แต่ตอนนี้กลับมองมรดกวิชาสลักลายมรรคของชายหนุ่มคนหนึ่งไม่ออก!
นี่ดูน่าตะลึงอย่างไม่ต้องสงสัย
“ถ้า ‘จักรพรรดิกระบวนลู่’ ยังอยู่ ต้องจำมรดกวิชานี้ได้แน่”
จู่ๆ ซย่าสิงเลี่ยก็เอ่ยปาก
คำพูดเดียวทำให้บรรยากาศในที่นั้นเงียบกริบ คนใหญ่คนโตไม่น้อยต่างสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมา
จักรพรรดิกระบวนลู่!
บุคคลในตำนานที่ไม่ได้เหยียบย่างระดับจักรพรรดิ แต่กลับถูกผู้คนในโลกยกย่องให้เป็นจักรพรรดิดด้วยพลังสลักลายมรรค
ในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิสมัยบรรพกาล จักรพรรดิกระบวนลู่เคยวาง ‘กระบวนสังหารไร้ชีพ’ ขังระดับจักรพรรดิไว้สิบสามคน
สุดท้าย สังหารห้าจักรพรรดิ ส่วนระดับจักรพรรดิอีกแปดคนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส!
และในตอนนั้น จักรพรรดิกระบวนลู่ยังมีพลังปราณแค่ระดับกึ่งจักรพรรดิ!
ที่น่าเสียดายก็คือ อาจเพราะมีข้อจำกัดเรื่องพลังปราณ ในช่วงสุดท้ายพลังของจักรพรรดิกระบวนลู่ถดถอยลง ถูกคนอื่นถือโอกาสลอบโจมตี กระบวนสังหารไร้ชีพที่ย้อมเลือดสดๆ ของระดับจักรพรรดิกระบวนนั้นจึงถูกทำลายไปด้วย
หลังจากศึกนี้ ไม่รู้ว่าจักรพรรดิกระบวนลู่เป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ผู้คนในโลกล้วนมองเขาดั่งทวยเทพ คิดว่าอานุภาพมรรคกระบวนค่ายกลของเขาชิงชัยกับจักรพรรดิได้ จึงยกย่องเขาเป็น ‘จักรพรรดิกระบวนลู่’!
คนที่ไม่ได้บรรลุระดับจักรพรรดิ กลับได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นตำนานในเส้นทางระดับจักรพรรดิบนศาสตร์สลักลายมรรค!
ประหนึ่งจักรพรรดิไร้มงกุฎ!
ส่วนกระบวนสังหารไร้ชีพที่เขาวาง ก็ถูกมองว่าเป็นกระบวนค่ายกล ‘อันดับเก้าทั่วหล้า’ ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน
กระบวนค่ายกลใหญ่ที่อันดับสูงกว่ากระบวนสังหารไร้ชีพ ล้วนเป็นยอดกระบวนที่อยู่ในระดับจักรพรรดิ หรือกระทั่งระดับบรรพจารย์ขึ้นไป
แต่กระบวนสังหารไร้ชีพที่จักรพรรดิกระบวนลู่ซึ่งใช้พลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิวาง สามารถพาตัวเองเบียดขึ้นไปในอันดับนี้ได้ ก็เป็นผลงานสะท้านหมื่นกาลไปแล้ว!
ทว่าเรื่องโบราณนานปีนี้ถูกคนส่วนใหญ่หลงลืมไปตามกาลเวลาไร้สิ้นสุดไปนานแล้ว แต่สำหรับคนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิที่อยู่ในที่นี้ ล้วนไม่อาจลืมเลือนได้ราวกับประทับติดตรึงในใจ
เพราะในหมู่ระดับจักรพรรดิที่จักรพรรดิกระบวนลู่ต่อกรด้วยเหล่านั้น หลายคนมาจากหกเรือนมรรคใหญ่กับสิบเผ่านักรบใหญ่!
ดังนั้นเมื่อจักรพรรดิกระบี่ยอดมารซย่าสิงเลี่ยนยกชื่อนี้ขึ้นมา ระดับจักรพรรดิจำนวนหนึ่งจึงสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมา
“การชิงชัยถกมรรคของคนรุ่นเยาว์ครั้งหนึ่งเท่านั้น พูดถึงจักรพรรดิกระบวนลู่เพื่ออะไร”
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงแห่งเรือนมรรคจักรวาลเอ่ยปาก นางมีกฎเกณฑ์ระดับจักรพรรดิล้อมตัวดั่งมัจฉาเพลิง หว่างคิ้วมีแต่ความเย็นชา
ในตอนนี้เหล่าผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลอย่างถูเชียนเจวี๋ยถูกขังไว้ในกระบวนค่ายกล ทำให้ในนางอัดอั้นไปครู่หนึ่ง
ทุกคนต่างไม่พูดเรื่องนี้อีกด้วยรู้กาลเทศะ
ใครก็รู้ดีว่าถูเชียนเจวี๋ยเป็นหนึ่งในศิษย์แกนหลักของเรือนมรรคจักรวาล ถูกจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงให้ความสำคัญ คิดว่าเขาจะต้องโดดเด่นเหนือใคร เข้าร่วมชิงชัยในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ’ นั้นได้
แต่ตอนนี้ถูเชียนเจวี๋ยอาจจะถูกคัดออก นี่จะให้จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงยังเป็นสุขอยู่ได้อย่างไร
มีเพียงซย่าสิงเลี่ยเท่านั้นที่หัวเราะหยัน เอ่ยปากว่า “นี่ก็เรียกว่ารนหาที่เอง นึกว่าตัวเองจะใช้พวกมากรังแกคนน้อย ใครจะไปคิดว่ากลับล้มเหลวครั้งใหญ่ กลับเป็นเจ้าจินตู๋อีนี่ ไม่เสียทีที่ข้าให้ความสำคัญ พอจะมีมาดคล้ายกับข้าในตอนนั้นอยู่บ้าง”
ประโยคเดียวทำเอาทุกคนมองหน้ากัน
ดวงตาจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงมีประกายฉายวาบ แค่นหัวเราะหยันเอ่ยว่า “ซย่าสิงเลี่ย เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร”
ซย่าสิงเลี่ยเลิกคิ้วพูดเสียงเรียบ “ทำไม การแข่งขันของคนรุ่นเยาว์ยังไม่อนุญาตให้ข้าวิจารณ์สักหน่อยหรือ ถ้าเจ้าไม่พอใจ ไม่สู้พวกเรามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันดีไหม”
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงถลึงตาอย่างโกรธเกรี้ยว ไท่ซูหงรีบพูดว่า “ทั้งสองท่าน แค่การถกมรรคครั้งเดียวไม่จำเป็นต้องโมโหใหญ่โต”
ซย่าสิงเลี่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่คุ้มจริงๆ แต่ข้ายังยืนยันคำนั้น ถ้าเจ้าไม่พอใจ ข้ารับรองว่ายินดีจะต่อสู้ถึงที่สุด”
คำพูดเดียวสุขุมราบเรียบ แต่กลับอหังการยิ่งนัก!
ควรรู้ว่าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงก็เป็นบุคคลสูงส่งสะท้านฟ้าดารา เบื้องหลังยังมีเรือนมรรคจักรวาล ในโลกใหญ่หงเหมิงใครจะกล้าไม่เคารพนาง
แต่ซย่าสิงเลี่ยก็กล้า!
นี่ก็คือจักรพรรดิกระบี่ยอดมาร หลายปีนี้ที่ท่องทั่วโลกหล้า ไม่ว่าจะเป็นหกเรือนมรรคใหญ่หรือสิบเผ่านักรบใหญ่ ก็ยังไม่เคยทำให้เขากลัว
ในที่สุดจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงก็เก็บกลั้นโทสะในใจเอาไว้ ไม่ได้โต้เถียงต่อ นางรู้นิสัยใจคอของซย่าสิงเลี่ยดี นี่ก็คือเจ้าเฒ่ารับมือยากที่มีชีวิตมาไม่รู้กี่ปีแล้วคนหนึ่ง
“เอ๋ เจ้าหนุ่มนี่บ้าระห่ำจริง ถึงกับบุกฆ่าเข้าไปในกระบวนค่ายกลตรงๆ!”
ทันใดนั้นระดับจักรพรรดิคนหนึ่งส่งเสียงร้องตกตะลึง จิตใจของทุกคนจึงถูกดึงดูดไปด้วย
……
แดนลับโลกาสวรรค์ ภายในกระบวนค่ายกลใหญ่ในหุบเขา
“เร็วเข้า แม้กระบวนค่ายกลนี้จะมหัศจรรย์ แต่พลังก็เหือดแห้งลงเรื่อยๆ พวกเราเพียงต้องแข็งใจไว้ก็จะทำลายมันได้”
ถูเชียนเจวี๋ยฮึกเหิม สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของกระบวนค่ายกล
ขณะนี้แปดคนที่ติดตามข้างกายเขาถูกคัดออกไปแล้วสี่คน แต่ละคนต่างเป็นผู้สืบทอดแกนหลักของเรือนมรรคจักรวาล ความเสียหายไม่อาจพูดได้ว่าไม่มาก
“รอหลังออกไปได้ จะต้องให้จินตู๋อีนั่นได้เห็นดีกัน!”
“เจ้าคนสมควรตายนี่ต้องจ่ายค่าตอบแทนเพราะสิ่งนี้!”
คนที่เหลืออยู่เหล่านั้นแค้นจนกัดฟันกรอด แต่ละคนต่างสบถคำขู่
“ไม่ต้องรอออกไป ตอนนี้พวกเจ้าก็สะสางได้แล้ว”
ทันใดนั้นเสียงเรียบเฉยเสียงหนึ่งดังขึ้น เงาร่างของหลินสวินปรากฏในกระบวนค่ายกลกะทันหัน
ตูม!
เสียงพูดยังไม่ทันเงียบลง ตัวเขาก็พุ่งมาถึง ดาบหักพลิกม้วนออกมา สังหารชายร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะทองคนหนึ่งด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
ใครก็คิดไม่ถึงว่าในช่วงสำคัญที่ใกล้จะทำลายกระบวนค่ายกลได้ หลินสวินจะออกตัวบุกเข้ามาเอง ทั้งยังลงมืออย่างว่องไวและรุนแรงเช่นนี้!
ด้วยไม่ทันตั้งตัว ชายชุดเกราะทองไม่มีโอกาสหลบหนีใดๆ ทำได้เพียงฝืนประจันหน้าตรงๆ
“ไสหัวไป!”
เขาคำรามดาลเดือด ลักษณ์พยัคฆ์มังกรพวยพุ่งไปทั้งตัว ค้อนยักษ์สีทองในมืออันหนึ่งกระแทกดังตูมรุนแรง แสงมรรคสีทองไร้เทียมทานก็แผ่ออกมาด้วย
ภาพนั้นราวกับหวดดวงอาทิตย์สีทองกระแทกลงมา องอาจเหนือโลกา!
เคร้ง!
ดาบหักกับค้อนยักษ์ปะทะกัน เกิดเป็นเสียงดังสนั่นราวหูจะหนวก แสงเทพกระเจิดกระเจิง
ก็เห็นว่าค้อนยักษ์สีทองนั่นถึงกับถูกดาบหักฟันออกเป็นสองท่อน!
พลังที่เหลืออยู่ของดาบหักไม่ได้ลดลง ฟันตรงไปยังชายเกราะทอง ประกายดาบคมกริบแยงตาจนชายในเกราะทองลืมตาไม่ขึ้น ความหวาดหวั่นยิ่งยวดผุดขึ้นในจิตใจ
กระบวนท่าเดียวยังสกัดไว้ไม่ได้หรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์