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายจำคนผิดแล้ว แม้จะสงสาร แต่ก็ยังเอ่ยอธิบายว่า “ผู้อาวุโส ท่านจำคนผิดแล้ว”

“ผิดได้อย่างไร กลิ่นอายของยอดนิรันดร์ไร้รั่วข้าจำไม่ผิดแน่!”

เจียงซิงเชวี่ยดูตื่นเต้นมาก เดินมาอยู่ตรงหน้าหลินสวิน สีหน้าแฝงความอึ้งงันตื่นเต้น “พี่เสวียนคง ท่านปลอมตัวได้ร้ายกาจจริงๆ พวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลข้าล้วนถูกเจ้าหลอกแล้ว ครั้งนี้เจ้าจะต้องพาข้าไปให้ได้”

เสียงแฝงความตื่นเต้นและเว้าวอน

เป็นครั้งแรกที่หลินสวินพบว่า หญิงที่ถูกกักขังมาเกือบแสนปีคนนี้ดูน่าสงสารและชวนปวดใจเพียงนี้

เพียงเพราะตนเคยฝึกวิชายอดนิรันดร์ไร้รั่ว ก็เข้าใจผิดคิดว่าตนคือเสวียนคง แค่คิดก็รู้ว่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนางคิดถึงศิษย์พี่เสวียนคงแค่ไหน

ทุกอริยาบถที่บ้าคลั่ง อึ้งงันและตื่นเต้นนั่น ล้วนกำลังบอกว่าในใจนางใส่ใจและห่วงใยศิษย์พี่เสวียนคงแค่ไหน

นี่ทำให้ในใจหลินสวินเศร้าใจขึ้นมาระลอกหนึ่ง

หากศิษย์พี่เสวียนคงยังมีชีวิตอยู่และได้เห็นภาพนี้จะดีแค่ไหน!

เงียบไปครู่หนึ่งหลินสวินพลันถอนหายใจเบาๆ ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย กล่าวว่า “ผู้อาวุโส ข้าชื่อหลินสวิน เป็นศิษย์น้องของศิษย์พี่เสวียนคง มาครั้งนี้เพราะได้รับคำกับชับจากศิษย์พี่ให้มอบของสิ่งหนึ่งให้กับผู้อาวุโส…”

“พี่เสวียนคง ท่านโกหกข้าอยู่ใช่ไหม”

เจียงซิงเชวี่ยเหมือนเด็กที่โดดเดี่ยวน่าสงสาร เสียงแฝงความอ้อนวอน น้ำตาเป็นประกายเอ่อคลออยู่ในดวงตา

“ข้า…”

หลินสวินจนคำพูด พูดต่อไปไม่ได้ ในใจสงสารนัก

เขาพลันพลิกฝ่ามือ ปิ่นปักผมรูปใบไผ่สีเขียวชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น

เจียงซิงเชวี่ยที่เดิมทีสีหน้าอึ้งงันน้ำตาคอลพลันชะงักไป จับจ้องปิ่นปักผมนั้น จิตใจล่องลอย ราวกับหวนคิดถึงความทรงจำในอดีตอันนับไม่ถ้วน

ห่างออกไปทะเลเพลิงหินหนืดเดือดพล่าน ส่งเสียงกึกก้อง ชุดขาวราวหิมะอันเรียบง่ายบนตัวเจียงซิงเชวี่ยพลิ้วไหว นางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น น้ำตาใสกลิ้งไหลลงจากขอบตาเป็นสายๆ

จู่ๆ หลินสวินก็รู้สึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง รู้สึกว่าไม่ควรเอาของสิ่งนี้ออกมาไวขนาดนี้ เช่นนั้นเจียงซิงเชวี่ยก็ไม่ต้องเสียใจขนาดนี้

ครู่ใหญ่เจียงซิงเชวี่ยเหมือนคืนสู่ความสงบแล้ว ดวงตาทั้งคู่เผยความอ่อนโยนอันยากจะเห็น จ้องมองหลินสวินพร้อมพูดว่า “เจ้า… คิดซะว่าตัวเองคือเสวียนคง ช่วยเสียบปิ่นปักผมนี้ให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”

หลินสวินพยักหน้าอย่างไม่ลังเล

เจียงซิงเชวี่ยเผยรอยยิ้มจากใจจริง หมุนตัวหันหลังแบบบางให้หลินสวินพร้อมพึมพำว่า “พี่เสวียนคง ตอนนั้นท่านเคยบอกว่า ขอเพียงแค่เห็นปิ่นปักผมนี้ก็เป็นการยืนยันว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ในที่สุดข้าก็ได้รับข่าวคราวของท่านเสียที…”

หลินสวินยกมือขึ้นเกี่ยวผมยาวดำสนิทราวกับหมึกนั่นแล้วมวยบนศีรษะอย่างอ่อนโยน จากนั้นหยิบปิ่นปักผมสีเขียวอ่อนนั่นขึ้นมาเสียบลงไปเบาๆ

“ที่ผู้อาวุโสพูดไม่ผิด ข้าสามารถนำของสิ่งนี้มาหาผู้อาวุโสได้ ก็เพราะได้รับการไหว้วานจากศิษย์พี่เสวียนคง”

หลินสวินพูดเสียงเบา

ตอนที่เจียงซิงเชวี่ยหมุนตัวกลับมา ดวงตาไม่หลงเหลือคราบน้ำตาแล้ว ใบหน้าราวกับน้ำนิ่ง สีหน้านิ่งสงบอย่างที่สุด

ไม่หลงเหลือความตื่นเต้น งุนงงและบ้าคลั่งเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ ราวกับนิ่งสงบลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“ขอบคุณเจ้า ศิษย์น้อง”

เจียงซิงเชวี่ยคำนับ “นี่เป็นข่าวที่ดีที่สุดที่ข้าได้ยินในหลายปีที่ผ่านมานี้”

หลินสวินรีบพูดว่า “ผู้อาวุโสอย่าทำเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องที่ศิษย์น้องอย่างข้าควรทำอยู่แล้ว”

“เจ้าเป็นศิษย์น้องของสามีข้า จะเรียกว่าผู้อาวุโสได้อย่างไร เรียกข้าว่าพี่สะใภ้เถอะ”

เจียงซิงเชวี่ยยิ้มพูด

ใบหน้าของนางงามพิสุทธิ์ รูปลักษณ์งดงามยิ่งยวด กิริยาท่าทางนิ่งสงบอ่อนโยน เพียงแต่สีหน้ากลับขาวซีดมาก

“ได้”

หลินสวินพยักหน้า

จากนั้นเจียงซิงเชวี่ยพาหลินสวินมาอยู่ในเรือเล็กสีดำที่จอดอยู่บนทะเลเพลิง

หลังจากนั่งลง เจียงซิงเชวี่ยก็ถามหลินสวินอีกหลายเรื่อง เกี่ยวข้องกับเสวียนคงแทบจะทั้งหมด

หลินสวินเล่าไปอย่างละเอียด เพียงแต่เรื่องที่เสวียนคงถูกขังในเมืองมรณะและจากโลกไปในที่สุด หลินสวินจงใจปกปิดไว้

ตั้งแต่ต้นจนจบเจียงซิงเชวี่ยดูนิ่งสงบมาก หลังจากพูดถึงเรื่องราวมากมายของเสวียนคง นางก็ถามถึงเรื่องของหลินสวิน

หลินสวินย่อมไม่ปกปิด เล่าเรื่องที่ตนกลายเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมลได้อย่างไร และหลายปีมานี้แสวงมรรคอย่างไรโดยละเอียด

ทว่าขอเพียงมีชีวิตอยู่ ก็สามารถสืบทอดคีรีดวงกมลต่อไปได้!

นัยน์ตาของเจียงซิงเชวี่ยจับจ้องหลินสวิน กล่าวว่า “ศิษย์น้อง ตอนนั้นศิษย์พี่เสวียนคงของเจ้าก็เคยบอกว่า พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของคีรีดวงกมลไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอิทธิพลยิ่งใหญ่เพียงใด และไม่ได้ขึ้นอยู่กับมรดกที่มี แต่อยู่ที่การมีผู้สืบทอดอย่างพวกเจ้า!”

“คนยังมีชีวิตอยู่ ก็เท่ากับคีรีดวงกมลยังคงอยู่!”

หลินสวินพยักหน้า เห็นด้วยอย่างสุดซึ้ง

“ศิษย์น้อง เรื่องที่เจ้าเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรค ข้าเองก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ แต่กลับสามารถบอกเจ้าได้ว่า เหตุใดตอนนั้นศิษย์พี่เสวียนคงของเจ้าจึงถูกขนานนามว่า ‘ใต้หล้าบนล่าง ไร้ศัตรูในระดับอริยะ’”

พูดถึงตรงนี้เจียงซิงเชวี่ยเผยความเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจ

นั่นเป็นชายที่นางเลื่อมใสศรัทธาที่สุด และเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในใจนาง

หลินสวินหัวใจสะท้าน เกิดความสงสัยยิ่ง “พี่สะใภ้ ท่านโปรดชี้แนะ”

แววตาของเจียงซิงเชวี่ยอ่อนโยน กล่าวคล้ายหวนคิดถึงเรื่องในอดีต “หลังจากศิษย์พี่เสวียนคงของเจ้าก้าวสู่ระดับอริยะ ใช้เวลาเพียงไม่ถึงร้อยปีก็ถูกเรียกว่าเป็นผู้นำในสามระดับอย่างอริยะแท้ มหาอริยะ และราชันอริยะอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครสู้ได้ และไร้ใครเทียบได้!”

“ตอนนั้นเขาคนเดียวก็กำราบจนคนระดับเดียวกันทั้งบนล่างทั่วหล้าเชิดหน้าไม่ขึ้น”

“ตอนนั้นเรือนมรรคโลกาสวรรค์ตื่นตะลึงอยู่หลายครั้ง จำต้องเปลี่ยนอันดับบนกระดานระดับอริยะทั้งสามล่วงหน้า”

“ขอเพียงแค่ศิษย์พี่เสวียนคงของเจ้าขึ้นสู่อันดับที่หนึ่ง ก็ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของเขาได้ แม้เป็นผู้กล้าชั้นเลิศของหกเรือนมรรคใหญ่ ผู้โดดเด่นของสิบเผ่านักรบใหญ่… ก็ล้วนสู้ไม่ไหว!”

“ตอนนั้นในทางเดินโบราณฟ้าดารามีคำกล่าวหนึ่งแพร่หลายไปทั่ว ในระดับอริยะ ใครกล้าบอกว่าตนไร้ศัตรู ใครกล้าบอกว่าไร้พ่าย มีเพียงเสวียนคงแห่งคีรีดวงกมล!”

“นี่เรียกว่า ‘ใต้หล้าบนล่าง ไร้ศัตรูในระดับอริยะ’!”

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินเองยังอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ ในใจเกิดความมุ่งหวัง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าศิษย์พี่เสวียนคงที่ถูกขังอยู่ในเมืองมรณะ ถึงกับมีอดีตที่สว่างไสวและรุ่งเรืองเช่นนี้!

“ที่น่าเสียดายคือ ยังไม่รอเขาทะลวงสู่ระดับจักรพรรดิ ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิก็ปะทุขึ้นแล้ว ไม่เช่นนั้นด้วยความสามารถและรากฐานพลังของเขา จะต้องโดดเด่นเช่นนี้ต่อไปแน่”

เสียงของเจียงซิงเชวี่ยแฝงความเสียใจ ครู่ใหญ่กว่าจะเก็บอาการลง ยิ้มพูด “ศิษย์น้องเจ้ารู้หรือไม่ ก่อนที่จะบรรลุอริยะ ศิษย์พี่เสวียนคงของเจ้าก็เป็นคนที่ไม่สะดุดตาที่สุดในคีรีดวงกมล อุปนิสัยขี้อาย แค่คุยกับผู้หญิงก็หน้าแดงก่ำ พูดไม่ออก”

“เขาพูดมาโดยตลอดว่าเขาเป็นคนเลี้ยงสัตว์ ตอนเด็กฐานะทางบ้านยากจน เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เขาช่วยที่บ้านเลี้ยงแกะตั้งแต่เด็ก เพราะความยากจนและร่างกายที่อ่อนแอ มักถูกคนรุ่นเดียวกันหัวเราะเยาะ ทำให้ในใจเขาน้อยเนื้อต่ำใจและโดดเดี่ยวมาโดยตลอด”

“จนกระทั่งตอนหลังได้เข้าไปฝึกปราณที่คีรีดวงกมลด้วยวาสนาความบังเอิญ เสวียนคงเองก็ช่วยดูแลพวกสัตว์วิญญาณในคีรีดวงกมลมาโดยตลอด”

“แต่การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่ชั่วขณะที่เขาบรรลุอริยะ!”

……………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์