Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1964

สรุปบท ตอนที่ 1964 คันฉ่องมรรคยอดยุทธ์: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 1964 คันฉ่องมรรคยอดยุทธ์ – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1964 คันฉ่องมรรคยอดยุทธ์ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 1964 คันฉ่องมรรคยอดยุทธ์
ชายที่แต่งกายด้วยชุดฟาง สวมงอบ ผิวสีคล้ำเข้มคนหนึ่งเดินออกมาหนึ่งก้าวแล้วเคลื่อนตัวมา

ผู่เจิน!

ผู้สืบทอดคนที่สิบเอ็ดของคีรีดวงกมล!

บุคคลน่ากลัวที่นิสัยใจคอหนักแน่นสมถะราวกับชาวนาคนหนึ่ง เคยปรากฏตัวบนยานลมกรด ใช้สามหมัดถล่มสังหารภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิแห่งแดนกษิติครรภ์

ต่อหน้าเขา จักรพรรดิกระบี่วายุแห่งเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ยังทำได้แค่ก้มหัว

เพียงแต่เมื่อเขามาถึงยอดเขาที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำฟ้าคะนองแห่งนี้ ได้เผชิญหน้ากับสตรีที่กำลังนั่งก้มหน้าเย็บเสื้ออยู่หน้าอารามมรรค กลับดูวางมือไม้ไม่ถูกหาใดเทียบ

“ศิษย์น้อง เจ้ามาได้อย่างไร”

หญิงสาวลุกขึ้น ดวงหน้าอ่อนหวานชดช้อย เสียงก็นุ่มนวลดั่งลมวสันต์พัดผ่านหน้า

ผู่เจินเอ่ยตอบอย่างจริงใจ “ศิษย์พี่สาม ศิษย์น้องจวินหวนให้ข้ามาส่งสารให้ท่าน”

“จวินหวนหรือ”

ริมฝีปากหญิงสาวระบายยิ้ม “ข้าเดาว่านางต้องงอแงบีบให้เจ้ามาอีกแน่เลยใช่ไหม”

ผู่เจินอึดอัด ส่ายหัวเอ่ย “ความจริงข้าก็ไม่ได้เจอศิษย์พี่นานแล้ว อยากมาพบท่านเสียหน่อย”

หญิงสาวยิ้มอย่างอดไม่ได้ ศิษย์น้องสิบเอ็ดคนนี้ยังซื่อเหมือนแต่ก่อน

นางเอ่ยถาม “จวินหวนให้เจ้ามาส่งสารอะไรหรือ”

ผูจินรีบสื่อจิตบอกกล่าว

หญิงสาวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “อย่างนี้นี่เอง พูดแบบนี้ ต้องตัดสินใจใช้อีกฐานะหนึ่งไปอยู่บนโลกอีกครั้งจริงๆ แล้วใช่ไหม”

นางเงยหน้ามองดูรอยแยกบนห้วงอากาศนั้น ดวงตานุ่มละมุนดุจสายน้ำปรากฏแววแน่วแน่ “ช่างเถอะ ในเมื่อนี่เป็นการตัดสินใจร่วมกันของจวินหวนกับศิษย์น้องเสวียนเวย ข้าก็จะไปสักรอบ”

ผู่เจินค้อมกายเอ่ย “ก็มีแต่ศิษย์พี่ออกหน้า ถึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีเหตุไม่คาดฝันอะไร”

“รอเดี๋ยว”

เข็มปักผ้าที่นิ้วขาวสะอาดเรียวยาวของหญิงสาวพุ่งทะลวง จำแลงเป็นร่องรอยมหามรรคดั่งจับต้องได้เป็นสายๆ

ภายใต้การชักนำของเข็มปักผ้า ด้ายสายฟ้าเป็นริ้วๆ นั้นปรากฏอยู่บนหนังสัตว์ที่มีลายมรรคฟ้าประทานเหมือนลายเมฆเป็นก้อนๆ

ผู่เจินร้องอุทานในใจครู่หนึ่ง นี่ไม่ได้เจอกันเท่าไหร่เอง มรรควิถีของศิษย์พี่สาม… ยิ่งล้ำลึกไม่อาจหยั่งถึงแล้ว

ถ้าเขาจำไม่ผิด หนังผืนนั้นได้มาจากตัวสัตว์จักรพรรดิ ‘แมวป่ามาร’ ในแดนปริศนาแห่งนี้ นี่เป็นถึง ‘มารเทพ’ แต่กำเนิดที่ดุร้ายยิ่งพันธุ์หนึ่ง มีพลังน่ากลัวที่สามารถกินระดับจักรพรรดิได้!

และเส้นด้ายสายฟ้าเป็นริ้วๆ นั้นก็มาจากพลังกฎระเบียบที่มาจากส่วนลึกของฟ้าดิน มีนามว่า ‘อสนีมรรคแปรฟ้า’ ที่เป็นหนึ่งใน ‘อสนีทัณฑ์สวรรค์’

เพียงริ้วเดียวก็บดขยี้ร่างของระดับจักรพรรดิได้!

แต่ในมือศิษย์พี่สาม ไม่ว่าจะเป็นสัตว์จักรพรรดิแมวป่ามาร หรืออสนีมรรคแปรฟ้า ล้วนกลายเป็นวัสดุของเสื้อผ้าเสียได้…

นี่ทำให้ผู่เจินยังทอดถอนใจไปครู่หนึ่ง พอเทียบกับศิษย์พี่สามแล้ว ฝีมือของตน… ดูไม่ได้โดยสิ้นเชิง

สวบ!

ไม่นานนักหญิงสาวก็ชูมือขึ้นโยนชุดนักพรตที่เพิ่งตัดเย็บเสร็จขึ้นไปในอากาศ มันใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ปิดฟ้าคลุมตะวัน!

บริเวณห้วงอากาศที่ฉีกขาดนั้นถึงกับถูกชุดนักพรตชุดนี้ ‘ปะ’ เข้าแล้ว!

แม่น้ำสายฟ้าฟาดที่ไหลซัดออกมาจากรอยขาดนั้นก็หยุดลงฉับพลัน ไม่มีน้ำรั่วออกมาแม้แต่หยดเดียว

ภาพนี้ราวกับ ‘การปะฟ้า’ ในตำนานเล่าขาน!

และหญิงสาวก็เหมือนทำเรื่องเล็กอันแสนธรรมดาเรื่องหนึ่ง ยิ้มละไมเอ่ยว่า “ศิษย์น้อง เจ้าจะร่วมเดินทางกับข้าหรือไม่”

ผู่เจินส่ายหัว “ศิษย์น้องจวินหวนยังรอสารตอบกลับจากข้าน่ะ”

หญิงสาวหลุดหัวเราะ “แม่คนนี้ เอาเจ้าเป็นเด็กรับใช้เสียแล้ว ถ้าคราวหน้าได้เจอนางอีก ข้าจะต้องพูดกับนางดีๆ แล้ว”

ผู่เจินยิ้มขื่น “ศิษย์พี่ ท่านอย่าทำอย่างนี้เด็ดขาดเชียว นางถูกท่านเอ็ดแล้วจะต้องมางอนใส่ข้าแน่ สุดท้ายคนที่จะลำบากก็คือข้าอยู่ดี”

“เจ้านี่นะ โอ๋นางหนูนี่เกินไปแล้ว”

หญิงสาวอดไม่ได้ยิ้มพลางส่ายหัว “ช่างเถิด เช่นนั้นข้าก็จะไปก่อน”

นางเกล้าผมด้วยปิ่นไม้ รูปลักษณ์เกลี้ยงเกลา แต่งกายด้วยชุดกระโปรงสะอาดสะอ้านที่ปักด้วยลายเมฆ ท่าทางงามสง่า นุ่มนวลอ่อนหวาน

พอนางก้าวเดิน ภูผาธาราก็พลิกกลับ จักรวาลเปลี่ยนผัน สรรพสิ่งสรรพชีวิตคล้ายกลายเป็นสิ่งที่ขับเน้นอยู่ใต้เท้านางไปด้วย

ชั่วพริบตาตัวนางก็หายลับไป

ภูผาธารายังเป็นภูผาธาราเดิม ทว่าความเปล่งประกายกลับคล้ายหายไปเพราะการจากไปของนาง

นางมีนามว่ารั่วซู่

ลำดับสามของคีรีดวงกมล!

……

วันที่จะไปเขตต้องห้ามเซียนโบราณใกล้มาถึงแล้ว

เช้าตรู่วันนี้ เหล่าผู้แข็งแกร่งหนึ่งร้อยแปดคนอย่างหลินสวินถูกเรียกรวมตัวมา รออยู่ที่ยกพื้นมหึมาที่อยู่บนยอดเขาหลักโลกาสวรรค์แห่งนั้น

ในใจแต่ละคนเต็มไปด้วยความตั้งตาคอย ทั้งยังกระวนกระวายอยู่กลายๆ

เขตต้องห้ามเซียนโบราณ

หนึ่งในแปดเขตหวงห้ามใหญ่อันมีชื่อเสียงในโลกใหญ่หงเหมิง ตั้งอยู่ในส่วนลึกของแดนปริศนาที่ไม่อาจล่วงรู้ถึงอันตรายได้แห่งหนึ่ง มีชื่อเสียงร้ายๆ มาตั้งแต่โบราณ

ร่ำลือว่าระดับจักรพรรดิทุกคนที่เข้าไปในนั้นแทบจะไม่ได้กลับมาอีกเลย!

ส่วนผู้ฝึกปราณที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิก็ไม่มีความสามารถเข้าใกล้สถานที่มหาโหดนั้นได้อยู่แล้ว

“อีกเดี๋ยวข้าจะพาพวกเจ้าไปยัง ‘เขาเมฆา’ ด้วยกันกับเหล่าสหายยุทธ์ผู้อื่น คราวนี้พวกเราจะลงมือบุกเบิกเส้นทางไปยังเขตต้องห้ามเซียนโบราณด้วยกัน พวกเจ้าทั้งหนึ่งร้อยแปดคนก็จะเข้าไปสำรวจตำแหน่งของมหาสมบัติแรกกำเนิดได้ด้วย”

ทันใดนั้น เสียงของไท่ซูหงก็ดังขึ้นที่ยอดเขา

พวกหลินสวินเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเหล่าบุคคลระดับจักรพรรดิอย่างไท่ซูหง ซย่าสิงเลี่ยปรากฏตัวที่ยอดเขาอยู่ก่อนไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหน แต่ละคนประหนึ่งนายเหนือหัวผู้สูงส่ง

เขาเมฆาก็อยู่ที่สุดทางเหนือของแคว้นกลางมรรค ข้ามเขาเมฆาไปทางเหนือก็จะเป็นแดนปริศนาที่เหมือนไร้ขอบเขต

หมายจะไปยังเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ก็ต้องเริ่มจากเขาเมฆา

ข้อมูลเหล่านี้พวกหลินสวินรู้มานานแล้ว

“จำไว้ว่าทางเส้นนี้คงอยู่ได้แค่สามเดือน หลังจากสามเดือน ไม่ว่าจะได้ผลเก็บเกี่ยวหรือไม่ ก็ต้องกลับมาให้ทันเวลา หาไม่แล้วชาตินี้ก็จะถูกขังอยู่ในนั้น ไม่มีความหวังจะหวนกลับมาได้อีก”

คำพูดนี้ของไท่ซูหง ทำให้พวกหลินสวินต่างหวาดหวั่นใจ

“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ออกเดินทางได้แล้ว”

ไท่ซูหงพูดจบ กำลังจะเคลื่อนไหว จู่ๆ จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้น “ช้าก่อน!”

เพียงสองคำ ทำให้สายตาทั้งที่นั้นถูกดึงดูดไปหานาง

“ไปเขตต้องห้ามเซียนโบราณคราวนี้ มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงใหญ่หลวงนัก ทุกท่านต่างรู้อยู่แก่ใจว่ามหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นหนึ่งมีความหมายอย่างไร”

เนตรดาราของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงลุ่มลึก เย็นชาน่ากลัว “คราวนี้ พวกเรารวมกำลังเหล่าระดับจักรพรรดิ ถึงมีโอกาสไปเขตต้องห้ามเซียนโบราณสักครั้ง ข้าไม่อยากให้โอกาสเช่นนี้ถูกคนที่มีเจตนาร้ายบางคนทำให้แปดเปื้อน!”

คำพูดเดียวประหนึ่งอสนีบาต ทำให้ทั้งที่นั้นงุนงง

มีเจตนาร้ายหรือ!

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงสัมผัสได้ถึงอะไรหรือ

“สหายยุทธ์ หนึ่งร้อยแปดคนนี้ล้วนเป็นคนที่เลือกมาด้วยสายตาของพวกเราทั้งนั้น จะมีคนที่มีเจตนาร้ายได้อย่างไร”

ไท่ซูหงนิ่วหน้า เขาคิดไม่ถึงว่า ก่อนออกเดินทางจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงจะเอ่ยวาจาเช่นนี้อย่างกะทันหัน

“พี่ไท่ซู บนโลกนี้มีพลังมากมายที่สามารถหลบเลี่ยงการตรวจสอบของพวกเราไปได้ ข้าพูดเช่นนี้ก็เพื่อเผื่อไว้ ถึงอย่างไรโอกาสที่พวกเราชิงมาได้อย่างยากลำบาก ไม่ว่าจะระมัดระวังป้องกันไว้อีกแค่ไหนก็ไม่เกินไป”

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงสีหน้าเฉยชา ขณะที่พูด นางก็พลิกฝ่ามือ มีคันฉ่องทองแดงเก่าแก่บานหนึ่งเพิ่มขึ้นมา แล้วพูดว่า

“นี่คือ‘คันฉ่องมรรคยอดยุทธ์’ สมบัติพิทักษ์สำนักของเรือนมรรคจักรวาล ไม่ว่าจะปลอมตัวขนาดไหน ขอเพียงอยู่ใต้กระจกนี้ล้วนไม่อาจปิดบัง”

คำพูดนี้เพิ่งเงียบลง นัยน์ตาซย่าสิงเลี่ยหดเกร็งโดยพลัน ยายแก่นี่ ดันเอาสมบัติแบบนี้ออกมาตอนนี้เสียได้!

เขารู้ถึงพลังคันฉ่องมรรคยอดยุทธ์เป็นอย่างดี ไม่เพียงมองทะลุการปลอมตัว ทั้งยังทำลายมรรคมายาต่างๆ ได้ด้วย

ในขณะเดียวกัน ในใจหลินสวินก็สั่นาสะท้าน รับรู้ได้อย่างฉับไวว่าการกระทำนี้ของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง เป็นไปได้สูงที่จะพุ่งเป้ามาที่ตน

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์