ข่งเจาถอนหายใจยาว รู้ฐานะของจินตู๋อีแล้วอย่างไร รู้ว่าเขามีศุภโชคที่มีความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ชิ้นหนึ่งแล้วอย่างไร
ด้วยพลังของพวกเขา ต่อให้รวมตัวกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้อยู่ดี!
ความอัดอั้นอย่างบอกไม่ถูกวูบหนึ่งทะลักสู่จิตใจของข่งเจา เขาพลิกฝ่ามือคราหนึ่ง ปรากฏยันต์มรรคสองชิ้น ชิ้นหนึ่งสลักคำว่า ‘ยุทธจักร’ อีกผืนหนึ่งสลักคำว่า ‘จักรวาล’
“ในเมื่อคว้ามาไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะทำลายเจ้าซะ!”
ข่งเจากัดฟัน บีบบดยันต์มรรคสองชิ้นนี้อย่างแรง
ปึง! ปึง!
แสงงามอร่ามสองสายพุ่งขึ้นสู่ชั้นเมฆ
…
กลางแนวเขาที่พยับหมอกสีม่วงคละคลุ้งแถบหนึ่ง หวงฝู่เซ่าหนงกำลังพาผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคจักรวาลทั้งกลุ่มเดินทางภายในนั้นอย่างระมัดระวัง
“ตามบันทึกแผนภาพ มุ่งหน้าตรงไปอีกสองวันก็จะไปถึงศูนย์กลางของเขตต้องห้ามเซียนโบราณ เขาปู้โจวในตำนานลูกนั้นก็ตั้งอยู่ในนั้น”
หวงฝู่เซ่าหนงพินิจม้วนภาพเก่าแก่กลางฝ่ามือ กล่าวอย่างใคร่ครวญ “แต่ก่อนหน้านี้ทุกคนต้องระวังกันหน่อย”
ทุกคนต่างพยักหน้า
และในเวลานี้หวงฝู่เซ่าหนงอึ้งไป พลิกฝ่ามือคราหนึ่ง ยันต์มรรคชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น แผ่ประกายแสงระยับออกมา
ที่ตามมาติดๆ คือประทับจิตเสี้ยวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาด้วย
เมื่อสำรวจคร่าวๆ นัยน์ตาหวงฝู่เซ่าหนงวาบประกาย จินตู๋อีดันเป็นหลินสวินนั่นหรือ มิน่า มิน่าล่ะ…
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ทอดสายตามองคนอื่นๆ “มีการเปลี่ยนแปลง พวกเราไปหาพวกข่งเจาจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์”
“นี่เป็นเพราะอะไร”
คนอื่นๆ ต่างอึ้งไป
หวงฝู่เซ่าหนงยิ้มบางๆ “วาสนาในเขาปู้โจวยังไม่แน่ว่าจะถูกใครแย่งชิงไปได้ แต่ศุภโชคที่มีความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์อยู่ใกล้แค่เอื้อม!”
…
“หลินสวิน… ที่แท้ก็เป็นเจ้าหมอนี่…”
กลางทะเลทรายแห่งหนึ่ง หมีอู๋หยาในชุดขาวผมขาวก็ได้รับข่าวเช่นกัน นัยน์ตาวาววับดุจสายน้ำสงบนิ่งราวคันฉ่องของเขาทอประกายลุกโชนอย่างหาได้ยากขึ้นมา
ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว เขาก็มีรากฐานพลังเพียงพอจะกลายเป็นมกุฎกึ่งจักรพรรดิ เหตุที่กดข่มระดับพลังจนถึงตอนนี้ ก็เพียงเพื่อเข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณ แสวงหามรรคแห่งการเปลี่ยนแปลงสุดขั้วอย่างหนึ่ง
แต่หลังจากเลื่อนระดับเป็นมกุฎกึ่งจักรพรรดิแล้วล่ะ
ย่อมเป็นการแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ!
“ศุภโชคชิ้นนั้นในแหล่งสถานคุนหลุน ตั้งแต่อดีตจนบัดนี้ไม่รู้ดึงดูดบุคคลแห่งยุคเท่าไหร่ให้เข้าไปแย่งชิงกัน แต่กลับถูกเจ้าเอาไปครองคนเดียว… นี่อาจเป็นเพราะเจ้าบุญหนา แต่ในเมื่อถูกข้าพบเจอแล้ว…”
หมีอู๋หยาหัวเราะเงียบๆ “เช่นนั้นก็ลองดูสักตั้ง ว่าศุภโชคชิ้นนั้นใครจะมีคุณสมบัติครอบครองกันแน่”
เขาหมุนตัว สายตาทอดมองคนอื่นๆ จากเรือนมรรคยุทธจักรที่อยู่ข้างกาย กล่าวว่า “ข้าจะไปตามหาจินตู๋อี พวกเจ้าอยากไปด้วยไหม”
ไม่มีใครคัดค้าน ในเรือนมรรคยุทธจักร หมีอู๋หยาก็คือบุคคลแห่งจิตวิญญาณในหมู่ผู้สืบทอดแกนหลัก ไม่มีใครฝ่าฝืนความตั้งใจของเขา
“ดี เช่นนั้นก็ไปเถอะ”
หมีอู๋หยาพยักหน้า เดินไปเบื้องหน้าเอามือไพล่หลัง เสื้อผ้าอาภรณ์ขาวยิ่งกว่าหิมะ ผมขาวราวน้ำค้าง บุคลิกเกรียงไกร
…
ส่วนลึกของป่าโบราณสีเลือด
ข่งเจาเฝ้าคอยเงียบๆ เขากระจายข่าวออกไปแล้ว เขามั่นใจหาใดเปรียบว่ายามหวงฝู่เซ่าหนงและหมีอู๋หยารู้ฐานะของหลินสวิน จะต้องมุ่งหน้ามาแน่!
“ศิษย์พี่ข่งเจา พวกเราจะรอต่อไปเช่นนี้หรือ”
คนผู้หนึ่งเอ่ยถาม
ที่นี่คือเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ภัยอันตรายและไอสังหารซุ่มซ่อนทุกหนแห่ง
และป่าโบราณสีเลือดที่พวกเขาอยู่ในเวลานี้ ดูคล้ายไม่มีอันตรายอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไปใครจะกล้ายืนยันว่าจะไม่เกิดเหตุขึ้นเลย
“เจ้าอยากออกไปตายหรือ”
ข่งเจากล่าวเยียบเย็น “ยันต์มรรครักษาชีวิตบนตัวข้ามีแค่ชิ้นเดียว ก่อนหน้านี้ใช้ไปแล้ว หากออกจากที่นี่ตอนนี้แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรอีกจะทำอย่างไร”
คนอื่นๆ ล้วนนิ่งเงียบไป
ใครต่างก็มองออกว่าสภาวะจิตของข่งเจาย่ำแย่มาก ลองคิดดูก็จริง รวมพลังทุกคนแล้วกลับถูกจินตู๋อีนั่นฆ่าจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนฝ่ายเดียว หากเป็นคนอื่นใครจะอารมณ์ดีได้กันเล่า
มีคนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พูดขึ้นว่า “ถ้าเผื่อว่า… ข้าหมายถึงเผื่อว่าจินตู๋อีนั่นหาที่นี่พบ…”
“หาพบแล้วอย่างไร”
ข่งเจากล่าวตัดบท สีหน้าเขาอึมครึมลงมา “หรือพวกเจ้าถูกเขาข่มขวัญจนปอดแหกกันหมดแล้ว”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา ต่างไม่กล้าเอ่ยค้านอีก
ฟุ่บ!
และในเวลานี้ เสียงแหวกอากาศของธนูที่บาดหูสายหนึ่ง จู่ๆ ก็ดังขึ้นในส่วนลึกของป่าโบราณอันเงียบกริบผืนนี้ราวกับลมพายุ
“แย่แล้ว!”
ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์เหล่านี้ต่างหน้าเผือดสี ตระหนักถึงอันตรายถึงชีวิตที่ลอบโจมตีมา รีบเบี่ยงหลบไปไกลๆ โดยไม่ลังเลสักนิด
ตูม!
ตำแหน่งที่พวกเขาอยู่แต่เดิม ถูกลูกศรดอกหนึ่งระเบิดจนป่นปี้ ต้นไม้โบราณแถวนั้นล้วนกลายเป็นผุยผง แผ่นดินกว้างถูกแยกเป็นโพรงลึกสุดหยั่ง
พร้อมกันนั้นเสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้น เป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์คนหนึ่ง ที่ยามหลบหลีกถูกธนูกรีดผ่าน แผ่นหลังเลือดเนื้อล้วนถูกเปิดแยก เลือดสดไหลหลั่ง กระดูกขาวเปิดเปลือย
“เป็นจินตู๋อี ก่อนหน้านี้เขาก็ใช้ศรเทพสังหารศิษย์น้องหวัง!”
เหลยเฟิงเชวียตะโกนลั่น เผยแววตื่นตระหนก
ฉับพลันคนอื่นๆ ล้วนหน้าเปลี่ยนสี จินตู๋อีนั่นถึงกับไล่ฆ่าเข้ามาแล้วหรือ
“เขามาแล้วจริงๆ…”
ข่งเจาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เสียงเผยแววเคืองแค้น
กลางฝ่ามือเขาลายยันต์มรรคแรดวิญญาณปรากฏขึ้น ตรวจจับกลิ่นอายผิดประหลาดได้สายหนึ่ง กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้จากไกลๆ ด้วยความเร็วน่าตกใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์