Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1982

ตอนที่ 1982 มรรคข้าไม่โดดเดี่ยว คนเช่นข้ามีศัตรู
ตอนที่หมีอู๋หยารู้ถึงผลงานการศึกของหลินสวินก็เพียงแค่อึ้งไป นัยน์ตากระจ่างดุจทะเลสาบนั่นทอประกายวาบน่าตกใจขึ้นมา

“เจ้าหมอนี่เป็นคนประเภทเดียวกับข้า”

หลังเอ่ยประโยคนี้ออกมาหมีอู๋หยากลับยิ้ม นั่นเป็นรอยยิ้มบางๆ ที่รู้อยู่แก่ใจอย่างหนึ่ง และเป็นรอยยิ้มที่ผู้สืบทอดเรือนมรรคยุทธจักรคนอื่นๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน

เพราะในภาพจำของพวกเขา หมีอู๋หยาเป็นคนไม่ใส่ใจเรื่องใดเสมอมา ดุจเมฆที่ลอยเอื่อย ปราศจากกังวล ไร้สิ่งสนใจ

ถึงขั้นให้ความรู้สึกเปลี่ยวเหงา โดดเดี่ยว ยิ่งสูงยิ่งหนาวให้แก่ผู้คน

แต่หมีอู๋หยาในตอนนี้ กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ก็เหมือนเงียบเหงาหมื่นยุค สุดท้ายได้เจอผู้รู้ใจ เป็นความชื่นมื่นและยินดีจากภายในสู่ภายนอกอย่างหนึ่ง

“ศิษย์พี่ ยังจะไล่ตามหรือไม่”

มีคนถามหมีอู๋หยาเช่นนี้เหมือนกัน

“ข้าอยากตัดสินอย่างเป็นธรรมกับเขา ยามนี้เวลาไม่เหมาะ ปล่อยให้เขาไปก่อน”

หมีอู๋หยาเอ่ยปากเนิบช้า

ไม่มีใครรู้ดียิ่งกว่าเขา ตอนที่ยืนตระหง่านบนยอดสุดของระดับเดียวกัน ทอดสายตามองออกไปดันไร้คู่ต่อสู้ที่คู่ควรแล้ว ในใจช่างเปลี่ยวเหงาเพียงใด

สำหรับหมีอู๋หยา บนเส้นทางแห่งมหามรรค เรื่องที่ควรค่าให้รื่นอุรามากที่สุดมีเพียงคำพูดนี้เท่านั้น

พบคู่แข่งฝีมือทัดเทียม ประชันดุเดือดถึงใจ!

และตอนนี้ฝีมือของหลินสวิน ในที่สุดก็ทำให้หมีอู๋หยาเกิดความรู้สึก ‘มรรคข้าไม่โดดเดี่ยว คนเช่นข้ามีศัตรู’ ขึ้นมา

“ไปเถอะ ข้าต้อง… เตรียมตัวดีๆ สักหน่อย”

หมีอู๋หยายิ้มพลางหันตัว

เขาไม่เคยเตรียมตัวต่อสู้มานานมากแล้ว เพราะ… ในหกร้อยปีนี้ที่ครองกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ เขาไม่เคยพบคู่ต่อสู้อย่างแท้จริง

‘จินตู๋อี ศุภโชคที่มีความลับบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์นั่นข้าไม่เอาก็ได้ แต่ขอเพียง… เจ้าพ่ายแพ้!’

หมีอู๋หยากล่าวในใจเบาๆ

ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นหมีอู๋หยาให้ความสำคัญกับคู่ต่อสู้เช่นนี้ และคู่ต่อสู้คนนี้ เป็นคนที่พวกเขาต่างคาดไม่ถึง…

จินตู๋อี!

โลกภายนอก

ด้านข้างเขาเมฆา

ผ่านไปเจ็ดวันแล้วตั้งแต่เริ่มการเคลื่อนไหวในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ

เวลานี้ระดับจักรพรรดิอย่างไท่ซูหง ซย่าสิงเลี่ย จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงต่างนั่งเหนือห้วงอากาศ ถกมรรคแสดงความคิดเห็น

ตรงหน้าพวกเขามีโต๊ะคนละตัว

บนโต๊ะมีตะเกียงสำริดที่แผ่ระลอกคลื่นแปลกอัศจรรย์ดวงแล้วดวงเล่าวางเรียงราย

นี่คือตะเกียงชีวิตของผู้สืบทอดแต่ละสำนักของพวกเขา

ตะเกียงชีวิตสว่างนาน หมายความว่าผู้สืบทอดที่เข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณยังมีชีวิตอยู่

ตะเกียงชีวิตมอดดับ ก็หมายความว่าตายแล้ว!

ในเจ็ดวันนี้ตอนที่ตะเกียงชีวิตมอดดับเป็นครั้งคราว ก็จะเรียกสายตาให้เหลือบมองได้ ส่วนผู้ยิ่งใหญ่ที่คอยดูแลตะเกียงชีวิตนั่น หากไม่สีหน้าอึมครึมก็เผยแววทุกข์ตรมออกมา

มีเพียงระดับจักรพรรดิจากหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่เหล่านั้นที่นิ่งสงบเฉยเมย เพราะในเจ็ดวันนี้ตะเกียงชีวิตของผู้สืบทอดในสำนักพวกเขาแทบไม่เคยมอดดับ

“คำนวณจากเวลาแล้ว ภายในครึ่งเดือนคนรุ่นเยาว์เหล่านั้นย่อมสามารถเข้าสู่เขาปู้โจวนั่นได้อย่างแน่นอน”

มีคนคิดคำนวณ

“จินตู๋อีผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิดนั่น แม้แต่ตะเกียงชีวิตยังไม่มี ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นหรือตาย”

จู่ๆ จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ก็เอ่ยปากขึ้น

ประโยคเดียวทำเอาสีหน้าของคนใหญ่คนโตทั้งกลุ่มล้วนเปลี่ยนเป็นแปลกพิกลขึ้นมา

จินตู๋อี!

ผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิด!

เพียงแต่ผู้ที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังต่างรู้ชัด นี่ไม่มีอะไรมากไปกว่าข้ออ้างอย่างหนึ่งเท่านั้น ความจริงเจ้าหมอนี่กลายเป็นตาพายุไปนานแล้ว!

“วางใจได้ เขาต้องอยู่นานกว่าเจ้าเฒ่าอย่างเจ้าแน่นอน”

ซย่าสิงเลี่ยกล่าวเนิบๆ

จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นหลุดขำออกมา “ซย่าสิงเลี่ย ระวังพูดมากเกินไปสุดท้ายจะกลายเป็นตบหน้าตัวเอง”

ซย่าสิงเลี่ยขมวดคิ้ว แต่ถึงที่สุดก็ไม่ได้ส่งเสียงใด

เจ็ดวันมานี้เขาสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าบรรยากาศภายนอกนี้แปลกประหลาด ไม่ว่าเป็นใคร ขอเพียงเอ่ยถึง ‘จินตู๋อี’ ล้วนมีการตอบสนองที่แปลกพิกลอย่างหนึ่ง

‘ดูท่าจะมีปัญหาในบางจุดแล้ว…’

ซย่าสิงเลี่ยเริ่มทำนายเงียบๆ ด้วยระดับพลังของเขา อยากคาดเดาโชคลาภย่อมไม่ยาก อยากทำนายความจริงส่วนหนึ่งก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

เพียงแต่ครั้งนี้ ตอนที่เขาเริ่มทำนายในใจกลับสั่นสะเทือนรุนแรง เรื่องเกี่ยวกับหลินสวินเขาถึงกับทำนายไม่ออกแม้แต่น้อย

เหมือนมีเงาทะมึนนับไม่ถ้วนปกคลุมเรื่องที่เกี่ยวกับหลินสวินเอาไว้ พยับหมอกหนาทึบ เต็มไปด้วยตัวแปรไร้สิ้นสุด!

‘มีปัญหาดังคาด!’

ส่วนลึกกลางนัยน์ตาของซย่าสิงเลี่ยวาบแสงมรรคน่าสะพรึงขึ้นมา

เขาหยัดตัวลุกขึ้นกล่าวว่า “ทุกท่าน ข้าคนแซ่ซย่าจะจากไปก่อนช่วงหนึ่ง รอตอนกลับมาค่อยถกมรรคกับทุกท่านอีกที”

“เหตุใดต้องไป”

จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นแสร้งสงสัย “พี่ซย่า เจ้าไม่รออยู่ที่นี่ดูว่าจินตู๋อีนั่นเป็นหรือตายกันแน่หรือ”

นัยน์ตาซย่าสิงเลี่ยทอประกายวาววับ เพิ่งหมายจะพูดอะไรก็เห็นว่า…

บนโต๊ะตรงหน้าจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้น ตะเกียงชีวิตดวงหนึ่งจู่ๆ ก็ดับไป

รอยยิ้มของจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นแข็งทื่อทันควัน จำได้ว่าตะเกียงชีวิตดวงนี้เป็นของหวังจ้ง ผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ของเขา

“ฮ่าๆ เฒ่าเจวี๋ยอิ้น เจ้าไปห่วงผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ของพวกเจ้าให้มากจะดีกว่า!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์