Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1963

สรุปบท ตอนที่ 1963 มหาลักษณ์ไร้รูป ขุ่นมัวดั่งหนึ่ง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 1963 มหาลักษณ์ไร้รูป ขุ่นมัวดั่งหนึ่ง จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1963 มหาลักษณ์ไร้รูป ขุ่นมัวดั่งหนึ่ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 1963 มหาลักษณ์ไร้รูป ขุ่นมัวดั่งหนึ่ง
ไอแรกกำเนิดอบอวล ฟ้าดินแห่งนี้เงียบเชียบไร้เสียง

พลังมหามรรคอุบัติขึ้นตรงหน้าหลินสวินช้าๆ ประหนึ่งความขุ่นมัวแรกกำเนิด ไม่อาจบ่งบอกลักษณะได้ กฎเกณฑ์พร่ามัวถักทอกันอยู่ในนั้น แผ่วลอยไหลเวียน

บางคราวควบรวมเป็นเตาหลอม มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุหมื่นมรรค มีอานุภาพกำราบอดีตปัจจุบันและอนาคต

บางคราวแปรสภาพเป็นหุบเหว ความลึกของมันไร้สิ้นสุด ความใหญ่ของมันเหลือประมาณ ประหนึ่งกลืนกินห้วงอากาศสิบทิศไปสิ้น

บางครั้งปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดก็กลับคืนสู่ความขุ่นมัวอีกครั้ง

มรรควิถีทั้งตัวหลินสวินก็วิวัฒน์เป็นวงจรเช่นนี้ หล่อหลอมและควบรวมอย่างต่อเนื่อง…

เขตแดนมรรค เป็นเขตแดนที่ควบรวมขึ้นด้วยมรรคที่ตนเองครอบครอง เปรียบดั่งโลกใบหนึ่ง เพราะคุณลักษณะแตกต่างกัน อานุภาพที่มีจึงไม่เหมือนกัน

โดยทั่วไปแล้ว มรรควิถียิ่งล้ำลึก คุณลักษณะของเขตแดนมรรคที่จะควบรวมได้ก็จะยิ่งสูง อานุภาพที่มีก็ยิ่งแข็งแกร่ง

เพียงแต่คิดจะควบรวมเขตแดนมรรคที่คุณลักษณะเรียกได้ว่าหายากในโลก นอกจากมรรควิถีล้ำลึกแล้ว ยังต้องมีความแน่วแน่ มีจิตวิญญาณและสติปัญญาอันยิ่งใหญ่ด้วย จำต้องทุ่มเลือดเนื้อไม่สิ้นมาปรับปรุงให้สมบูรณ์

นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องมีจุดเปลี่ยน!

ดังเช่นหลินสวิน ตั้งแต่บรรลุระดับมกุฎราชันอริยะขั้นต้น ก็ควบรวมต้นแบบเขตแดนมรรคออกมาได้แล้ว

แต่กระทั่งตอนนี้ผ่านมาหลายปี เขามีพลังปราณระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลายแล้ว แต่จะหลอมเขตแดนมรรคขั้นสมบูรณ์สูงสุดได้ ยังขาดจุดเปลี่ยนครั้งหนึ่งดังเดิม!

อีกไม่กี่วันก็จะเริ่มเดินทางไปเขตต้องห้ามเซียนโบราณแล้ว ถึงตอนนั้นอันตรายและการห้ำหั่นที่ต้องเผชิญจะต้องน่ากลัวอย่างไม่อาจจินตนาการได้

เรื่องนี้ทำให้หลินสวินเกิดความกดดันขึ้นในใจเช่นกัน

แต่ถ้าพัฒนาเขตแดนมรรคถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดแล้ว ตอนที่เข้าไปในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ก็เท่ากับมีรากฐานพลังในการรักษาชีวิตตัวเองเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วดุจสายน้ำ

หลินสวินดำดิ่งกับการอนุมานมรรควิถีของตนโดยสมบูรณ์ การหยั่งรู้และใจความที่ได้รับในช่วงหลังจากบรรลุระดับมกุฎราชันอริยะทั้งหมดล้วนผุดขึ้นในใจ ดั่งน้ำพุอันใสกระจ่าง

หลายปีมานี้เขาศึกษาคัมภีร์ร้อยสมุนไพรทั่วหล้า จึงได้รู้นัยน์เร้นลับมหามรรคที่สรรพสิ่งในใต้หล้ามี…

เขาหยั่งรู้คัมภีร์มหามรรคหวงถิง หยั่งถึงสุดยอดความลับที่มีอยู่ในอวัยวะตันห้า…

คัมภีร์มรรคที่เขาครอบครอง ต่างหลอมรวมเข้าไปในมรรควิถีของตนในระหว่างที่ฝึกปราณโดยไม่รู้ตัวมานานแล้ว

อย่างคัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด มรดกจากเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ คัมภีร์เก้ากระถางสยบหล้าที่มาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ คัมภีร์มหาครรภ์จุติที่อริยสงฆ์ตู้จี้กับนางพญาหงส์ทมิฬสร้างขึ้น คัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนที่มาจากจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน…

นอกจากนี้ การกรำศึกและเข่นฆ่านับไม่ถ้วนที่ประสบมาในหลายปีมานี้ ใจความและประสบการณ์ที่หล่อหลอมออกมาจากเลือดและเพลิง ความเป็นและความตาย ต่างก็เป็นดั่งการตกตะกอนและสั่งสมอย่างหนึ่ง แปรเปลี่ยนเป็นส่วนหนึ่งของมรรควิถี

แต่ว่าจะหยั่งรู้หรือได้ใจความขนาดไหน ก็ไม่อาจมีอิทธิพลและแปรเปลี่ยนหัวใจมหามรรคของหลินสวินได้

มรรควิถีของเขาบรรจุหมื่นมรรค สำแดงหมื่นวิชาได้ แต่กลับไม่อาจทดแทนได้!

เพราะมรรคที่เขาเสาะแสวง เป็นวิถีที่ ‘อดีตปัจจุบันอนาคต มรรคข้าเป็นหนึ่ง’!

ศิษย์พี่เสวียนคงเรียกได้ว่า ‘ใต้หล้าบนล่าง ไร้ศัตรูในระดับอริยะ’ ในม้วนหยกที่เขาทิ้งเอาไว้ก็บันทึกการหยั่งรู้และใจความของการไร้ศัตรูในระดับอริยะ

การศึกษาม้วนหยกนี้ ทำให้ความเข้าใจต่อ ‘มรรคที่ไม่เคยมีมาก่อน’ ของหลินสวินยิ่งลึกซึ้งขึ้น ทั้งยังแน่วแน่ในมรรคาของตนยิ่งขึ้น

การสัมผัส หยั่งรู้ ใจความ และประสบการณ์ทั้งหมดนี้… ล้วนกำลังปะทุอยู่ในใจหลินสวิน เหมือนศักยภาพแฝงมหามรรคที่สั่งสมอย่างหนึ่ง

หอสูงเก้าชั้นขึ้นจากกองดิน ไม้ใหญ่หลายคนโอบเกิดจากหน่ออ่อน

คำกล่าวที่ว่าสั่งสมจนแน่นหนาแล้วแผ่ออกช้าๆ ก็เป็นเช่นนี้

หลินสวินค่อยๆ ลืมทุกสิ่ง จิตใจว่างเปล่า ล่องลอยไปกับทิวาราตรี ลืมกาลเวลาที่ผันผ่าน ประสานความเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง ทั้งยังลืมฟ้า ลืมดิน ลืมคนไปสิ้น…

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขามีแต่มรรควิถีเฉกเช่นแรกกำเนิด แผ่วพลิ้วพลิกตลบ ไม่อาจบ่งบอกลักษณะ

กลิ่นอายพิบัติเคราะห์อุบัติขึ้นจากส่วนลึกของเวิ้งฟ้า พลังน่าหวาดหวั่นอันตรายฉายวาบ ประหนึ่งระเบียบมหามรรคอันสูงส่งถูกละเมิด!

“หืม?”

“เคราะห์ต้องห้ามหรือ!”

ขณะนี้เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่จำศีลอยู่ในเรือนมรรคโลกาสวรรค์บางคนใจสั่นระรัว สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

“เคราะห์ต้องห้ามที่น่ากลัวนัก ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จนตอนนี้เหมือนจะไม่เคยได้ยินว่ามีกลิ่นอายพิบัติเคราะห์เช่นนี้มาก่อน…”

“ทุกหนึ่งแสนปี ใต้หล้าแห่งนี้ก็จะเกิด ‘เคราะห์ฟ้าเปลี่ยน’ ที่ผิดปกติขึ้น ศึกมรรคสิบทิศในสมัยปลายยุคดึกดำบรรพ์ หรือศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิยุคบรรพกาลล้วนปะทุขึ้นเพราะฟ้าดินแปรผันครั้งใหญ่ หรือพิบัติเคราะห์ต้องห้ามนี้จะเป็นเค้าลางทำนองนี้เช่นกัน”

“ไม่ นี่เป็นเพียงเคราะห์ต้องห้ามเท่านั้น ไม่ใช่ภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับใต้หล้า ข้าสงสัยว่าเคราะห์ต้องห้ามนี้จะถูกใครกระตุ้นขึ้นมา”

“ถูกใครกระตุ้นหรือ ในแคว้นกลางมรรคแห่งนี้จะมีใครทำเช่นนี้ได้”

เจตจำนงอันน่าหวาดกลัวสายแล้วสายเล่าม้วนตลบพุ่งทะลุเมฆาในเรือนมรรคโลกาสวรรค์

ในขณะเดียวกัน

ในอาณาเขตของเรือนมรรคใหญ่และขุมอำนาจเก่าแก่ต่างๆ ในแคว้นกลางมรรคอันกว้างใหญ่ไพศาล ต่างมีเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่หลบเร้นเก็บตัวมาไม่รู้นานเท่าไรคนแล้วคนเล่าตื่นตะลึง

“พลังต้องห้าม!”

“กี่ปี่แล้ว พลังน่ากลัวขนาดนี้ทำไมถึงปรากฏขึ้นอีกครั้งได้”

“ไปตรวจสอบเร็วเข้า!”

……

“เอ๋?”

ซย่าสิงเลี่ยที่มาเป็นแขกในเรือนมรรคโลกาสวรรค์เลิกคิ้ว มองไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว แสงเทพมหามรรคอันน่าครั่นคร้ามไหววูบในดวงตาทั้งสอง

แววตาดุจคบเพลิง มองทะลุทั่วหล้าได้

ข้างๆ เขา พวกไท่ซูหง จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้น จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง จักรพรรดิมารผลาญนภาต่างใจสะท้านเช่นกัน หยุดสิ่งที่ทำอยู่

เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่หลบเร้นอยู่ในเรือนมรรคโลกาสวรรค์ สัตว์ประหลาดเฒ่าที่กระจายอยู่ตามขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ในแคว้นกลางมรรค หรือพวกซย่าสิงเลี่ย ยังไม่ทันได้สัมผัสกลิ่นอายต้องห้ามนั้นโดยละเอียด ก็ถูกพลังมหัศจรรย์คลุมเครือชนิดหนึ่งปิดบัง

“นี่…”

“ใครลงมือกัน ถึงกับปิดบังพลังต้องห้ามได้”

“ฝีมือน่าตกตะลึงนัก!”

เมื่อเขตแดนมรรคโคจรพวยพุ่ง สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณทั้งตัวหลินสวินก็ผสานเข้าไปในนั้นทั้งหมด

พริบตานั้นเขตแดนมรรคก็สำแดงภาพโลกแรกกำเนิด ใสขุ่นแบ่งแยกออกเป็นฟ้าดิน ห้วงอากาศมีสรรพสิ่งอุบัติขึ้น…

ประหนึ่งโลกไพศาลอันกว้างใหญ่และสมบูรณ์ รุ้งแวงฟ้าดิน สุริยันจันทราดารา หมื่นลักษณ์วัฏจักร สี่ฤดูหมุนเวียน สรรพสิ่งแปรเปลี่ยน…

มีลมเมฆรวมตัวเป็นครั้งคราว สายฟ้าฟาดเป็นพักๆ เผยภาพน่าตกตะลึงอย่างการเปลี่ยนผันของเรื่องราวในโลก วัฏจักรที่หมุนเวียนออกมา

สามเกิดเป็นสรรพสิ่ง!

หลินสวินในตอนนี้ก็เหมือนนายเหนือหัวของโลกแรกกำเนิด ความรู้สึกยอดเยี่ยมที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้เต็มเปี่ยมไปทั้งอก ในใจมีเสียงมรรคดังขึ้น

เขตแดนมรรคของข้า มีนามว่าแรกกำเนิด

ภายหน้า

จะสยบทั่วหล้า!

……

ขณะนี้บนศิลามรรคโลกาสวรรค์ที่อยู่ข้างหลังหลินสวิน มีอักษรมรรคดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ปรากฏขึ้นแถวหนึ่งอีกครั้ง

‘มหาลักษณ์ไร้รูป ขุ่นมัวดั่งหนึ่ง’!

……

ส่วนลึกของแดนแห่งปริศนาแห่งหนึ่ง

เวิ้งฟ้าขาดสะบั้น สายฟ้าดุจแม่น้ำสายหนึ่งฟาดฉับลงมาจากรอยขาด ประกายอสนีที่ถาโถมแปลงเป็นกระแสเชี่ยวกราก โหมซัดกลางฟ้าดิน

ภูเขาในบริเวณใกล้เคียงล้วนแข็งแกร่งจนน่ากลัว ถูกกระแสอสนีซัดใส่ก็ไม่ไหวติง

ยอดเขาหนึ่งในนั้นมีอารามมรรคหลังหนึ่งตั้งอยู่ หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าอารามมรรค ใบหน้าละมุน นิ้วเรียวยาวขาวกระจ่างถือเข็มปักผ้าเล่มหนึ่ง กำลังก้มหน้าเย็บเสื้อตัวหนึ่งอยู่เงียบๆ

เพียงแต่เส้นด้ายในรูเข็มปักผ้านั้นเป็นสายฟ้าคดเคี้ยวสว่างวาบสายหนึ่ง ส่วนเสื้อตัวนั้นก็ทำขึ้นจากหนังสัตว์ที่ปกคลุมด้วยลายมรรคฟ้าประทาน

เมื่อนางจรดแต่ละเข็มลงมา ก็จะมีกฏเกณฑ์มหามรรคนับไม่ถ้วนอุบัติขึ้นตามไปด้วย ราวกับลายเมฆที่มหัศจรรย์ยากบรรยายลายแล้วลายเล่า

‘เคราะห์ต้องห้ามหรือ’

จู่ๆ ในใจนางก็เกิดความหวั่นไหว หยุดสิ่งที่ทำอยู่ มองไปยังรอยแยกบนเวิ้งฟ้านั้น และเห็นพลังพิบัติเคราะห์ต้องห้ามเสี้ยวหนึ่ง

แต่ไม่ทันไรพิบัติเคราะห์ต้องห้ามนี้ก็ถูกบดบังเอาไว้

‘สิ่งที่สามารถบดบังกลิ่นอายต้องห้ามได้ เหมือนจะมีแต่มหาสมบัติแรกกำเนิดที่ถือกำเนิดขึ้นในแดนแห่งปริศนานี้ เป็นพลังของศิลามรรคโลกาสวรรค์หรือ’

นางครุ่นคิด

“ศิษย์พี่สาม”

เสียงต่ำลึกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากไกลๆ

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์