Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1965

สรุปบท ตอนที่ 1965 บีบคั้นข่มขู่: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 1965 บีบคั้นข่มขู่ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1965 บีบคั้นข่มขู่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 1965 บีบคั้นข่มขู่
หืม?

หลินสวินสังเกตเห็นได้อย่างแม่นยำ สายตาของซย่าสิงเลี่ยมองมาทางตน ในขณะเดียวกัน เสียงของเขาก็ดังขึ้นในโสตประสาทว่า

‘สหายน้อย ทันทีที่ฐานะของเจ้าถูกเปิดเผย พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ที่นี่จะต้องคลั่งแน่!’

‘ถึงอย่างไรที่แหล่งสถานคุนหลุนตอนนั้น ยังไม่ต้องยกเรื่องเจ้าฆ่าผู้สืบทอดหกเรือนมรรคใหญ่กับสิบเผ่านักรบใหญ่เหล่านั้น แค่เจ้าได้ยอดศุภโชคที่มีความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์นั้นไป ก็เพียงพอจะทำให้ระดับจักรพรรดิที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าคนไหนก็ปล่อยเจ้าไปไม่ได้แล้ว’

พูดถึงตรงนี้ซย่าสิงเลี่ยก็เปลี่ยนเรื่อง ‘ทว่าตอนนี้ยังมีโอกาสกู้สถานการณ์ ทว่าเมื่อข้าลงมือ เกรงว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสเข้าไปในเขตต้องห้ามเซียนโบราณอีก ฉวยจังหวะนี้เจ้าเลือกดูเถอะ’

เสียงเคร่งเครียดอย่างหาได้ยาก

ดวงตาดำหลินสวินไหววูบ เอ่ยว่า ‘ผู้อาวุโสวางใจ สมบัติที่ปิดบังกลิ่นอายบนตัวข้าอาจจะถูกหาเจอ แต่ฐานะที่แท้จริงของข้าจะไม่ถูกใครล่วงรู้แน่’

ชุดนักพรตสมประสงค์เป็นสมบัติจักรพรรดิที่มหัศจรรย์หาใดเทียบชิ้นหนึ่ง ได้มาจากรั่วซู่ ศิษย์พี่สามของคีรีดวงกมล ต่อให้ถูกมองออกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

เพราะความวิเศษที่สุดของสมบัตินี้ ก็คือยามต่อสู้สามารถสลายการสอดแนมจากระดับจักรพรรดิได้ ดังนั้นจึงปิดบังมรดกวิชาที่มาที่ไปได้สำเร็จ

และในตอนนี้หลินสวินไม่ได้ต่อสู้อยู่

เช่นเดียวกัน เขาในตอนนี้ปรากฏตัวด้วยกายมรรคทองขาว ไม่ใช่การปลอมตัวอยู่แล้ว ต่อให้คันฉ่องมรรคยอดยุทธ์นั้นมหัศจรรย์แค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้

ซย่าสิงเลี่ยชะงักไป ครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า ‘ได้ แล้วแต่เจ้า’

สายตาหลินสวินมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลคนหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ

คนผู้นี้มีผิวสีทองอ่อน คิ้วตากร้าวแกร่ง ร่างกายสูงใหญ่ดั่งภูผา มีบุคลิกหนักแน่นดั่งโลหะ

เขามีฉายาธรรมว่าอู้เสวียน

ตอนนี้ก็ปรากฏตัวด้วยนาม ‘อู้เสวียน’ นี้

แต่หลินสวินรู้ดี หมอนี่มาจากแดนกษิติครรภ์ที่เป็นหนึ่งในสามโลกมืด!

ก่อนหน้านี้ในแดนลับโลกาสวรรค์ ก็เพราะอู้เสวียนโจมตีเหลิ่งซิวเจีย จึงเกือบทำให้เหลิ่งซิวเจียถูกคัดออกจากการคัดเลือก

เดิมทีหลินสวินคิดว่าพอได้เผชิญหน้ากับการข่มขู่ของคันฉ่องมรรคยอดยุทธ์ คนผู้นี้จะต้องลนลานแน่ ถึงอย่างไรฐานะของเขาก็ละเอียดอ่อนถึงที่สุดเหมือนกัน

จะคิดได้อย่างไรว่าอู้เสวียนกลับแน่วนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีปฏิกิริยาใดสักนิดเดียว!

หลินสวินอึ้งไป

ทันใดนั้นข้างหูก็ได้ยินเสียงสื่อจิตของซย่าสิงเลี่ย

‘ไม่ต้องสนใจเจ้าคนที่มาจากโลกมืดพวกนี้ การไปเขตต้องห้ามเซียนโบราณคราวนี้ ขุมอำนาจใหญ่อย่างหกเรือนมรรคใหญ่กับสิบเผ่านักรบใหญ่ ยอมรับผู้สืบทอดจากโลกมืดให้เข้าร่วมได้อย่างลับๆ นานแล้ว’

‘สาเหตุน่ะหรือ ง่ายดายนัก ถ้าไม่ยอมรับ โลกมืดก็จะส่งเฒ่าชราบางคนมาระราน ถ้าเกิดทำลายเส้นทางที่จะไปเขตต้องห้ามเซียนโบราณขึ้นมา เช่นนั้นผลลัพธ์ก็จะร้ายแรงแล้ว’

หลินสวินถึงเข้าใจทั้งหมดในยามนี้

จากจุดนี้เห็นได้ว่า โลกมืดก็ติดตามการเดินทางไปเขตต้องห้ามเซียนโบราณคราวนี้เป็นอย่างยิ่งเช่นกัน ทั้งยังมาเข้าร่วมด้วย!

คิดดูแล้วก็จริง ศิลามรรคโลกาสวรรค์ก้อนหนึ่งทำให้เกิดสำนักเก่าแก่ชื่อสะท้านฟ้าดาราแห่งหนึ่ง ตอนนี้ยังมีชื่ออยู่ในหกเรือนมรรคใหญ่ ทั่วหล้าครั่นคร้าม

และตอนนี้ เป็นไปได้สูงมากที่สมบัติซึ่งถือกำเนิดในเขตต้องห้ามเซียนโบราณชิ้นนั้น จะเป็นมหาสมบัติแรกกำเนิดเหมือนศิลามรรคโลกาสวรรค์ เรื่องนี้จะไม่ทำให้ขุมอำนาจไหนในใต้หล้าตาลุกวาวบ้าง

“ช่างเถิด ในเมื่อสหายมรรคดื้อดึงเช่นนี้ เช่นนั้นก็เริ่มตรวจดูเถิด”

ไท่ซูหงไม่ขวางอีก

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงพยักหน้า

ขวับ!

สายตานางหยุดอยู่ที่หลินสวินแทบจะในทันที “จินตู๋อี เจ้าเป็นอันดับหนึ่งของการถกมรรคแดนลับโลกาสวรรค์ ย่อมต้องเริ่มที่เจ้า เจ้ามีความเห็นไหม”

เสียงเรียบเฉยเจือความเย่อหยิ่งและพินิจพิเคราะห์ ราวกับจับจ้องเหยื่อตัวหนึ่ง

เดิมนางนึกว่าจะได้เห็นความรู้สึกกังวลว้าวุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินสวินบ้าง แต่สุดท้ายนางก็ต้องผิดหวัง

หลินสวินเยือกเย็นมากอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังให้ความร่วมมือยิ่ง เอ่ยว่า “ไม่ปิดบังผู้อาวุโสทุกท่าน ตอนข้าเข้าร่วมการชุมนุมถกมรรคครั้งนี้ก็ปิดบังกลิ่นอายบนตัวบ้างจริงๆ แต่ถ้าบอกว่าข้ามีเจตนาชั่วร้าย ข้าไม่ยอมรับ”

ขณะที่พูดบนร่างเขาก็มีแสงเทพฉายวาบ เสื้อคลุมตัวหนึ่งปลิวลอยออกจากร่าง กลายเป็นแสงประกายสีเงินวงหนึ่งล้อมรอบนิ้วมือเขาไว้

พอไม่มีชุดนักพรตสมประสงค์ปิดบัง กลิ่นอายและรูปลักษณ์ของหลินสวินไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไร

แต่ในสายตาของคนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิเหล่านั้นกลับมองเบาะแสอะไรบางอย่างออก พูดอีกอย่างก็คือ พวกเขาถูกประกายแสงสีเงินที่นิ้วมือหลินสวินวงนั้นดึงดูดสายตาไป

สมบัติจักรพรรดิ!

พวกเขาระบุคุณลักษณะของชุดนักพรตสมประสงค์ได้ทันที นัยน์ตาต่างหดรัด

ด้วยระดับอย่างพวกเขา ย่อมเคยเห็นสมบัติจักรพรรดิต่างๆ มามาก แต่กลับยังไม่เคยเห็นว่าใครจะหลอมสมบัติจักรพรรดิเป็นเสื้อผ้า เพียงเพื่อปิดบังกลิ่นอายของตนเอง

สิ่งนี้จะหรูหราเกินไปแล้ว ฟู่ฟ่าจนน่าตกตะลึง!

ชั่วขณะเดียวสายตาที่ระดับจักรพรรดิมองหลินสวินก็แปรเปลี่ยนเป็นชอบกล เจ้าหนุ่มนี่… มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่

แต่กลับเห็นจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงสีหน้าขรึมลง “เจ้าหนุ่ม ยังพูดว่าเจ้าไม่มีเจตนาร้าย สวมใส่สมบัติจักรพรรดิเช่นนี้ไม่ได้เพื่อปิดบังตัวตนหรือ บอกมา เจ้าเป็นใครกันแน่!”

น้ำเสียงดุดัน อำนาจกดข่ม!

อานุภาพระดับจักรพรรดิทำให้หลินสวินรวมถึงทุกคนที่อยู่ใกล้กันต่างตัวแข็งทื่อ หายใจไม่สะดวก

ซย่าสิงเลี่ยเอ่ยปากเสียงเรียบว่า “ถ้าเจ้ากังขาฐานะของเจ้าหนุ่มนี่ก็เปิดโปงเขาท่ามกลางฝูงชน ถ้าเพียงแค่กังขาแต่ไม่มีหลักฐาน เช่นนั้นก็เป็นการใช้อำนาจรังแกผู้อื่น ข้าคงต้องสอดมือยุ่งเกี่ยวหน่อยแล้ว”

นี่ก็คือกายมรรคทองขาว รูปลักษณ์เปลี่ยนแปลงได้ กลิ่นอายกับท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์บนร่าง รวมถึงนัยเร้นลับทั้งภายในภายนอกร่างกายแตกต่างจากร่างต้นโดยสิ้นเชิง

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงอึ้งไป เอ่ยอย่างตะลึงว่า “ทำไมเป็นแบบนี้…”

ซย่าสิงเลี่ยพูดอย่างเย็นชาว่า “ยายแก่อย่างเจ้านี่ก่อเรื่องวุ่นวายพอหรือยัง ใช้ฐานะระดับจักรพรรดิไปสร้างความลำบากใจให้คนรุ่นหลังคนหนึ่งเพื่อระบายความไม่พอใจในใจ ไม่รู้สึกละอายหรือ ข้ายังขายหน้าแทนเจ้าเลย!”

วาจานี้พูดออกมาอย่างไม่เกรงใจสักนิด

ความจริงแล้วซย่าสิงเลี่ยก็ลอบถอนหายใจโล่งอกเช่นกัน เมื่อกี้เขากำมือจนเหงื่อโชก ตอนนี้ถือว่าวางใจไปมากแล้วในที่สุด

พวกไท่ซูหงก็นิ่วหน้าอยู่บ้าง ท่าทีของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงออกจะไม่เหมาะสมอยู่บ้างจริงๆ

“ไม่ถูกต้อง บนตัวเจ้านี่ต้องมีปัญหาแน่!”

ทันใดนั้นจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ เอ่ยว่า “ทุกท่านจำได้ไหม ว่าในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิเมื่อยุคบรรพกาล เคยมีเจ้าเฒ่าคีรีดวงกมลคนหนึ่งควบรวมร่างแยกระดับจักรพรรดิได้ห้าร่าง แต่ละร่างล้วนมีอานุภาพและท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ต่างกันโดยสินเชิง ไม่เหมือนกับร่างต้นเลย”

เก่ออวี้ผู!

ชื่อหนึ่งต่างผุดขึ้นในสมองพวกไท่ซูหงโดยมิได้นัดหมาย หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ คนผู้นั้นเป็นผู้สืบทอดลำดับที่เก้าแห่งคีรีดวงกมล เป็น ‘จอมจักรพรรดิหวงถิง’ ที่กิตติศัพท์เลื่องลือไปทั่วหล้า!

จักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนซึ่งเป็นผู้นำของเจ็ดจักรพรรดิอสูรมารดึกดำบรรพ์ก็ถูกคนผู้นี้สยบ!

และที่เก่ออวี้ผูเด่นดังที่สุดก็คือ ได้ครอบครอง ‘กายจักรพรรดิห้าธรรม’ คนผู้เดียวสู้ศึก ก็เทียบได้กับระดับจักรพรรดิหกคนร่วมกันลงมือ อานุภาพน่ากลัวยิ่งยวด

“เจ้าคงไม่ได้สงสัยว่าเจ้านี่มาจาก…”

จักรพรรดิมารผลาญนภาคล้ายตระหนักอะไรได้ นัยน์ตาหดเกร็งไปหมด

“ใช่แล้ว ข้าสงสัยว่าเป็นไปได้สูงมากที่เจ้านี่ก็คือผู้สืบทอดของเจ้าเฒ่าคีรีดวงกมลนั่น เป็นเศษเดนที่ควรกำจัดให้สิ้นซาก!”

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงน้ำเสียงเย็นชา

ขณะนี้ขนาดซย่าสิงเลี่ยยังประหลาดใจไปครู่หนึ่ง เขารู้แค่เรื่องหลินสวินเคยก่อเรื่องใหญ่ที่แหล่งสถานคุนหลุน ครอบครองยอดศุภโชคที่มีความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ชิ้นหนึ่งเท่านั้น

แต่ไม่เคยคิดว่าหลินสวิจะเกี่ยวข้องกับคีรีดวงกมล!

ส่วนเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มีสิทธิ์เข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณอย่างหมีอู๋หยา หวงฝู่เซ่าหนงก็งุนงงไปครู่หนึ่ง

พวกเขาคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะแปรผันมาถึงขั้นนี้ ชั่วขณะเดียวจินตู๋อีดันกลายเป็นเศษเดนที่เหลือรอดของคีรีดวงกมล!

พวกเขาก็รู้จักคีรีดวงกมลเช่นกัน ทั้งยังรู้ว่าในสมัยบรรพกาล ยอดสำนักที่เต็มไปด้วยตำนานแห่งนี้ถูกทำลายไปตั้งแต่หลังศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิแล้ว

ถ้าการสันนิษฐานของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเป็นจริง เช่นนั้นผลลัพธ์ที่จินตู๋อีกำลังจะเผชิญก็ร้ายแรงแล้ว!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์