สรุปตอน ตอนที่ 1962 ศิลามรรคโลกาสวรรค์ – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
ตอน ตอนที่ 1962 ศิลามรรคโลกาสวรรค์ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ทุกสายตามองไปที่หวังถู สีหน้าแต่ละคนต่างเจือไปด้วยแววเย็นชาและรังเกียจ
“หวังถู เจ้าทรยศหักหลัง ขายพวกพ้องที่แดนลับโลกาสวรรค์ ตอนนี้ยังกล้าเอ่ยสาปแช่งพี่จินอีก!”
ลู่ตู๋ปู้ลุกขึ้นทันที ไอสังหารโอบล้อมไปทั้งตัว “วันนี้ข้าจะฆ่าคนทรยศอย่างเจ้าก่อนเลย!”
หวังถูหน้าเปลี่ยนสี พูดกราดเกรี้ยวว่า “เจ้ากล้าหรือ! ที่นี่คือเรือนมรรคโลกาสวรรค์ จะปล่อยให้เจ้าเหิมเกริมได้ง่ายๆ หรือ!”
“เจ้าไม่ใช่ผู้สืบทอดของเรือนมรรคโลกาสวรรค์เสียหน่อย ทำไมข้าจะไม่กล้า”
ขณะที่ลู่ตู๋ปู้พูดก็หมายจะลงมือ แต่ถูกก้วนซวีรั้งไว้
“เจ้าสำนัก เหตุใดท่านต้องขวางข้า”
ลู่ตู๋ปู้โกรธเคือง พวกเซี่ยอวี่ฮวา ซูมู่หานต่างก็มองไปที่ก้วนซวี
“หวังถูพูดถูก ที่นี่คือเรือนมรรคโลกาสวรรค์”
ก้วนซวีถอนใจเบาๆ
ทุกคนต่างรู้สึกอัดอั้นไปครู่หนึ่ง
หวังถูกลับยิ้มเหี้ยมขึ้นมา ไม่กลัวเพราะมีที่พึ่ง นี่ก็เป็นสาเหตุที่เขากล้าด่าทอสาปแช่งหลินสวินซึ่งหน้า
ก็ในตอนนี้เอง ก้วนซวีเปลี่ยนเรื่องว่า “ทว่าข้าเป็นคนพาเขามา ในเมื่อมีคนทรยศทำผิดมหันต์ ย่อมต้องให้ข้าจัดการถึงจะถูก”
ประโยคเดียวทำให้พวกลู่ตู๋ปู้อึ้งไปก่อน จากนั้นจึงยิ้มอย่างอดไม่ได้ขึ้นมา ที่แท้ผู้อาวุโสก้วนซวีก็ขัดตาเจ้าหมอนี่สินะ…
หวังถูยิ้มค้าง เอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ที่นี่คือเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ท่านฆ่าข้าที่นี่ ไม่กลัวว่าจะถูกเอาคืนหรือ”
ก้วนซวีแววตาเคร่งขรึม “ถ้าเจ้าเป็นหนึ่งในหนึ่งร้อยแปดคนแรกได้สำเร็จ ข้าย่อมไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ แต่เจ้า… ไม่ใช่!”
เขาสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง พลังอันน่ากลัวของระดับกึ่งจักรพรรดิควบรวมปลดปล่อยออกมา กลายเป็นประทับภูผาชั้นหนึ่งเข้ากำราบหวังถู ณ ตรงนั้น
ตูม!
ท่ามกลางเสียงระเบิด หวังถูร้องเสียงแหลมด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง แต่ล้วนไร้พลังต้านทาน ร่างกายระเบิดออกกระจุยกระจายไป น้ำเลือดสาดกระเซ็น
ทุกคนต่างสูดหายใจเย็นอย่างอดไม่ได้ อานุภาพของระดับกึ่งจักรพรรดิสำแดงออกมาจนหมดสิ้นในการโจมตีนี้
แม้แต่หลินสวินยังตากระตุกทันที ตอนนี้เขาถึงรับรู้ว่า ที่แท้ก้วนซวีก็เป็นพวกน่ากลัวระดับกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าคนหนึ่ง!
“คนต่ำช้าอย่างนี้ ต่อให้กลับแคว้นเมฆาไปก็ทำให้สำนักของเขาอับอาย กลายเป็นตัวตลกในใต้หล้า”
ก้วนซวีเหมือนทำเรื่องเล็กที่ไม่สลักสำคัญ เอ่ยว่า “ในช่วงก่อนจะไปเขตต้องห้ามเซียนโบราณนี้ พวกเจ้าต้องฝึกปราณดีๆ สักรอบ”
ทุกคนพยักหน้า
“อู่หวงล่ะ”
จู่ๆ หลินสวินก็เอ่ยถาม
“ไปแล้ว หลังจากถูกคัดออกก็รีบจากไป”
เถิงอี๋เฉินเอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว
หลินสวินรำพึงในใจ เจ้าหมอนี่เป็นถึงผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพ ไม่ฆ่าเขาให้ตาย ภายหน้าต้องมาคิดบัญชีอีกแน่
และในวันนี้ ข่าวเรื่องการชิงชัยถกมรรคคราวนี้ก็แพร่กระจายออกมา
เริ่มจากสะเทือนแวดวงฝึกปราณของแคว้นกลางมรรคก่อน จากนั้นแคว้นต่างๆ ในโลกใหญ่หงเหมิงก็อึกทึกครึกโครม แต่ข่าวกลับกระจายออกจากโลกใหญ่หงเหมิงไปสู่โลกใหญ่อื่นๆ ในฟ้าดาราอย่ารวดเร็วยิ่งกว่า…
“จินตู๋อีหรือ เจ้านี่เป็นใครกัน”
“ยังถือว่าเจ้าหมอนี่โชคดี พวกหมีอู๋หยาต่างไม่ได้ลงมือเต็มกำลัง หาไม่แล้วอันดับหนึ่งนี้จะถูกเขาเอาไปได้อย่างไร”
“ไม่ว่าอย่างไร ตั้งแต่วันนี้ชื่อของเจ้าหมอนี่ก็จะดังก้องทั้งฟ้าดารา!”
“สถานการณ์สร้างวีรบุรุษสินะ”
…ควรรู้ว่างานชุมนุมถกมรรครั้งนี้ถูกทั่วหล้าจับตามองตั้งแต่ก่อนเริ่มแล้ว พอข่าวกระจายออกมา แค่คิดก็รู้ว่าจะก่อให้เกิดคลื่นลมน่าตกตะลึงขนาดไหน
และชื่อจินตู๋อีนี้ก็กระจายไปทั่วด้วย
โด่งดังทั้งใต้หล้าในวันเดียว!
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฟ้าเพิ่งสว่างรำไร ก็มีผู้สืบทอดเรือนมรรคโลกาสวรรค์คนหนึ่งมาพาหลินสวินไปยอดเขาหลักโลกาสวรรค์
ที่ยอดเขา เมฆหมอกอบอวล
ไท่ซูหงยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว แม้นิ่งเงียบไม่เคลื่อนไหว แต่กลับมีท่วงท่าโอหังเหนือโลกหล้า ประหนึ่งนายเหนือหัวผู้หนึ่ง
“สหายน้อย ความสามารถที่เจ้าสำแดงออกมาในแดนลับโลกาสวรรค์ล้วนถูกข้ากับเฒ่าชราบางส่วนเห็นแล้ว ไม่เลวยิ่ง”
พอเห็นหลินสวิน ไท่ซูหงก็ยิ้มน้อยๆ เอ่ยปาก
“ผู้อาวุโสชมเกินไปแล้ว”
หลินสวินกุมมือคารวะ ไม่จองหองไม่ถ่อมตัว เขาไม่ใช่ไม่เคยพบระดับจักรพรรดิ อย่างซีที่อยู่ในห้องโถงมรรคาสวรรค์ หรือพวกศิษย์พี่อย่างเก่ออวี้ผู หลี่เสวียนเวย ผู่เจิน รวมถึงจักรพรรดิดาบชิงหยาง จักรพรรดิกระบี่วายุ…
พบบุคคลระดับจักรพรรดิมามาก ก็ย่อมไม่ดูเกร็งหรือตื่นเต้นเกินไป
ไท่ซูหงหัวเราะเสียงดังเบิกบาน “ฮ่าๆ นี่ไม่ได้ชมเกินไป หลายวันมานี้ซย่าสิงเลี่ยปะทะฝีปากกับเฒ่าชราบางคน ก่อคลื่นลมไม่รู้เท่าไรเพราะเจ้าคนเดียว ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยในสายตาข้า มรรควิถีที่เจ้ามีจัดเป็นชั้นยอดในหมู่ระดับมกุฎราชันอริยะในปัจจุบันไปแล้ว!”
เขาหยุดไปแล้วพูดต่อว่า “เอาล่ะ นี่ก็ช้ามากแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปยังจุดที่ตั้งศิลามรรคโลกาสวรรค์”
ไท่ซูหงสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง ครู่ต่อมาเขากับหลินสวินก็หายลับไปจากที่เดิม
ในส่วนลึกของภูเขาเทพแสงเขียว ถูกจัดเป็นพื้นที่หวงห้ามของเรือนมรรคโลกาสวรรค์
ที่นี่มีไอแรกกำเนิดอบอวลตลอดปี ป่าเขาต้นไม้ใบหญ้าล้วนประทับมหามรรคดั่งจับต้องได้เป็นชั้นๆ มีสายฟ้าฉายวาบอยู่กลางไอหมอกเป็นพักๆ ฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายน่าหวาดหวั่น
ศิลาที่สูงเพียงสองฉื่อหลักหนึ่งตั้งเงียบๆ อยู่ภายใน เก่าแก่ลายพร้อย มีกลิ่นอายกาลเวลาไหลเวียน
หลินสวินครุ่นคิด ก่อนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วหลับตาลงอีกครั้ง
เขาไม่ยินยอมเพียงเท่านี้
ถึงอย่างไรก็ยังมีเวลา ลองดูอีกครั้งก็ไม่เสียหาย
หนึ่งชั่วยามผ่านไป
สองชั่วยามผ่านไป
ครึ่งวันผ่านไป…
เหนือความคาดหมายของหลินสวิน เขาหยั่งรู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จบลงด้วยความล้มเหลวทุกครั้งไป ไม่ได้อะไรจากการหยั่งรู้เลย!
นี่ทำให้หลินสวินสงสัยว่าศิลาที่ไม่สะดุดตาสักนิดก้อนนี้ ตกลงเป็นมหาสมบัติแรกกำเนิดอันลึกลับสุดหยั่งตามคำร่ำลือนั้นหรือไม่กันแน่
“ลองอีกครั้ง!”
หลินสวินกัดฟันครั้งหนึ่ง แล้วหลับตาลงใหม่
เขาไม่รู้เลยว่าขณะที่เขาหยั่งรู้อยู่ในเขตหวงห้ามที่มีไอแรกกำเนิดอบอวล มีเจตจำนงสูงส่งสายแล้วสายเล่ากำลังจับตามองที่นี่อยู่
เจตจำนงเหล่านั้นล้วนมาจากเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่เร้นตัวอยู่ในเรือนมรรคโลกาสวรรค์ แต่ละคนต่างมีศักยภาพที่ทำให้ทั่วหล้าสั่นสะท้าน
ขณะนี้หนึ่งในเจตจำนงพลันเอ่ยว่า “ใกล้จะผ่านไปหนึ่งวันแล้ว ดูท่าเจ้าหนุ่มนี่จะไม่มีวาสนากับศิลามรรคโลกาสวรรค์”
“ข้ายังนึกว่าในที่สุดโลกก็นี้มีเด็กน้อยที่ล้ำเลิศโผล่ออกมาสักคน จะคิดได้อย่างไรว่าก็ไม่พิเศษอะไร”
“น่าเสียดาย ทุกหกสิบปีถึงมีโอกาสหยั่งรู้ศิลามรรคโลกาสวรรค์สักครั้ง ตอนนี้กลับถูกเจ้าหนูนี่ทำเสียของไปแล้ว…”
“เอ๊ะ เจ้าหมอนี่ยอมแพ้แล้วหรือ”
จู่ๆ คลื่นเจตจำนงของเฒ่าชราสายหนึ่งก็ดังขึ้น
แล้วก็เห็นว่าเบื้องหน้าศิลามรรคโลกาสวรรค์ หลินสวินลุกขึ้นเดินอยู่ใกล้ๆ เขามุ่นคิ้วคล้ายพบปัญหายากยิ่ง
“จะยอมแพ้หรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว ศิลามรรคโลกาสวรรค์ก้อนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะหยั่งรู้ได้ง่ายๆ อยู่ดี ทุกท่านไม่ต้องจับตามองอีกแล้ว”
“ก็ดี”
ไม่นานนักเจตจำนงเหล่านี้คล้ายรู้สึกว่าน่าเบื่อนัก หายลับไปอย่างเงียบๆ
เขตหวงห้ามที่ปกคลุมด้วยไอแรกกำเนิดแห่งนี้ บัดนี้เหลือเพียงหลินสวินกับศิลามรรคโลกาสวรรค์ที่อยู่ข้างๆ
ครู่ใหญ่หลินสวินหยุดเดิน นั่งลงข้างศิลามรรคโลกาสวรรค์แล้วพึมพำว่า “ถ้าไขว่คว้าอย่างแรงกล้าแล้วไม่ได้มา ไม่ไขว่คว้าก็ได้”
เขาไม่คิดอะไรมากอีก เริ่มนั่งสมาธิ อนุมานเขตแดนมรรคของตน
ตอนอยู่ในแดนลับโลกาสวรรค์ เขาก็มีสังหรณ์แรงกล้าแล้วว่า จุดเปลี่ยนที่จะพัฒนาให้เขตแดนมรรคถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดกำลังจะมาถึงแล้ว
ตอนนี้ว่างไม่มีอะไรทำ หลินสวินจึงอยากลองดูว่าก่อนไปเขตต้องห้ามเซียนโบราณ จะหลอมเขตแดนมรรคสำเร็จในคราวเดียวหรือไม่!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์