สรุปตอน ตอนที่ 1952 หมีอู๋หยา – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
ตอน ตอนที่ 1952 หมีอู๋หยา ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกับเวลาที่ล่วงเลยไป ผู้แข็งแกร่งที่กระจายอยู่ในแดนลับโลกาสวรรค์ต่างพบว่า หลินสวินที่ถูกบุคคลน่ากลัวมากมายจับจ้องราวกับระเหยไปจากโลก ไม่มีข่าวคราวใดๆ
“เจ้าสารเลวนั่นจะต้องซ่อนตัวแล้วแน่ ค้น แม้ต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องเอาตัวมันออกมาให้ได้!”
ถูเชียนเจวี๋ยสีหน้ามืดทะมึนเต็มประดา
เขาได้เรียกกลุ่มผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคจักรวาลมารวมตัวกันแล้ว นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากหวงฝู่เซ่าหนง ตอนที่เจอตัวหลินสวิน เพียงแค่แพร่ข่าวออกไปหวงฝู่เซ่าหนงก็จะมาหนุนทันที
“ไม่ผิด จินตู๋อีนี่เห็นได้ชัดว่าสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จึงหดหัวเข้ากระดองไปแล้ว ทุกคนร่วมกันค้นหา แดนลับโลกาสวรรค์นี้ไม่ได้ใหญ่ ด้วยกำลังคนของพวกเรา ไม่เกินเจ็ดวันก็สามารถค้นหาฟ้าดินแห่งนี้รอบหนึ่งได้แล้ว”
จู่เฟยอวี่พูดเสียงขรึม
ข้างกายเขามีผู้สืบทอดเรือนมรรคเหล่ามารกลุ่มหนึ่งติดตาม เรียกได้ว่าขบวนรบยิ่งใหญ่ ไม่ขาดพวกร้ายกาจสามสิบอันดับแรกในกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์
นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นถูเชียนเจวี๋ยหรือจู่เฟยอวี่ ก็ไม่กังวลว่าในระหว่างค้นหาจะเจอคู่ต่อสู้อะไรหรือไม่
ถึงอย่างไรผู้แข็งแกร่งที่สมองปกติหน่อย เห็นขบวนคนยิ่งใหญ่เกรียงไกรของพวกเขาเกรงว่าจะเผ่นหนีทันที ไม่กล้าปะทะกับพวกเขา
พื้นที่อีกแถบหนึ่ง ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ซึ่งมีข่งเจาเป็นผู้นำก็กำลังค้นหาเบาะแสของหลินสวิน อานุภาพดุดัน ท่าทางไม่ได้ฆ่าหลินสวินจะไม่หยุดมืออย่างไรอย่างนั้น
ภายใต้การไล่ล่าครั้งใหญ่นี้ ผู้แข็งแกร่งหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ของแดนลับโลกาสวรรค์ ต่างลอบบ่นขรมอย่างไม่มีข้อยกเว้น
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ครอบครองวิชามหัศจรรย์ในการปกปิดร่องรอย หวังจะซ่อนตัวเลี่ยงการเข่นฆ่ารุนแรง ยืนหยัดจนถึงตอนท้าย ไม่ได้มุ่งหมายกับการช่วงชิงยันต์ชีวิต
แต่ตอนนี้เมื่อมีการเคลื่อนไหวที่เหล่าขุมอำนาจต่างค้นหาหลินสวินครั้งใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่พวกเขาซ่อนตัวถูกขุดค้น คนไม่รู้เท่าไหร่ถูกพวกถูเชียนเจวี๋ย จู่เฟยอวี่กำจัดคัดออกไปด้วย
“เจ้าจินตู๋อีที่สมควรตายนี่ ตัวเองก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ กลับไม่สนใจความเป็นตายของผู้อื่น เป็นเช่นนี้ในแดนลับโลกาสวรรค์จะยังมีที่ไหนให้ซ่อนตัวได้อีก”
“คราวนี้จบสิ้นแล้ว ไม่มีที่ซ่อนตัว ฝีมืออย่างข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้สืบทอดหกเรือนมรรคใหญ่และสิบเผ่านักรบใหญ่เหล่านั้นได้หรือ”
คนมากมายกล่าวโทษ ตำหนิหลินสวินไม่หยุด
……
ส่วนลึกของพื้นที่ที่หิมะปกคลุมทั่วแถบหนึ่ง
“เร็ว ที่นี่มีถ้ำน้ำแข็งใต้ดินแห่งหนึ่ง!”
ตอนที่พวกจู่เฟยอวี่ ถูเชียนเจวี๋ยค้นหามาถึงที่นี่ ถ้ำน้ำแข็งใต้ดินที่หิมะน้ำแข็งปกคลุมแห่งหนึ่งปรากฏในจิตรับรู้
ชั่วขณะนี้ในใจทุกคนต่างสะท้านเยือกอย่างไม่ทราบสาเหตุ รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันตรายอันคลุมเครือ
“นี่คงไม่ใช่ที่ซ่อนตัวของจินตู๋อีกระมัง”
มีคนเอ่ย
และมีคนอาศัยข้อได้เปรียบเรื่องจำนวนคนมาก เดินไปข้างหน้าหมายจะเปิดถ้ำน้ำแข็งแห่งนั้น แต่กลับถูกจู่เฟยอวี่ขวางเอาไว้
“อย่าขยับ! ทุกคนระวัง!”
สีหน้าเขาจริงจังอย่างยากจะได้เห็น
“นี่ไม่ใช่กลิ่นอายของจินตู๋อี”
สีหน้าของถูเชียนเจวี๋ยเปลี่ยนไปแล้ว
“หรือจะเป็น…”
เยียนอวี่โหรวนัยน์ตาหดรัด คล้ายเดาอะไรออก
ก็เห็นว่าบุคคลชั้นยอดสามคนที่อยู่ในสิบอันดับแรกของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ ชั่วขณะนี้ต่างสีหน้าราวกับเผชิญศัตรูตัวฉกาจ ในใจคนอื่นๆ จึงล้วนหวาดหวั่น เผยสีหน้าระมัดระวัง
บรรยากาศกดดันและอันตรายขึ้นมา มีเพียงเสียงลมหิมะหนาวสะท้านดังหวือหวิว
“จินตู๋อี? คนผู้นี้แข็งแกร่งถึงขั้นที่พวกเจ้าต้องร่วมมือกันถึงกล้าลงมือแล้วหรือ”
เสียงที่ราบเรียบราวกับน้ำเสียงหนึ่งก้องขึ้นกลางลมหิมะ
ทุกคำประหนึ่งเสียงมรรคดังสะท้อน เลื่อนลอยไม่แน่นอน แต่กลับตรงสู่ใจคน!
สีหน้าของจู่เฟยอวี่ ถูเชียนเจวี๋ย เยียนอวี่โหรวเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ก็เห็นว่าในถ้ำน้ำแข็งใต้ดินนั่นมีเงาร่างซูบผอมปรากฏขึ้น ก้าวออกมาหนึ่งก้าวอย่างแผ่วเบา ปรากฏตัวสู่ภายนอก
ลมหิมะอบอวล เขาอยู่ในชุดขาว ผมขาวทั้งศีรษะ ทั่วตัวไร้ซึ่งอานุภาพให้พูดถึง ให้ความรู้สึกราบเรียบไม่ซับซ้อน
แต่ยามทุกคนสบสายตาเขา ในใจต่างหวาดกลัวขึ้นมา เหมือนถูกคมกระบี่แหลมคมไร้เทียมทานเล่มหนึ่งแทงอย่างแรง ร่างกายขนลุกซู่ขึ้นมา
นี่นัยน์ตาอะไรกัน
ใสดุงดั่งน้ำ นิ่งสงบราวกระจก ภายในกลับเสมือนหมื่นลักษณ์โหมซัด มีสุริยันจันทราดาราผลุบโผล่อยู่ภายใน เกิดดับไม่แน่นอน!
ชั่วขณะนี้ทุกคนต่างเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่ง แม้พวกเขามีคนมาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับชายชุดขาวผมขาวคนนี้ กลับเหมือนเหลือตัวคนเดียว รู้สึกถึงความกดดันและประหม่าที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
“หมีอู๋หยา!”
ริมฝีปากของจู่เฟยอวี่พูดชื่อหนึ่งออกมาเบาๆ
คำสามคำ กลับประหนึ่งมีพลังเวทประหลาดทำให้ทุกคนกลั้นหายใจ สีหน้าเปลี่ยนไปโดยพร้อมเพรียง
ที่แท้เป็นเขา!
ตำนานที่ยึดครองอันดับหนึ่งของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์มาหกร้อยปี ผู้แข็งแกร่งชั้นเลิศที่ทำให้ทั่วทั้งบนล่างในใต้หล้าล้วนจับตามองคนหนึ่ง!
เขา ก็ถูกมองว่าไร้ศัตรูในระดับมกุฎราชันอริยะเช่นกัน!
เพราะตั้งแต่เขาผงาดกลายเป็นอันดับหนึ่งของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์จนถึงวันนี้ ยังไม่เคยพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยมีใครสามารถสั่นคลอนอันดับของเขาได้!
ในใจทุกคนต่างทุกข์ทน คิดจนหัวแตกก็คิดไม่ถึง ว่าการเคลื่อนไหวค้นหาจินตู๋อี กลับเจอพวกน่าสะพรึงเช่นนี้คนหนึ่ง
“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพวกเราเคลื่อนไหวอย่างเลินเล่อเกินไป พี่หมีอย่าได้ถือสา พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้”
ถูเชียนเจวี๋ยสูดหายใจลึก ประสานหมัดคารวะ
แม้พวกเขาอยู่ในสิบอันดับแรกบนกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์เหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับบุคคลระดับตำนานอย่างหมีอู๋หยา กลับยังคงห่างกันไม่น้อย จำต้องก้มหัวให้เขา
ว่าแล้วเขาก็หมายจะพาทุกคนจากไป
“น่าเสียดาย หมีอู๋หยาดันไม่สนใจจินตู๋อี…”
ถูเชียนเจวี๋ยถอนหายใจเบาๆ
“ไปเถอะ แม้หมีอู๋หยาไม่ลงมือ แต่กำลังคนพวกเรามากขนาดนี้ จะยังกำจัดเขาคนเดียวไม่ได้อีกหรือ”
จู่เฟยอวี่สูดหายใจลึกคราหนึ่ง ก้าวเท้าออกไป
คนอื่นๆ รีบตามเขาไป
……
ในเวลาเดียวกันบนยอดเขาหลักโลกาสวรรค์ในโลกภายนอก สีหน้าของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิที่เห็นทุกอย่างก็แปลกพิกลขึ้นมาบ้าง
“สหายยุทธ์อวิ๋นเหยียน หมีอู๋หยานี่เป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคยุทธจักรของพวกเจ้า ตอนนี้เขาแสวงมรรคาถึงขั้นไหนแล้วหรือ”
มีคนถาม
ทันใดนั้นทุกสายตาล้วนมองไปยังมหาจักรพรรดิศิลาเมฆอวิ๋นเหยียนแห่งเรือนมรรคยุทธจักร
มหาจักรพรรดิศิลาเมฆยิ้มน้อยๆ พูดอย่างภาคภูมิจากใจจริง “จากที่ข้าดู ในระดับมกุฎราชันอริยะ หมีอู๋หยาเจ้าหนุ่มนี่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน โดดเด่นเหนืออดีตปัจจุบัน”
ไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน!
โดดเด่นเหนืออดีตปัจจุบัน!
ประโยคสั้นๆ คล้ายมองหมีอู๋หยาเป็นอันดับหนึ่งในระดับมกุฎราชันอริยะตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน!
นี่ทำให้ในใจระดับจักรพรรดิไม่น้อยกระเพื่อมไหว และมีคนไม่เห็นด้วย ไม่ยอมรับเรื่องนี้ แต่กลับไม่สามารถคัดค้านได้
เพราะหมีอู๋หยาคนนี้ครองอันดับหนึ่งของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์มาหกร้อยปีแล้ว เสมือนไร้ศัตรูจริงๆ!
“ผิดแล้ว”
ทันใดนั้นซย่าสิงเลี่ยยิ้มพูด “อวิ๋นเหยียน เจ้าอย่ายกยอผู้สืบทอดสำนักตนเกินไป ยังไม่ต้องพูดถึงยุคนี้ แค่ในอดีตที่ผ่านมาก็มีพวกร้ายกาจที่ไร้ใครเทียบเคียง ไร้คนเทียบรัศมี ได้รับการยกย่องจากคนทั้งโลกว่า ‘ใต้หล้าบนล่าง ไร้ศัตรูในระดับอริยะ’ อยู่คนหนึ่ง!”
“เมื่อเทียบกันแล้ว เจ้าหนูอย่างหมีอู๋หยายังขาดประสบการณ์”
ได้ยินคำพูดนี้ ในหมู่ระดับจักรพรรดิในที่นั้น สีหน้าของหลายคนต่างไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมา
ใต้หล้าบนล่าง ไร้ศัตรูในระดับอริยะ!
ในอดีตมีเพียงคนเดียวที่เคยมีฉายาเช่นนี้
เพียงแต่คนผู้นั้นมาจากคีรีดวงกมล และคีรีดวงกมลก็เป็นขุมอำนาจที่ทำให้ระดับจักรพรรดิไม่น้อยในที่นี้ไม่อยากพูดถึง
มหาจักรพรรดิศิลาเมฆไม่สบายใจเท่าไร อดพูดไม่ได้ “ซย่าสิงเลี่ย เจ้าถึงกับเอามารบาปที่ตายไปตั้งแต่สมัยบรรพกาลมาเทียบกับหมีอู๋หยา ไม่รู้สึกเกินไปหน่อยหรือ”
ซย่าสิงเลี่ยแหงนหน้าหัวเราะฮ่าๆ อย่างเบิกบาน ตบเข่าพูดโดยไม่สนใจ “ในระดับอริยะ ใครเรียกได้ว่าไร้ศัตรู ใครกล้าบอกว่าไร้พ่าย มีเพียงเสวียนคงแห่งคีรีดวงกมลผู้เดียวเท่านั้น! ประโยคนี้บนทางเดินโบราณฟ้าดาราในตอนนั้น ใครบ้างไม่เคยได้ยิน เจ้าอวิ๋นเหยียนรู้สึกว่าเกินไป แต่สำหรับข้าแล้ว หมีอู๋หยานี่… สู้เสวียนคงในตอนนั้นไม่ได้หรอก!”
………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์