ความแม่นยำในการคาดเดาของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง ทำเอาหลินสวินอุทานในใจไม่หยุด
แต่นี่ก็เป็นเพียงความสงสัยอยู่ดี ไม่มีหลักฐานยืนยัน
ทว่าตอนที่หลินสวินกำลังจะพูดอะไร จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“เพียงเพราะจินตู๋อีได้อันดับหนึ่งก็ถูกสงสัยและกดข่มมากมายเช่นนี้ ผู้อาวุโสท่านนี้ ท่านไม่รู้สึกว่าเกินไปหน่อยหรือ”
เสียงเนือยๆ เจือความกังขาและถากถาง ดูไม่เคารพนัก
ขวับ!
สายตามากมายมองไป ก็เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดผ้าป่าน ใบหน้าหล่อเหลา ยืนเอ้อระเหยอยู่ตรงนั้น
สีหน้าทุกคนต่างตกตะลึง ใครก็คิดไม่ถึงว่าเผชิญหน้ากับบุคคลสูงส่งอย่างจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง เขาจะกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้
หลินสวินก็อึ้งไป เพราะจำได้ว่าเด็กหนุ่มชุดป่านนั้นก็คือเสวียนจิ่วอิ้น!
ทว่าเจ้าหมอนี่ไม่ได้ชอบดูเรื่องสนุกเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่เข้ามาร่วมในคลื่นลมที่เกี่ยวข้องกับตนนี้
นี่ทำให้หลินสวินประหลาดใจ
“เกินไปหรือ เจ้าตัวจ้อยอย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตำหนิว่าข้าทำเกินไป”
ในใจจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงโกรธนัก ถูกหลินสวินเถียงก็ทำให้นางไม่ชอบใจแล้ว ตอนนี้กลับกระโดดออกมาอีกคน ท่าทีถึงขั้นเหิมเกริมยิ่งกว่า เรื่องนี้ทำให้นางอับอายอยู่บ้าง
นางเป็นถึงระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง!
คนรุ่นหลังบางส่วนกลับกล้ามาท้าทายบารมีนางหรือ
ถ้าไม่ติดที่โอกาสไม่เหมาะ จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงคงลงมือไปนานแล้ว!
แต่กลับเห็นว่าเด็กหนุ่มชุดป่านเสวียนจิ่วอิ้นไม่เพียงไม่ถอยหนี กลับเท้าเอวเงยหน้าพูดเสียงดังว่า
“น่าขัน ตำหนิยายแก่อย่างเจ้าคนหนึ่งยังต้องมีสิทธิ์บ้าบออะไร ข้าแค่พูดว่าเจ้าทำเกินไปแล้ว ถ้าแน่จริงเจ้าก็ฆ่าข้าตอนนี้เลย ดูซิว่าข้าจะนิ่วหน้าไหม!”
คำพูดเดียวทำให้ผู้คนไม่รู้เท่าไรหน้าเปลี่ยนสี สูดหายใจสะท้านไม่หยุด นี่เป็นเพียงการไม่เคารพเสียที่ไหน เป็นการชี้หน้าด่าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงไปแล้ว!
‘เจ้าหมอนี่ทุ่มมากไปแล้วกระมัง…’
หลินสวินยังอึ้งไป แววตาที่มองดูเด็กหนุ่มชุดป่านไม่เหมือนเดิมแล้ว
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงโกรธจนหน้าคล้ำเขียว พายุมหามรรคน่ากลัวไหววูบในดวงตา ทำให้ฟ้าดินแห่งนั้นหวีดร้อง อานุภาพกดข่มน่าครั่นคร้ามอบอวลไปทั้งที่นั้น
ไท่ซูหงก้าวออกมาก้าวหนึ่งอย่างไม่ทิ้งร่องรอย โคจรพลังสลายอานุภาพจักรพรรดินี้ แล้วเอ่ยเตือนเสียงเบาว่า “สหายมรรค เจ้าหนุ่มนี่แซ่เสวียน”
เสวียน!
เพียงแค่แซ่หนึ่งเท่านั้น!
ขณะนี้กลับเหมือนน้ำเย็นราดรดหัวจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง ชะไฟโทสะในใจนางให้สลายไป ทำให้นางสงบลง
เพียงแต่สายตาที่นางมองเสวียนจิ่วอิ้นก็ยังไม่เป็นมิตรเหมือนเดิม “เจ้าหนู ตระกูลเบื้องหลังเจ้าปกป้องเจ้าได้ก็จริง แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะมีสิทธิ์ท้าทายระดับจักรพรรดิ ตอนนี้เจ้ายืนอยู่นิ่งๆ เสีย”
ขณะที่พูดนางก็ชี้ออกไปกลางอากาศ
เสวียนจิ่วอิ้นเหมือนถูกผนึก จะพูดยังพูดไม่ออก พลันโกรธจนอยากจะพ่นไฟโทสะออกมาตรงๆ แต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรล้วนทำไม่ได้แม้แต่ดีดนิ้ว
นี่ก็คือระดับจักรพรรดิ!
แม้แต่คนที่มีชาติกำเนิดอย่างเสวียนจิ่วอิ้น ยังไม่มีพลังไปสั่นคลอนเจตจำนงของระดับจักรพรรดิได้สักนิด
“ตอนนี้ถึงตาเจ้าแล้ว”
สายตาของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงมองไปที่หลินสวิน สีหน้าเรียบเฉยเย็นชา “วันนี้ไม่ว่าใครมา ก็ไม่มีทางขัดขวางความตั้งใจของข้าที่จะเปิดเผยตัวตน ฉีกหน้ากากเจ้าได้”
ระดับจักรพรรดิหลายคนสีหน้าต่างกันไป
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงสันนิษฐานว่าหลินสวินเป็นเศษเดนของคีรีดวงกมล นี่ทำให้พวกเขาไม่อาจสงบใจได้อยู่บ้าง ดังนั้นไม่ว่าใครล้วนไม่ขัดขวาง ต่างอยากเห็นว่าสิ่งที่จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงพูดจะเป็นจริงหรือไม่
“สหายยุทธ์ ควรหยุดก็หยุดเถิด”
ไท่ซูหงนิ่วหน้าเอ่ย
“วางใจได้ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ใช่เศษเดนของคีรีดวงกมล ข้ารับรองว่าจะไม่ทำร้ายเขาแม้แต่ปลายก้อย”
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเอ่ยเสียงเรียบ
นางดูมั่นใจหาใดเทียบ
นี่ทำให้ในใจซย่าสิงเลี่ยไม่สงบไปครู่หนึ่ง สงสัยว่าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกันแน่ เหตุใดถึงกล้ายืนยันหนักแน่นว่าฐานะของหลินสวินมีปัญหาเช่นนี้
หรือว่า…
นางจะไปสืบรู้ข่าวอะไรมาก่อนแล้ว
แต่ไม่ว่าอย่างไร สถานการณ์ของหลินสวินในตอนนี้ก็อันตรายถึงที่สุดแล้ว!
“เจ้าจะทำอะไร”
ซย่าสิงเลี่ยพูดอย่างอดไม่ได้
“ง่ายมาก ค้นตัว”
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเอ่ย “เจ้านี่ต้องพกสมบัติไว้กับตัวไม่น้อยแน่ ขอเพียงเขาเอาออกมาให้ตรวจสอบทีละชิ้นก็ได้แล้ว”
ซย่าสิงเลี่ยถามอีก “ถ้าค้นตัวแล้วยังไม่อาจพิสูจน์ได้ล่ะ”
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงคล้ายเตรียมไว้ก่อนแล้ว เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ใช้จิตรับรู้ตรวจสอบร่างกายและจิตวิญญาณของเขา ร่างกายเปลี่ยนได้ แต่ความทรงจำกับประสบการณ์ของคนผู้หนึ่ง อย่างไรก็ปลอมไม่ได้”
เฮือก!
หลายคนสูดหายใจเย็น รับรู้ได้ว่าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงกัดหลินสวินไม่ปล่อยแล้วจริงๆ ท่าทางถ้าสืบหาความจริงออกมาไม่ได้ก็จะไม่ยอมเลิกรา!
ซย่าสิงเลี่ยสีหน้าเคร่งเครียด “เกินไปแล้ว! ถ้าจินตู๋อีเป็นผู้สืบทอดของหกเรือนมรรคใหญ่กับสิบเผ่านักรบใหญ่ เจ้าจะกล้าใช้วิธีล้ำเส้นเช่นนี้ไหม”
ไม่ว่าจะเป็นค้นตัวหรือค้นจิตวิญญาณ สำหรับผู้ฝึกปราณคนหนึ่งก็ล้วนเป็นการล่วงเกินและล้ำเส้นต่อศักดิ์ศรีของเขาอย่างหยาบคายถึงที่สุด!
ผู้ฝึกปราณในที่นั้นหลายคนก็ไม่สบายใจ แต่กลับติดที่อำนาจของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง จึงได้แต่โกรธไม่กล้าพูดจา
ตาดำของหลินสวินลุ่มลึก ไอสังหารที่ไม่อาจกดข่มได้ไหวเคลื่อนอยู่ในใจ
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเหตุผลใด เพียงแค่ถูกจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเพ่งเล็งเช่นนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกโกรธอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ค้นตัว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์