Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1980

สรุปบท ตอนที่ 1980 ยึดร่าง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 1980 ยึดร่าง จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1980 ยึดร่าง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 1980 ยึดร่าง
เสียงคำรามหมดความอดทนของเหลยเฟิงเชวียเหมือนเป็นการระบายออกมา สติหลุดอย่างสมบูรณ์

เขาถูกทำให้ตกใจแล้ว

ศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักคนแล้วคนเล่าถูกฆ่าตายทีละคนระหว่างทาง ความตายที่นองเลือดนั่นจู่โจม ทำให้เหลยเฟิงเชวียหวาดกลัวถึงขั้นจวนจะพังทลาย

“หากไม่หนี พวกเรามีแต่จะตายไวกว่าเดิม!”

เสียงของข่งเจาเหมือนเค้นลอดไรฟัน สีหน้าเขียวคล้ำบิดเบี้ยว ในใจเขาก็อัดอั้นหาใดเปรียบ และรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน

สิ่งที่ต่างจากเหลยเฟิงเชวียคือ เขายังคงรักษาความเยือกเย็นได้บ้าง

“ทำไม… ทำไมพวกเราต้องล่วงเกินคนชั่วร้ายเช่นนี้ด้วย…”

เหลยเฟิงเชวียจิตหลุดสติแตก

ฝึกปราณหาใช่เรื่องง่าย การที่ประสบความสำเร็จอย่างในวันนี้บนมรรคาได้ ยิ่งทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายและความบากบั่นไม่รู้เท่าไหร่

ใครอยากตายไปเช่นนี้กันเล่า

ผึง!

เสียงยิงธนูสะเทือนไหวอันคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง

เสียงเดียวเท่านั้น กลับทำให้เหลยเฟิงเชวียที่ขวัญผวาแต่แรกสั่นเทิ้มทั้งตัว ร้องเสียงหลงว่า “ข้ายอมจำนน อย่าฆ่าข้า อย่า…”

เห็นได้ชัดว่าเขาสติแตกโดยสมบูรณ์แล้ว จิตต่อสู้อะไร ศักดิ์ศรีอะไรล้วนไม่สนใจแล้ว แค่อยากมีชีวิตรอด!

แต่คำพูดเขายังไม่ทันเอ่ยจบ

เสียงปังดังคราหนึ่ง ศรดอกหนึ่งเสียบทะลุร่างของเขา เลือดสดพุ่งสูงหลายจั้ง

“ข้าไม่อยาก… ตายจริงๆ นะ…”

ท่ามกลางเสียงไม่ยินยอมและตระหนกตกใจ ทั้งตัวเหลยเฟิงเชวียแตกระเบิด เลือดเนื้อลอยกระเด็น

ตั้งแต่ต้นจนจบข่งเจาไม่ได้หันกลับมามอง เผ่นหนีไปไกลๆ เขามีพลังเหลือพอจะช่วยชีวิตเหลยเฟิงเชวีย แต่เขารู้ดียิ่งกว่าว่าหากทำเช่นนี้ รังแต่จะถ่วงรั้งฝีเท้าในการหลบหนีของตนเท่านั้น

หาใช่เขาเลือดเย็นไร้ปรานี แต่เพราะมองออกแต่แรกว่าสภาวะจิตของเหลยเฟิงเชวียพังไปแล้ว ต่อให้ถูกช่วยไว้ มรรควิถีแห่งตนก็ต้องสูญสลายไปเช่นนี้แน่นอน

สวบ!

เงาร่างของหลินสวินปรากฏในจุดที่เหลยเฟิงเชวียร่วงหล่น โบกแขนเสื้อเก็บสิ่งของของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะไล่ตามข่งเจาไปอีกครั้ง

ในมือ ธนูวิญญาณไร้แก่นสารแผ่กลิ่นอายเกรี้ยวกราดดุกร้าวที่น่าสะพรึงออกมา

“จินตู๋อีก็คือหลินสวิน ในมือเขาถือครองศุภโชคที่มีความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ ใครฆ่าเขาได้ ผู้นั้นก็ได้ครอบครอง!”

ระหว่างหลบหนีตลอดทาง ข่งเจาส่งเสียงคำรามลั่นไม่หยุด พูดย้ำประโยคนี้ คลื่นเสียงแผ่กว้าง

เขาไม่มัวสนใจสิ่งอื่นแล้ว ตอนนี้เหลือเขาเพียงคนเดียว นี่ทำให้เขาก็รู้สึกจวนจะสิ้นหวัง ต้องการให้คนช่วยเหลือโดยด่วน

หลินสวินที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังสีหน้าเรียบเฉย ฐานะเปิดเผยก็เปิดเผยไป ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้ เขาไม่เกรงกลัวผู้ใดนานแล้ว!

“คนล่ะ ตายกันหมดแล้วหรือ!?”

“ไอ้พวกไร้ประโยชน์ พอรู้ฐานะแท้จริงของจินตู๋อีนี่ก็พากันตกใจขวัญหนีกันหมดแล้วหรือ”

หนีตายตลอดทาง ส่งเสียงตลอดทาง แต่เนิ่นนานก็ไม่เห็นมีคนยื่นมือเข้ามา นี่ทำให้ข่งเจาจวนจะเสียสติ รู้สึกอับจนหนทางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หากอยู่โลกภายนอก แค่ยกฐานะผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ของเขาขึ้นมา ใครจะกล้าล่วงเกิน

แต่ตอนนี้ ลับถูกไล่ฆ่าจนแทบบ้า ภาพเหตุการณ์นี้หากถูกคนเห็นเข้า เกรงว่าล้วนไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

ผึง!

เสียงสายธนูสั่นสะเทือนดังขึ้นอีกรอบ

ข่งเจาที่รู้สึกถึงภัยคุกคามถึงชีวิตเรียกกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสออกมาโดยไม่ลังเล ขวางลูกศรที่ยิงสังหารเข้ามาปุบปับนั่นไว้ได้อย่างหวุดหวิด

ปึง!

กระบี่และศรปะทะกัน ประกายแสงวิเศษสาดกระเซ็น

พลังโจมตีน่าสะพรึงที่ประหนึ่งไร้ศัตรูทัดเทียม ซัดโจมตีกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสให้หลุดกระเด็นอย่างแรง เงาร่างข่งเจาซวนเซ มองกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสปราดหนึ่งอย่างปวดใจ สุดท้ายก็ยอมตัดใจอย่างเด็ดขาดแล้วตรงดิ่งเผ่นหนีไป

เงาร่างหลินสวินปรากฏขึ้น เรียกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดออกมา เสียงตูมดังคราหนึ่ง กำราบและเก็บกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสนั่นเข้าไปในเจดีย์สมบัติ

พร้อมกันนั้นเขาง้างธนูวิญญาณไร้แก่นสารขึ้น ยิงศรหนึ่งออกไปอีกครา

ไกลออกไป เงาร่างข่งเจาถูกยิงใส่ ประกายศักดิ์สิทธิ์คลุ้งฟ้าระเบิดกระจาย แต่ที่แท้กลับเป็นเกราะสีขาวเงินชั้นหนึ่งที่ป้องกันบนตัวเขา ขวางการโจมตีครั้งนี้เอาไว้

ทว่าพลังโจมตีน่าสะพรึงนั่นกลับซัดจนข่งเจาเหมือนว่าวสายป่านขาด กระเด็นลอยออกไปอย่างแรง ปากจมูกกบเลือด

เขารู้สึกยากจะเชื่อ

ด้วยพลังของเขา ถึงกับยังหลบการยิงของลูกศรนั่นไม่ได้ นี่มีเพียงคำอธิบายเดียว ศรธนูในมือหลินสวินนั่นก็เป็นสมบัติจักรพรรดิเหมือนกัน!

“หลินสวิน โลกภายนอกมีสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งกลุ่มเฝ้ารออยู่ ถ้าเจ้าฆ่าข้าแล้ว ต่อให้รอดชีวิตออกไปได้ แต่ตอนที่เดินพ้นเขตต้องห้ามเซียนโบราณก็ต้องถึงฆาตแน่!”

ขณะข่งเจาคำราม เงาร่างถึงกับกลายเป็นนกยูงหลากสีสันตัวหนึ่ง สยายปีกกรีดทึ้งห้วงอากาศ เริ่มเคลื่อนตัวหนี ความเร็วไวกว่าตอนแรกช่วงหนึ่ง

ผึง!

สิ่งที่ตอบเขาคือหนึ่งศรของหลินสวิน ราวสายรุ้งยาวพาดตะวัน ยิงออกไปด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ

ก็เห็นรอบตัวข่งเจาโคจรประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี ตวัดกวาดโดยแรงคราหนึ่ง ถึงกับสะเทือนศรนี้จนชะงักงันขึ้นมา

อาศัยช่องโหว่ตรงนี้ ข่งเจาหลบหลีกเคราะห์ภัยได้อย่างเฉียดฉิว เริ่มหนีอุตลุดอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง

“หลินสวิน ขอเพียงเจ้าปล่อยข้าสักครั้ง ข้าข่งเจาสาบาน ชีวิตนี้จะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าอีก ว่าอย่างไร”

เขาตะโกนเสียงดัง

หลินสวินยังคงไม่สนใจเขา ปลายนิ้วง้างสายธนูสีแดงฉานดุจโลหิตนั้นอย่างต่อเนื่อง

ผึง! ผึง! ผึง! ผึง!

ยิงศรนภาคราม ศรนิรันดร์ ศรแสงโชค ศรเสี้ยวปีกออกไปในหนึ่งลมหายใจ

ข่งเจาหน้าเปลี่ยนสีสิ้นเชิง ปีกขนนกห้าสีที่ปกคลุมทั่วร่างราวลุกโหม ระเบิดแสงหลากสีสันเรืองรองออกมา สกัดขวางสุดกำลัง

ปึง!

“ทะ… ท่านคือท่านบรรพชนหรือ”

ข่งเจาตะลึงงัน บรรพชนตระกูลข่งคือจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนผู้มีชื่อเสียงเลื่องระบือในยุคดึกดำบรรพ์ เป็นผู้นำแห่งเจ็ดจักรพรรดิอสูรมาร บารมีสะเทือนทั่ว ใต้หล้าใครบ้างไม่รู้จัก

เพียงแต่ข่งเจากลับคิดไม่ถึงเป็นอันขาด ว่าตอนที่ตนถูกกำราบจะมาพบกับบรรพชนได้อย่างไร

นี่น่าเหลือเชื่อเกินไป!

ที่ตามมาติดๆ คือความปิติยินดีอย่างบอกไม่ถูกทะลักเข้าสู่กลางใจข่งเจา ร้องว่า “ท่านบรรพชนช่วยข้าด้วย ท่านบรรพชนช่วยข้าด้วย!”

“ที่แท้ไม่ใช่แค่ไร้ประโยชน์ ยังเป็นคนโง่บรมอีกด้วย…”

เสียงของจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนล้วนเจือแววท้อแท้ ละเหี่ยใจยิ่งกว่าเสียอีก

ข่งเจาผงะ ครู่ใหญ่กว่าจะได้สติฉุกคิดขึ้นมาได้ หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่กล่าวว่า “ท่านบรรพชน ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร คงไม่ใช่ว่า…”

กล่าวถึงตรงนี้ข่งเจาก็เกือบขวัญกระเด็น พอจะตัดสินได้คร่าวๆ แล้ว บรรพชนคนนี้ของตนก็เหมือนกับตน ถูกปฏิบัติเช่นเดียวกัน!

นี่เป็นไปได้อย่างไร

บนโลกนี้ยังมีสมบัติที่สามารถกำราบบรรพชนได้อีกหรือ

หลินสวินนั่นเป็นใครกันแน่ เหตุใดสมบัติในมือเขาแต่ละชิ้นถึงได้น่าสะพรึงขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้

“เวลาข้ามีไม่มากนัก เมื่อถึงคราวตายกลับพบเจอกับคนรุ่นเยาว์เช่นเจ้า หรือนี่จะเป็นประสงค์ของสวรรค์”

เสียงของจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนดังขึ้น “ช่างเถิด เช่นนั้นก็เดิมพันสักตั้ง หากสำเร็จข้าจะได้ยืมร่างไปเกิดใหม่ หากล้มเหลว… ก็แค่ตาย!”

ในใจข่งเจาสั่นไหว กล่าวด้วยความตกใจว่า “ท่านบรรพชน ท่านจะทำอะไร”

แต่สิ่งที่ตอบเขา กลับเป็นประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่แสบตาไร้ขอบเขต ท่วมตัวเขาทั้งตัวจมมิดอยู่ในนั้น

“ไม่…! อย่า…!”

ข่งเจาคำราม ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าบรรพชนคนนี้ของตนถึงกับยึดร่างคนรุ่นเยาว์อย่างตน!

เพียงชั่วพริบตาสั้นๆ จิตรับรู้และจิตดั้งเดิมของเขาก็ถูกบดขยี้โดยสมบูรณ์ ร่างถูกจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนยึดครอง เท่ากับตายคาที่อย่างสิ้นเชิงแล้ว

การตายเช่นนี้อำมหิตที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต่างจากกัดกินเลือดเนื้อสักเท่าใดนัก!

“เด็กน้อยเอ๋ย การได้ทำเรื่องเล็กน้อยให้บรรพชน ตายไปก็น่าภาคภูมิไม่ใช่หรือ ฮ่าๆๆ… สำเร็จแล้ว ในที่สุดก่อนตายข้าก็ช่วงชิงทางรอดเสี้ยวหนึ่งได้แล้ว!”

“เก่ออวี้ผู รอยามข้าพลังฟื้นคืน จะต้องฆ่าพวกเศษเดนของคีรีดวงกมลทั้งหมดให้สิ้นซาก!”

ข่งเจาระเบิดหัวเราะ เพียงแต่ข่งเจาในเวลานี้กลายเป็นอีกคนไปแล้ว ทั่วร่างเผยความเผด็จการที่สามารถสะเทือนหมื่นยุคได้

ปึง!

แสงมรรคทองนิลกาฬสายหนึ่งปรากฏ กดทับบนตัวข่งเจาอย่างหนักหน่วง โจมตีจนเขาส่งเสียงร้องโหยหวนชวนสังเวชออกมา ล้มฟุบลงตรงนั้น เริ่มกระตุกเกร็งเหมือนเป็นลมชัก

พร้อมกันนั้นเสียงของหลินสวินก็ดังขึ้นภายในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด

“เจ้าเฒ่า เมื่อครู่ตอนยึดร่างก็สูบพลังอันน้อยนิดที่เจ้าเหลืออยู่ไปหมดแล้ว ตอนนี้แม้แต่เรี่ยวแรงจะโต้กลับก่อนตายเจ้ายังไม่มีเลย เหตุใดยังดีใจเช่นนี้อยู่อีก”

………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์