โดยเฉพาะตอนที่เห็นจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนซึ่งอยู่ภายใต้สถานการณ์ถูกกำราบอย่างสมบูรณ์ ยังคงมีเรี่ยวแรงยึดร่างข่งเจาได้ ในใจหลินสวินก็ตกใจเช่นกัน
กล่าวอย่างไม่เกินจริง ครั้งนี้หากไม่ใช่ข่งเจาแต่เป็นเขาหลินสวิน เช่นนั้นผลที่ตามมาย่อมไม่อาจจินตนาการอย่างแน่นอน!
แต่หลินสวินก็ตระหนักได้ว่า หลังจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนเข้ายึดร่าง กลิ่นอายของเขาก็ริบหรี่ถึงขีดสุด กระทั่งตนอาศัยพลังของเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด ยังสามารถเหยียบย่ำเขาได้อย่างง่ายดาย!
“เจ้าหนุ่ม อะไรที่เรียกว่าไร้แรงโต้กลับก่อนตาย ถึงข้าจะถูกกำราบอยู่ที่นี่ แต่ก็ใช่ว่าจะสังหารทิ้งได้ตามสะดวกเสียเมื่อไหร่”
ข่งเจาที่ถูกจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนยึดร่างสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เผยยิ้มเย็นชาออกมา “อย่าลืมสิ เก่ออวี้ผูกำราบข้าเกือบแสนปี แต่สุดท้ายก็ยังทำอะไรข้าไม่ได้”
ผัวะ!
แสงมรรคทองนิลกาฬสายหนึ่งราวกับแส้เทพ ตวัดฟาดใส่ตัวจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนอย่างแรงจนเขาเหงื่อกาฬแตกพลั่กทั้งตัว แต่กลับยังกัดฟันข่มกลั้น
เขาฝืนยิ้มบางๆ อย่างแข็งทื่อออกมา กล่าวว่า “ฟาดไปเถอะ ตอนนี้เจ้าทรมานข้าหนักหนาแค่ไหน วันหน้าพวกเศษเดนคีรีดวงกมลก็จะตายอนาถมากเท่านั้น!”
น้ำเสียงราบเรียบ กลับชวนให้ผู้คนใจสั่นสะท้าน
นี่คือพวกร้ายกาจยักษ์ใหญ่ที่แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์คนหนึ่ง เป็นผู้นำเจ็ดจักรพรรดิอสูรมาร ย่อมไม่ใช่ระดับจักรพรรดิทั่วไปจะเทียบชั้นได้
และวาจาที่เขาเอ่ย ย่อมมีน้ำหนักมากอย่างไม่ต้องสงสัย
“เห็นแก่ที่เจ้ายังอายุน้อย ไม่เข้าใจอานุภาพของระดับจักรพรรดิ ข้าจะให้โอกาสเจ้ากลับตัวกลับใจใหม่อีกครั้ง หากเจ้าร่วมมือแต่โดยดี ก็สามารถมอบศุภโชคชั้นยอดให้เจ้าสักครั้ง”
เสียงของจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนเจือพลังหลอกล่อที่ยั่วยวนใจคน “อย่างเช่น มรดกวิชาของข้าทั้งหมดล้วนจะถ่ายทอดให้เจ้า ทำให้เจ้าครอบครองอานุภาพที่สามารถทำให้ฟ้าดินสะเทือนไหวได้!”
แต่ละคำล้วนปรากฏท่วงทำนองมหามรรคอย่างหนึ่ง ดุจดั่งบุปผาสวรรค์โปรยปราย บรรจุพลังที่สามารถทำให้สรรพชีวิตล้วนกราบไหว้บูชา สวามิภักดิ์ทั้งกายใจ
ลืมกันว่ายามมุนินทร์ระดับจักรพรรดิที่บรรลุมรรคผลแสดงมหามรรค จะปรากฏลักษณ์ ‘ลิ้นบัวทองส่องอร่าม บุปผาสวรรค์โปรายปราย’ ทำให้ฟ้าดินแซ่ซ้อง สรรพชีวิตประสานเสียง
และตอนนี้ เสียงของจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนก็เจือพลังแปลกอัศจรรย์อย่างหนึ่ง ลอยล่องอยู่เหนือทะเลใจของหลินสวิน
สิ่งนี้ทำให้ในใจจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนก็ค่อนข้างทอดถอนใจ ปีนั้นสมัยที่เขารุ่งเรืองสุดขีด อาศัยแค่คำพูดคำเดียวก็ทำให้ระดับจักรพรรดิบางส่วนหมอบราบแนบเท้า ถวายชีวิตรับใช้ตนได้แล้ว
ใครจะคาดคิด วันนี้ในกาลเวลาไร้สิ้นสุด เขากลับต้องใช้วิธีการเช่นนี้ ไปทำให้คนรุ่นหลังซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยอยู่ในสายตาเขาสักนิดคนหนึ่งยอมไว้เนื้อเชื่อใจ
‘มังกรติดหาดตื้น ก็ไม่พ้นเป็นเช่นนี้…’
เมื่อจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนคิดถึงตรงนี้ก็เกิดไอสังหารที่ควบคุมไม่อยู่ ‘เก่ออวี้ผู! หลังจากข้าหลุดไปได้ หากไม่ชำระหนี้เลือดกับพวกเศษเดนคีรีดวงกมล ก็ผิดต่อความยากเข็ญที่ได้รับในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้แล้ว!’
หืม?
จู่ๆ จักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนก็รู้สึกถึงความไม่ชอบกลบางอย่าง เหตุใดฟังคำพูดของตนแล้ว เจ้าเด็กนี่ยังไม่มีการตอบสนองแม้แต่นิดเดียว
และเวลานี้เสียงของหลินสวินก็ดังขึ้น “มรรคแห่งศาสตร์ดนตรีสามารถจู่โจมจิตใจคน แต่เจ้าเฒ่าเช่นเจ้าสังขารใกล้แตกดับแล้ว ยังเพ้อพกหวังจะลอบวางอุบายใส่ข้า หาเรื่องขายขี้หน้าใส่ตัวชัดๆ!”
เสียงเจือแววถากถางอย่างไม่ปิดบังสักนิด
ตูม!
และพร้อมๆ กับเสียงที่ดังขึ้นของหลินสวิน ยังมีแสงมรรคทองนิลกาฬที่ร่วงพรูจู่โจมลงมาเป็นสายๆ ดุจดั่งแส้เทพที่ระบำคลั่งสายแล้วสายเล่า กระหน่ำฟาดจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนอย่างเหี้ยมโหด ฟาดจนเขาเนื้อปลิ้นหนังเปิด หัวแตกเลือดอาบ ล้มกลิ้งชักเกร็งแผดร้องไม่สิ้นอยู่บนพื้น
“เดรัจฉานน้อย เหตุใดเจ้าไม่เป็นอะไรสักนิด”
จักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนเดือดดาล ยากจะเชื่อ
“ใจข้าดุจมีด สามารถบั่นเฉือนสุริยันจันทราเทพผี มีหรือจะถูกเสียงพูดไร้สาระของเจ้าส่งผลกระทบได้”
หลินสวินหัวเราะเย็นชา
อันที่จริงเขาเองก็ตกใจจนเหงื่อท่วมเหมือนกัน ตอนก่อนหน้านี้ยามได้ยินคำพูดของจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียน จิตสำนึกของเขาก็เกิดอาการมึนงง สภาวะจิตไหวเอน เกือบติดหลุมพรางไปแล้ว
เคราะห์ดีที่หลายวันก่อนเขาเดินทางอยู่ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ใช้การจำแนกจำกัดความสรรพชีวิตในพื้นที่นี้ ทำให้สภาวะจิตได้รับการเคี่ยวกรำและขัดเกลาอีกระดับ ถึงต้านพลังของจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนได้
หาไม่ ผลที่ตามมาก็ไม่อาจจินตนาการแล้ว!
นี่ก็ทำให้หลินสวินยิ่งตระหนักถึงความน่ากลัวของพวกระดับจักรพรรดิยิ่งขึ้น ขนาดจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนนี่ถูกศิษย์พี่เก่ออวี้ผูสยบมาแสนปี หากไม่ผิดคาด ผ่านไปอีกไม่นานก็จะถูกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดบดทำลายจิตดั้งเดิม ร่างตายมรรคสลายโดยสมบูรณ์แล้ว
แต่ในสถานการณ์ที่อ่อนแรงเช่นนี้ เขาถึงกับยึดร่างข่งเจาและวางกับดักล่อตนได้ นี่ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว
ปึง!
หลังจากถูกแสงมรรคทองนิลกาฬหวดฟาดครู่ใหญ่ ร่างของข่งเจาที่ข่งตู๋เทียนฉกฉวยมาอย่างไม่ง่ายดายก็แตกระเบิด กลายเป็นเลือดเนื้อแอ่งหนึ่ง
ส่วนจิตดั้งเดิมของเขาก็ถูกจองจำและกำราบใหม่อีกครั้ง ถูกพลังของเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดกัดเซาะ เปลี่ยนเป็นเลือนรางและคลุมเครือ
แม้แต่วาจาก็พูดออกมาไม่ได้แล้ว!
‘ดูท่าอีกไม่นานเท่าไร เจ้าเฒ่านี่ก็คงจะถูกหลอมอย่างสิ้นเชิงแล้ว’
หลินสวินสันนิษฐาน
หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อีก เก็บเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดแล้วกวาดมองรอบด้าน ก่อนหมุนกายเคลื่อนย้ายจากไป หายลับไปในฟ้าดินกว้างผืนนี้
‘พี่ลู่ พี่ซู ข้าแก้แค้นให้พวกเจ้าแล้ว…’
ระหว่างทางในใจหลินสวินพึมพำเสียงเบา
การต่อสู้ครั้งนี้กินเวลาราวๆ หนึ่งชั่วยามเศษ โจมตีผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ตายต่อเนื่องกันสิบสองคน รวมข่งเจาและเหลยเฟิงเชวีย
ผลงานการต่อสู้เช่นนี้เรียกได้ว่าสะดุดตาถึงขีดสุด สามารถสะท้านยุคได้แล้ว
แต่หลินสวินกลับดีใจไม่ออกสักนิด
ต่อให้ฆ่าพวกข่งเจาแล้วอย่างไร
สุดท้ายลู่ตู๋ปู้กับซูมู่หานก็ตายไปแล้วอยู่ดี…
‘ต้องหาสถานที่พักฟื้นให้ดีๆ เสียหน่อยแล้ว’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์