Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1981

ตอนที่ 1981 ทำไมจะไม่ไล่ตาม
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด ถูกหลินสวินมองเห็นตั้งแต่ต้น

โดยเฉพาะตอนที่เห็นจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนซึ่งอยู่ภายใต้สถานการณ์ถูกกำราบอย่างสมบูรณ์ ยังคงมีเรี่ยวแรงยึดร่างข่งเจาได้ ในใจหลินสวินก็ตกใจเช่นกัน

กล่าวอย่างไม่เกินจริง ครั้งนี้หากไม่ใช่ข่งเจาแต่เป็นเขาหลินสวิน เช่นนั้นผลที่ตามมาย่อมไม่อาจจินตนาการอย่างแน่นอน!

แต่หลินสวินก็ตระหนักได้ว่า หลังจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนเข้ายึดร่าง กลิ่นอายของเขาก็ริบหรี่ถึงขีดสุด กระทั่งตนอาศัยพลังของเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด ยังสามารถเหยียบย่ำเขาได้อย่างง่ายดาย!

“เจ้าหนุ่ม อะไรที่เรียกว่าไร้แรงโต้กลับก่อนตาย ถึงข้าจะถูกกำราบอยู่ที่นี่ แต่ก็ใช่ว่าจะสังหารทิ้งได้ตามสะดวกเสียเมื่อไหร่”

ข่งเจาที่ถูกจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนยึดร่างสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เผยยิ้มเย็นชาออกมา “อย่าลืมสิ เก่ออวี้ผูกำราบข้าเกือบแสนปี แต่สุดท้ายก็ยังทำอะไรข้าไม่ได้”

ผัวะ!

แสงมรรคทองนิลกาฬสายหนึ่งราวกับแส้เทพ ตวัดฟาดใส่ตัวจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนอย่างแรงจนเขาเหงื่อกาฬแตกพลั่กทั้งตัว แต่กลับยังกัดฟันข่มกลั้น

เขาฝืนยิ้มบางๆ อย่างแข็งทื่อออกมา กล่าวว่า “ฟาดไปเถอะ ตอนนี้เจ้าทรมานข้าหนักหนาแค่ไหน วันหน้าพวกเศษเดนคีรีดวงกมลก็จะตายอนาถมากเท่านั้น!”

น้ำเสียงราบเรียบ กลับชวนให้ผู้คนใจสั่นสะท้าน

นี่คือพวกร้ายกาจยักษ์ใหญ่ที่แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์คนหนึ่ง เป็นผู้นำเจ็ดจักรพรรดิอสูรมาร ย่อมไม่ใช่ระดับจักรพรรดิทั่วไปจะเทียบชั้นได้

และวาจาที่เขาเอ่ย ย่อมมีน้ำหนักมากอย่างไม่ต้องสงสัย

“เห็นแก่ที่เจ้ายังอายุน้อย ไม่เข้าใจอานุภาพของระดับจักรพรรดิ ข้าจะให้โอกาสเจ้ากลับตัวกลับใจใหม่อีกครั้ง หากเจ้าร่วมมือแต่โดยดี ก็สามารถมอบศุภโชคชั้นยอดให้เจ้าสักครั้ง”

เสียงของจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนเจือพลังหลอกล่อที่ยั่วยวนใจคน “อย่างเช่น มรดกวิชาของข้าทั้งหมดล้วนจะถ่ายทอดให้เจ้า ทำให้เจ้าครอบครองอานุภาพที่สามารถทำให้ฟ้าดินสะเทือนไหวได้!”

แต่ละคำล้วนปรากฏท่วงทำนองมหามรรคอย่างหนึ่ง ดุจดั่งบุปผาสวรรค์โปรยปราย บรรจุพลังที่สามารถทำให้สรรพชีวิตล้วนกราบไหว้บูชา สวามิภักดิ์ทั้งกายใจ

ลืมกันว่ายามมุนินทร์ระดับจักรพรรดิที่บรรลุมรรคผลแสดงมหามรรค จะปรากฏลักษณ์ ‘ลิ้นบัวทองส่องอร่าม บุปผาสวรรค์โปรายปราย’ ทำให้ฟ้าดินแซ่ซ้อง สรรพชีวิตประสานเสียง

และตอนนี้ เสียงของจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนก็เจือพลังแปลกอัศจรรย์อย่างหนึ่ง ลอยล่องอยู่เหนือทะเลใจของหลินสวิน

สิ่งนี้ทำให้ในใจจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนก็ค่อนข้างทอดถอนใจ ปีนั้นสมัยที่เขารุ่งเรืองสุดขีด อาศัยแค่คำพูดคำเดียวก็ทำให้ระดับจักรพรรดิบางส่วนหมอบราบแนบเท้า ถวายชีวิตรับใช้ตนได้แล้ว

ใครจะคาดคิด วันนี้ในกาลเวลาไร้สิ้นสุด เขากลับต้องใช้วิธีการเช่นนี้ ไปทำให้คนรุ่นหลังซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยอยู่ในสายตาเขาสักนิดคนหนึ่งยอมไว้เนื้อเชื่อใจ

‘มังกรติดหาดตื้น ก็ไม่พ้นเป็นเช่นนี้…’

เมื่อจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนคิดถึงตรงนี้ก็เกิดไอสังหารที่ควบคุมไม่อยู่ ‘เก่ออวี้ผู! หลังจากข้าหลุดไปได้ หากไม่ชำระหนี้เลือดกับพวกเศษเดนคีรีดวงกมล ก็ผิดต่อความยากเข็ญที่ได้รับในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้แล้ว!’

หืม?

จู่ๆ จักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนก็รู้สึกถึงความไม่ชอบกลบางอย่าง เหตุใดฟังคำพูดของตนแล้ว เจ้าเด็กนี่ยังไม่มีการตอบสนองแม้แต่นิดเดียว

และเวลานี้เสียงของหลินสวินก็ดังขึ้น “มรรคแห่งศาสตร์ดนตรีสามารถจู่โจมจิตใจคน แต่เจ้าเฒ่าเช่นเจ้าสังขารใกล้แตกดับแล้ว ยังเพ้อพกหวังจะลอบวางอุบายใส่ข้า หาเรื่องขายขี้หน้าใส่ตัวชัดๆ!”

เสียงเจือแววถากถางอย่างไม่ปิดบังสักนิด

ตูม!

และพร้อมๆ กับเสียงที่ดังขึ้นของหลินสวิน ยังมีแสงมรรคทองนิลกาฬที่ร่วงพรูจู่โจมลงมาเป็นสายๆ ดุจดั่งแส้เทพที่ระบำคลั่งสายแล้วสายเล่า กระหน่ำฟาดจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนอย่างเหี้ยมโหด ฟาดจนเขาเนื้อปลิ้นหนังเปิด หัวแตกเลือดอาบ ล้มกลิ้งชักเกร็งแผดร้องไม่สิ้นอยู่บนพื้น

“เดรัจฉานน้อย เหตุใดเจ้าไม่เป็นอะไรสักนิด”

จักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนเดือดดาล ยากจะเชื่อ

“ใจข้าดุจมีด สามารถบั่นเฉือนสุริยันจันทราเทพผี มีหรือจะถูกเสียงพูดไร้สาระของเจ้าส่งผลกระทบได้”

หลินสวินหัวเราะเย็นชา

อันที่จริงเขาเองก็ตกใจจนเหงื่อท่วมเหมือนกัน ตอนก่อนหน้านี้ยามได้ยินคำพูดของจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียน จิตสำนึกของเขาก็เกิดอาการมึนงง สภาวะจิตไหวเอน เกือบติดหลุมพรางไปแล้ว

เคราะห์ดีที่หลายวันก่อนเขาเดินทางอยู่ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ใช้การจำแนกจำกัดความสรรพชีวิตในพื้นที่นี้ ทำให้สภาวะจิตได้รับการเคี่ยวกรำและขัดเกลาอีกระดับ ถึงต้านพลังของจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนได้

หาไม่ ผลที่ตามมาก็ไม่อาจจินตนาการแล้ว!

นี่ก็ทำให้หลินสวินยิ่งตระหนักถึงความน่ากลัวของพวกระดับจักรพรรดิยิ่งขึ้น ขนาดจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนนี่ถูกศิษย์พี่เก่ออวี้ผูสยบมาแสนปี หากไม่ผิดคาด ผ่านไปอีกไม่นานก็จะถูกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดบดทำลายจิตดั้งเดิม ร่างตายมรรคสลายโดยสมบูรณ์แล้ว

แต่ในสถานการณ์ที่อ่อนแรงเช่นนี้ เขาถึงกับยึดร่างข่งเจาและวางกับดักล่อตนได้ นี่ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว

ปึง!

หลังจากถูกแสงมรรคทองนิลกาฬหวดฟาดครู่ใหญ่ ร่างของข่งเจาที่ข่งตู๋เทียนฉกฉวยมาอย่างไม่ง่ายดายก็แตกระเบิด กลายเป็นเลือดเนื้อแอ่งหนึ่ง

ส่วนจิตดั้งเดิมของเขาก็ถูกจองจำและกำราบใหม่อีกครั้ง ถูกพลังของเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดกัดเซาะ เปลี่ยนเป็นเลือนรางและคลุมเครือ

แม้แต่วาจาก็พูดออกมาไม่ได้แล้ว!

‘ดูท่าอีกไม่นานเท่าไร เจ้าเฒ่านี่ก็คงจะถูกหลอมอย่างสิ้นเชิงแล้ว’

หลินสวินสันนิษฐาน

หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อีก เก็บเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดแล้วกวาดมองรอบด้าน ก่อนหมุนกายเคลื่อนย้ายจากไป หายลับไปในฟ้าดินกว้างผืนนี้

‘พี่ลู่ พี่ซู ข้าแก้แค้นให้พวกเจ้าแล้ว…’

ระหว่างทางในใจหลินสวินพึมพำเสียงเบา

การต่อสู้ครั้งนี้กินเวลาราวๆ หนึ่งชั่วยามเศษ โจมตีผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ตายต่อเนื่องกันสิบสองคน รวมข่งเจาและเหลยเฟิงเชวีย

ผลงานการต่อสู้เช่นนี้เรียกได้ว่าสะดุดตาถึงขีดสุด สามารถสะท้านยุคได้แล้ว

แต่หลินสวินกลับดีใจไม่ออกสักนิด

ต่อให้ฆ่าพวกข่งเจาแล้วอย่างไร

สุดท้ายลู่ตู๋ปู้กับซูมู่หานก็ตายไปแล้วอยู่ดี…

‘ต้องหาสถานที่พักฟื้นให้ดีๆ เสียหน่อยแล้ว’

ผึง!

ศรนภาครามยิงผึงออกไป ดุจดั่งแสงเย็นสะท้านสายหนึ่งอุบัติขึ้นเหนือเวิ้งฟ้า

ชายหนุ่มหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ไหนเลยจะคาดคิดว่าพูดจาไม่เข้าหูคำเดียวหลินสวินก็ลงมือทันที

เขารีบหลบโดยไม่ลังเล ไม่กล้าปะทะตรงๆ เพราะเหตุการณ์ที่พวกข่งเจาถูกฆ่าก่อนหน้านี้ถูกเขาเห็นทั้งหมด จึงรู้ดีถึงความน่าสะพรึงของศรธนูในมือหลินสวินเป็นอย่างยิ่ง

“อ๊าก…!”

เสียงร้องอนาถสายหนึ่งดังขึ้น ในห้วงอากาศที่ห่างจากชายหนุ่มไปสองสามร้อยจั้ง เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นกะทันหัน แขนขาขาดกระจาย ฝนเลือดสาดพรมลงมา

เมื่อเห็นภาพนี้กับตา ชายหนุ่มที่สวมชุดเกราะม่วงคนนั้นตกใจจนเหงื่อท่วมตัว เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้าคนผู้นี้ดักซุ่มเงียบๆ หมายจะลอบลงมือกับหลินสวินในเงามืด

แต่ไม่คิดว่ากลับถูกหลินสวินสังหารด้วยศรเดียว!

“ขืนตามมาอีก เขาก็คือจุดจบของพวกเจ้า”

หลินสวินทิ้งประโยคนี้ไว้ ก่อนหมุนตัวมุ่งหน้าต่อไป

ชายหนุ่มที่สวมชุดเกราะสีม่วงสีหน้าเปลี่ยนไปมา จนกระทั่งมองเงาร่างหลินสวินลับตาแล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้ไล่ตามต่อ

ส่วนในเงามืด ผู้แข็งแกร่งที่ตามหลินสวินมาเช่นเดียวกับชายหนุ่ม เวลานี้ก็ล้มเลิกแผนการที่จะลงมือไปแล้วเช่นกัน

ไม่นานนักกลุ่มของพวกหมีอู๋หยารวมถึงพวกหวงฝู่เซ่าหนงที่เร่งรุดมาจากคนละพื้นที่ ก็ได้รู้ข่าวที่พวกข่งเจาถูกฆ่าเช่นกัน

ชั่วขณะหนึ่งต่างรู้สึกเหนือคาดและตกใจ

“พวกข่งเจา เหลยเฟิงเชวียรวมสิบสองคนร่วมมือกัน ยังถูกเจ้าหมอนี่โจมตีตายคาที่ทีละคน พลังต่อสู้ขนาดนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว…”

หวงฝู่เซ่าหนงสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลใกล้ๆ เขาต่างตกใจแกมสงสัยในใจเช่นกัน รู้สึกน่าเหลือเชื่อนัก

มีคนเอ่ยเสียงสั่น “ข่าวบอกว่า สมบัติจักรพรรดิในมือเจ้าหมอนี่ไม่ได้มีเพียงหนึ่งชิ้น โดยเฉพาะศรธนูในมือ อานุภาพน่าสะพรึงไร้สิ้นสุด ไม่ว่าใครถูกเล็งล้วนไม่มีโอกาสรอดชีวิตได้อีก ศิษย์พี่หวงฝู่ ยังจะไล่ตามอีกหรือไม่”

หวงฝู่เซ่าหนงแค่นเสียงเย็น “ตาม ทำไมจะไม่ไล่ตาม ถึงเขาจะมีพลังพลิกฟ้า มีสมบัติสะเทือนหล้า แต่ผ่านการต่อสู้หนักมาครั้งหนึ่งเกรงว่าคงเสียพลังไปมาก นี่เป็นโอกาสงามที่สุดในการไล่ล่าสังหารเขาแล้ว”

“ไป!”

กล่าวพลาง หวงฝู่เซ่าหนงก็เริ่มเคลื่อนไหว

ครั้งนี้พอเขาได้รับข่าวก็รีบมาทันที สิ่งที่หมายมั่นไว้ก็คือศุภโชคชั้นยอดที่มีความลับบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ในมือหลินสวินชิ้นนั้น!

นี่คือวาสนาที่ตอนนี้สามารถไขว่คว้าได้เลย ต่างจากมหาสมบัติแรกกำเนิดที่จนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าซ่อนอยู่ที่ไหนชิ้นนั่น

หนำซ้ำหวงฝู่เซ่าหนงมั่นใจมาก หลังผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มา หลินสวินในขณะนี้… ย่อมไม่อาจมีพลังเต็มเปี่ยมแข็งแกร่งขนาดนั้นแน่!

…………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์