เขาถูกทำให้ตกใจแล้ว
ศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักคนแล้วคนเล่าถูกฆ่าตายทีละคนระหว่างทาง ความตายที่นองเลือดนั่นจู่โจม ทำให้เหลยเฟิงเชวียหวาดกลัวถึงขั้นจวนจะพังทลาย
“หากไม่หนี พวกเรามีแต่จะตายไวกว่าเดิม!”
เสียงของข่งเจาเหมือนเค้นลอดไรฟัน สีหน้าเขียวคล้ำบิดเบี้ยว ในใจเขาก็อัดอั้นหาใดเปรียบ และรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน
สิ่งที่ต่างจากเหลยเฟิงเชวียคือ เขายังคงรักษาความเยือกเย็นได้บ้าง
“ทำไม… ทำไมพวกเราต้องล่วงเกินคนชั่วร้ายเช่นนี้ด้วย…”
เหลยเฟิงเชวียจิตหลุดสติแตก
ฝึกปราณหาใช่เรื่องง่าย การที่ประสบความสำเร็จอย่างในวันนี้บนมรรคาได้ ยิ่งทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายและความบากบั่นไม่รู้เท่าไหร่
ใครอยากตายไปเช่นนี้กันเล่า
ผึง!
เสียงยิงธนูสะเทือนไหวอันคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง
เสียงเดียวเท่านั้น กลับทำให้เหลยเฟิงเชวียที่ขวัญผวาแต่แรกสั่นเทิ้มทั้งตัว ร้องเสียงหลงว่า “ข้ายอมจำนน อย่าฆ่าข้า อย่า…”
เห็นได้ชัดว่าเขาสติแตกโดยสมบูรณ์แล้ว จิตต่อสู้อะไร ศักดิ์ศรีอะไรล้วนไม่สนใจแล้ว แค่อยากมีชีวิตรอด!
แต่คำพูดเขายังไม่ทันเอ่ยจบ
เสียงปังดังคราหนึ่ง ศรดอกหนึ่งเสียบทะลุร่างของเขา เลือดสดพุ่งสูงหลายจั้ง
“ข้าไม่อยาก… ตายจริงๆ นะ…”
ท่ามกลางเสียงไม่ยินยอมและตระหนกตกใจ ทั้งตัวเหลยเฟิงเชวียแตกระเบิด เลือดเนื้อลอยกระเด็น
ตั้งแต่ต้นจนจบข่งเจาไม่ได้หันกลับมามอง เผ่นหนีไปไกลๆ เขามีพลังเหลือพอจะช่วยชีวิตเหลยเฟิงเชวีย แต่เขารู้ดียิ่งกว่าว่าหากทำเช่นนี้ รังแต่จะถ่วงรั้งฝีเท้าในการหลบหนีของตนเท่านั้น
หาใช่เขาเลือดเย็นไร้ปรานี แต่เพราะมองออกแต่แรกว่าสภาวะจิตของเหลยเฟิงเชวียพังไปแล้ว ต่อให้ถูกช่วยไว้ มรรควิถีแห่งตนก็ต้องสูญสลายไปเช่นนี้แน่นอน
สวบ!
เงาร่างของหลินสวินปรากฏในจุดที่เหลยเฟิงเชวียร่วงหล่น โบกแขนเสื้อเก็บสิ่งของของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะไล่ตามข่งเจาไปอีกครั้ง
ในมือ ธนูวิญญาณไร้แก่นสารแผ่กลิ่นอายเกรี้ยวกราดดุกร้าวที่น่าสะพรึงออกมา
…
“จินตู๋อีก็คือหลินสวิน ในมือเขาถือครองศุภโชคที่มีความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ ใครฆ่าเขาได้ ผู้นั้นก็ได้ครอบครอง!”
ระหว่างหลบหนีตลอดทาง ข่งเจาส่งเสียงคำรามลั่นไม่หยุด พูดย้ำประโยคนี้ คลื่นเสียงแผ่กว้าง
เขาไม่มัวสนใจสิ่งอื่นแล้ว ตอนนี้เหลือเขาเพียงคนเดียว นี่ทำให้เขาก็รู้สึกจวนจะสิ้นหวัง ต้องการให้คนช่วยเหลือโดยด่วน
หลินสวินที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังสีหน้าเรียบเฉย ฐานะเปิดเผยก็เปิดเผยไป ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้ เขาไม่เกรงกลัวผู้ใดนานแล้ว!
“คนล่ะ ตายกันหมดแล้วหรือ!?”
“ไอ้พวกไร้ประโยชน์ พอรู้ฐานะแท้จริงของจินตู๋อีนี่ก็พากันตกใจขวัญหนีกันหมดแล้วหรือ”
หนีตายตลอดทาง ส่งเสียงตลอดทาง แต่เนิ่นนานก็ไม่เห็นมีคนยื่นมือเข้ามา นี่ทำให้ข่งเจาจวนจะเสียสติ รู้สึกอับจนหนทางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หากอยู่โลกภายนอก แค่ยกฐานะผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ของเขาขึ้นมา ใครจะกล้าล่วงเกิน
แต่ตอนนี้ ลับถูกไล่ฆ่าจนแทบบ้า ภาพเหตุการณ์นี้หากถูกคนเห็นเข้า เกรงว่าล้วนไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
ผึง!
เสียงสายธนูสั่นสะเทือนดังขึ้นอีกรอบ
ข่งเจาที่รู้สึกถึงภัยคุกคามถึงชีวิตเรียกกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสออกมาโดยไม่ลังเล ขวางลูกศรที่ยิงสังหารเข้ามาปุบปับนั่นไว้ได้อย่างหวุดหวิด
ปึง!
กระบี่และศรปะทะกัน ประกายแสงวิเศษสาดกระเซ็น
พลังโจมตีน่าสะพรึงที่ประหนึ่งไร้ศัตรูทัดเทียม ซัดโจมตีกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสให้หลุดกระเด็นอย่างแรง เงาร่างข่งเจาซวนเซ มองกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสปราดหนึ่งอย่างปวดใจ สุดท้ายก็ยอมตัดใจอย่างเด็ดขาดแล้วตรงดิ่งเผ่นหนีไป
เงาร่างหลินสวินปรากฏขึ้น เรียกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดออกมา เสียงตูมดังคราหนึ่ง กำราบและเก็บกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสนั่นเข้าไปในเจดีย์สมบัติ
พร้อมกันนั้นเขาง้างธนูวิญญาณไร้แก่นสารขึ้น ยิงศรหนึ่งออกไปอีกครา
ไกลออกไป เงาร่างข่งเจาถูกยิงใส่ ประกายศักดิ์สิทธิ์คลุ้งฟ้าระเบิดกระจาย แต่ที่แท้กลับเป็นเกราะสีขาวเงินชั้นหนึ่งที่ป้องกันบนตัวเขา ขวางการโจมตีครั้งนี้เอาไว้
ทว่าพลังโจมตีน่าสะพรึงนั่นกลับซัดจนข่งเจาเหมือนว่าวสายป่านขาด กระเด็นลอยออกไปอย่างแรง ปากจมูกกบเลือด
เขารู้สึกยากจะเชื่อ
ด้วยพลังของเขา ถึงกับยังหลบการยิงของลูกศรนั่นไม่ได้ นี่มีเพียงคำอธิบายเดียว ศรธนูในมือหลินสวินนั่นก็เป็นสมบัติจักรพรรดิเหมือนกัน!
“หลินสวิน โลกภายนอกมีสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งกลุ่มเฝ้ารออยู่ ถ้าเจ้าฆ่าข้าแล้ว ต่อให้รอดชีวิตออกไปได้ แต่ตอนที่เดินพ้นเขตต้องห้ามเซียนโบราณก็ต้องถึงฆาตแน่!”
ขณะข่งเจาคำราม เงาร่างถึงกับกลายเป็นนกยูงหลากสีสันตัวหนึ่ง สยายปีกกรีดทึ้งห้วงอากาศ เริ่มเคลื่อนตัวหนี ความเร็วไวกว่าตอนแรกช่วงหนึ่ง
ผึง!
สิ่งที่ตอบเขาคือหนึ่งศรของหลินสวิน ราวสายรุ้งยาวพาดตะวัน ยิงออกไปด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
ก็เห็นรอบตัวข่งเจาโคจรประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี ตวัดกวาดโดยแรงคราหนึ่ง ถึงกับสะเทือนศรนี้จนชะงักงันขึ้นมา
อาศัยช่องโหว่ตรงนี้ ข่งเจาหลบหลีกเคราะห์ภัยได้อย่างเฉียดฉิว เริ่มหนีอุตลุดอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
“หลินสวิน ขอเพียงเจ้าปล่อยข้าสักครั้ง ข้าข่งเจาสาบาน ชีวิตนี้จะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าอีก ว่าอย่างไร”
เขาตะโกนเสียงดัง
หลินสวินยังคงไม่สนใจเขา ปลายนิ้วง้างสายธนูสีแดงฉานดุจโลหิตนั้นอย่างต่อเนื่อง
ผึง! ผึง! ผึง! ผึง!
ยิงศรนภาคราม ศรนิรันดร์ ศรแสงโชค ศรเสี้ยวปีกออกไปในหนึ่งลมหายใจ
ข่งเจาหน้าเปลี่ยนสีสิ้นเชิง ปีกขนนกห้าสีที่ปกคลุมทั่วร่างราวลุกโหม ระเบิดแสงหลากสีสันเรืองรองออกมา สกัดขวางสุดกำลัง
ปึง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์