“พวกเราไปกันเถอะ”
หลินสวินหมุนตัวจากไป
จินเทียนเสวียนเยวี่ยเห็นเช่นนี้ก็เหลือบมองพวกหวังถู ลู่ตู๋ปู้แวบหนึ่ง กล่าวว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ระหว่างพวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก พวกเจ้าไปตามทางของพวกเจ้า พวกเราก็ไปตามทางของเรา”
พูดจบนางหมุนตัวตามหลินสวินไป
ลู่ตู๋ปู้อยากพูดอะไรสักหน่อยแต่ก็หยุดไป แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจยาว อึดอัดใจอยู่บ้าง
การคัดเลือกถกมรรคหนึ่ง กลับทำให้ความสัมพันธ์แตกหักกัน นี่ทำให้ลู่ตู๋ปู้เองยังอดสงสัยไม่ได้ว่า พวกเขาทำเช่นนี้ไม่มีเหตุผลเกินไปหรือเปล่า
หวังถูกลับยิ้มเยาะ “ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกอะไรกัน ก่อนหน้านี้พวกเราก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันอยู่แล้ว คิดเองเออเองจริงๆ”
เซี่ยอวี่ฮวาสีหน้าอึมครึม ในใจเกิดโทสะอย่างไม่ทราบสาเหตุ กล่าวว่า “หวังถู ในใจเจ้ามีความขุ่นเคือง แต่อย่าเหมารวมพวกเรา!”
ลู่ตู๋ปู้และซูมู่หานรีบเกลี้ยกล่อม เหลิ่งซิวเจียจากไปแล้ว และตอนนี้พวกเขาได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับจินตู๋อีและจินเทียนเสวียนเยวี่ยไปแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ ระหว่างพวกเขาจะมีความขัดแย้งอะไรไม่ได้อีก
ครู่ใหญ่หลังจากนั้น พวกเขาทั้งกลุ่มจึงจากไป
……
“หวังถูนั่นน่าชังเกินไปแล้วจริงๆ!”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยซึ่งตามอยู่เบื้องหลังหลินสวินทันอดพูดไม่ได้ ไม่ปกปิดความรังเกียจของตนสักนิด
หลินสวินพูดอย่างสบายๆ “ล้วนเพื่อเอาตัวรอด เข้าใจได้”
“คุณชายเจ้าไม่โกรธหรือ” จินเทียนเสวียนเยวี่ยอึ้ง
หลินสวินอดยิ้มพูดไม่ได้ “เขาหรือ ยังไม่ควรค่าให้ข้าโกรธ ข้าเคยถูกปฏิบัติเช่นนี้มานานมากแล้ว หากไม่เห็นข้าเป็นตัวกาลกิณีก็เห็นข้าเป็นตัวหายนะ กลัวแต่ว่าจะหลบไม่ทัน พลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่เคยคิดว่าจะให้ใครมาช่วยข้า และหวังถูนี่ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับข้า”
พูดถึงตรงนี้จู่ๆ หลินสวินก็นึกถึงเรื่องหนึ่ง “เสวียนเยวี่ย พวกเราต้องกลับไปหาพวกเขาสักรอบ”
“เพราะเหตุใด”
“เหลิ่งซิวเจียไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับข้า แต่กลับเลือกจะช่วยข้า นี่เป็นบุญคุณครั้งใหญ่ และในมือลู่ตู๋ปู้คงจะครอบครองวิธีที่สามารถติดต่อเหลิ่งซิวเจียได้ ข้าอยากไปหาเหลิ่งซิวเจีย”
หลินสวินว่าแล้วก็หมุนตัวกลับไป
“ได้”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยตอบรับอย่างรวดเร็ว
……
“พี่ซู พวกเราพักที่นี่กันเถอะ”
ตรงหน้าเนินเขาเตี้ยไม่สะดุดตา ลู่ตู๋ปู้สังเกตสภาพรอบๆ บนใบหน้าเผยความพอใจ
“ดี”
ซูมู่หานตอบรับ เขาบาดเจ็บสาหัส ต้องการการพักฟื้นโดยไวจริงๆ
แน่นอนว่าเซี่ยอวี่ฮวาและหวังถูไม่มีความเห็น
เพียงแต่ตอนที่พวกเขาตัดสินใจจะเปิดถ้ำแห่งหนึ่งเพื่อพักผ่อน พลันมีเสียงทะลวงอากาศระลอกหนึ่งดังขึ้นจากไกลๆ
สวบๆๆ!
เงาร่างผู้ฝึกปราณมากมายดุจลำแสงสว่างไสวเป็นสายๆ ทะยานมาจากไกลๆ อานุภาพยิ่งใหญ่
ผู้นำคือถูเชียนเจวี๋ยแห่งเรือนมรรคจักรวาล จู่เฟยอวี่แห่งเรือนมรรคเหล่ามาร เยียนอวี่โหรวแห่งเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ด้านหลังพวกเขา ยังมีผู้แข็งแกร่งติดตามอีกกลุ่มหนึ่ง
“แย่แล้ว!”
พวกลู่ตู๋ปู้แข็งทื่อไปทั้งตัว ราวกับตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง มีหรือจะคิดว่าในพื้นที่รกร้างเช่นนี้ กลับเจอขบวนผู้แข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ตระการตาขนาดนี้
“หนี!”
พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเล
เพียงแต่ระหว่างทางก็ถูกปิดล้อมแล้ว พลังต่างกันเกินไป อีกฝ่ายล้วนเป็นผู้สืบทอดแกนหลักของขุมอำนาจใหญ่ระดับหกเรือนมรรคใหญ่
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ แค่จู่เฟยอวี่ ถูเชียนเจวี๋ย เยียนอวี่โหรว ก็สามารถทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังแล้ว
จบกัน!
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวพวกลู่ตู๋ปู้โดยพร้อมเพรียง สีหน้าซีดเซียว
“เพราะจินตู๋อีนั่นคนเดียว เมื่อครู่นี้เจอเขาแวบเดียวเท่านั้นก็ทำให้พวกเรากำลังจะถูกคัดออกแล้ว เจ้าหมอนี่เป็นตัวกาลกิณีจริงๆ!”
ชั่วขณะนี้หวังถูอดร้องตะโกนออกมาไม่ได้ เต็มไปด้วยความไม่จำยอมและเคียดแค้น
“เอ๋”
ตอนแรกจู่เฟยอวี่ไม่ได้เห็นพวกลู่ตู๋ปู้อยู่ในสายตา มองเป็นเพียงเหยื่อที่เจอระหว่างทางจึงหมายจะลงมือ กำจัดพวกลู่ตู๋ปู้ซะ
แต่พอได้ยินคำพูดของหวังถู เขาเผยสีหน้าพิกลทันที โบกมือพูด “อย่าเพิ่งลงมือ”
การกระทำของเหล่าผู้แข็งแกร่งที่ล้อมพวกลู่ตู๋ปู้อยู่ชะงักไปทันที
“เจ้าบอกว่าเมื่อครู่นี้เจ้าเจอจินตู๋อีหรือ”
แววตาของจู่เฟยอวี่ราวกับสายฟ้า หยุดอยู่ที่หวังถู
พวกเยียนอวี่โหรว ถูเชียนเจวี๋ยเองก็ตื่นเต้นขึ้นมา หลายวันมานี้พวกเขาตามหาเบาะแสของหลินสวินทั่วแดนลับโลกาสวรรค์ เหลือก็แต่พลิกแผ่นดินตามหาแล้ว
ถึงขั้นที่ระหว่างทางยังไปรบกวนคนน่ากลัวอย่างหมีอู๋หยาเข้า ทำเอาจนตอนนี้พวกเขานึกถึงทีไรในใจก็ยังไม่หายกลัว
ทว่าแม้เป็นเช่นนี้ จนตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เจอตัวหลินสวิน นี่ทำให้พวกเขาต่างไฟสุมอกไม่มีที่ระบาย
ตอนนี้คำพูดที่แฝงความเดือดดาลของหวังถู ทำให้พวกเขาตระหนักได้ในทันทีว่าโอกาสมาแล้ว!
สีหน้าของลู่ตู๋ปู้เปลี่ยนไป รีบส่ายหน้า “เปล่า”
ขวับ!
แววตาจู่เฟยอวี่ราวกับดาบ กวาดมองลู่ตู๋ปู้คราหนึ่ง พูดด้วยเสียงเย็นเยียบ “ขืนเจ้ายังกล้าพูดมาก อย่าโทษว่าข้าส่งเจ้าไปลงนรกก่อน”
สีหน้าของลู่ตู๋ปู้มืดทะมึนไม่สามารถสงบได้ ในใจเต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูด ในแคว้นเมฆา เขาเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์ที่สะดุดตาที่สุด
แต่เผชิญกับปีศาจชั้นยอดที่อยู่ในสิบอันดับแรกบนกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์อย่างจู่เฟยอวี่ ก็ยังไม่เอาไหนจริงๆ
“ข้าจำได้แล้ว พวกเขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากแคว้นเมฆาเหมือนจินตู๋อี”
จู่ๆ ก็มีคนพูดขึ้น เปิดโปงฐานะของพวกลู่ตู๋ปู้
ทันใดนั้นสีหน้าของพวกลู่ตู๋ปู้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์