Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1996

สรุปบท ตอนที่ 1996 ขอถามเหล่าผู้กล้า ใครกล้าประลองบ้าง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1996 ขอถามเหล่าผู้กล้า ใครกล้าประลองบ้าง – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 1996 ขอถามเหล่าผู้กล้า ใครกล้าประลองบ้าง ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 1996 ขอถามเหล่าผู้กล้า ใครกล้าประลองบ้าง
หลิงเคอจื่อพลันยิ้มขื่น “จบกัน หากชิงโอกาสเข้าไปในประตูทลายนั่นเช่นนี้ เกรงว่าข้าคงไม่มีหวังแล้ว”

เขาพูดพลางมองหลินสวินวูบหนึ่ง

คนอื่นต่างแปลกใจอยู่บ้าง แต่ในใจหลินสวินกลับรู้ดีว่าสาเหตุที่เจ้าหมอนี่พูดเช่นนี้ เป็นเพราะเมื่อเปิดศึก ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของคนอื่นได้หรือไม่ แต่เขาต้องไม่กล้าลงมือกับตนแน่

“ขี้ขลาด”

ริมฝีปากหลินสวินขยับพูดคำหนึ่งออกมาเบาๆ

หลิงเคอจื่อคอตก มีเพียงเขาที่มองความน่ากลัวของหลินสวินออก เขาจะไม่ขลาดกลัวได้อย่างไร

“ถ้าเช่นนั้น แท่นมรรคนั่นก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะปรากฏขึ้นอีกหรือ”

สายตาหลินสวินมองไปยังถังซู

“ไม่ผิด”

ถังซูพยักหน้า จากนั้นนางก็เผยสีหน้าประหลาดเสี้ยวหนึ่ง “แต่หลังจากที่เจ้ามา สถานการณ์ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว”

“หมายความว่าอย่างไร” หลินสวินเลิกคิ้ว

ถังซูยิ้มกล่าว “เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือแสร้งไขสือกันแน่ ไม่รู้หรือว่ามีคนมากมายตาร้อนผ่าวอยากได้ศุภโชคในมือเจ้า”

สายตาของนางมองไปยังคนอื่นในที่นั้นพลางกล่าว “ตอนที่เจ้ายังไม่มา มีคนไม่น้อยประกาศว่าจะลงมือจัดการเจ้าอยู่เลย ถึงอย่างไรก็ยังไม่มีใครรู้ว่ามหาสมบัติแรกกำเนิดนี้เป็นอย่างไรกันแน่ แต่ศุภโชคในมือของเจ้านั้นอยู่ตรงหน้า”

เสียงสะท้อนก้องอยู่ในที่นั้น ทำให้สีหน้าของหลายคนดูอึดอัดอยู่บ้าง

แม้แต่หลินสวินก็คิดไม่ถึงว่าถังซูจะพูดตรงเช่นนี้ นำเรื่องพวกนี้มาเปิดเผยต่อหน้าทุกคน

เขายิ้มบางพลางเอ่ยว่า “งั้นรึ ดูเหมือนว่าการตายของพวกข่งเจาและหวงฝู่เซ่าหนง ยังไม่พอทำให้บางคนสำรวม”

ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา บรรยากาศในที่นั้นก็เปลี่ยนเป็นกดดันไม่น้อย

สายตาบางคนวูบไหว

และมีคนกระตือรือร้นอยากลองดู

หลินสวินเอามือไพล่หลัง นัยน์ตาดำล้ำลึกกล่าวเรียบๆ “ถึงอย่างไรก็ว่างอยู่ ถ้ามีใครไม่กลัวตายก็ก้าวออกมา”

ประโยคเดียวท้าประลองได้ทุกคน!

ท่าทางเช่นนั้นดูแข็งกร้าวและตรงไปตรงมาหาใดเปรียบ ทำให้คนมากมายต่างลอบตระหนก

“แค่เศษเดนแห่งคีรีดวงกมลคนหนึ่ง กล้ามาเอ็ดตะโรที่นี่ คิดหรือว่าไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้จริงๆ”

เสียงฮึเย็นชาดังขึ้น ทว่าเสียงกลับไหววูบพลิ้วล่อง ไม่อาจทราบที่มาของมัน

นัยน์ตาหลินสวินฉายแววเข่นฆ่าวูบหนึ่ง กล่าวเสียงเรียบ “มัวแต่มุดหัวมุดหาง กล้าปรากฏตัวออกมาพูดไหม”

เสียงนั้นกลับเงียบสงบลง

เห็นชัดว่าคนที่พูดนั้นรู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินสวินดี กล้าแค่ขยับปาก พอให้เขาเผชิญหน้ากับหลินสวินเข้าจริงๆ กลับไม่กล้า

“ยังนับว่ารู้ตัวดี”

หลินสวินไม่อำพรางแววเหน็บแนมของตนแม้แต่น้อย

“หลินสวิน เจ้าวางท่าจองหองเช่นนี้ ไม่ห่วงว่าตอนที่ชิงโอกาสเข้าไปในประตูทลายจะถูกล้อมโจมตีรึ”

ชายที่เกิดมามีผมยาวสีน้ำเงินเข้ม สวมเสื้อคลุมทองคนหนึ่งกล่าวเย็นชา

เขาชื่อว่าเถาเทียนหุน มกุฎราชันอริยะอันดับหนึ่งแห่งเผ่านักรบเถาอู้ พลังต่อสู้ดุดันเป็นอย่างยิ่ง สามารถเข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนโบราณและมาถึงหน้าประตูทลายได้ ก็เพียงพอพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาแล้ว

ความจริงแล้วอีกสามสิบกว่าคนในที่นี้ก็ไม่มีใครเป็นพวกธรรมดาสักคน

“พวกข่งเจาสิบสองคนล้อมโจมตีข้า ผลคือตายเรียบ พวกหวงฝู่เซ่าหนงสิบเจ็ดคนล้อมโจมตีข้า สุดท้ายก็ล้มตายกันเป็นเบือ เจ้าคิดว่าข้าคนแซ่หลินกลัวการถูกล้อมโจมตีหรือ”

หลินสวินเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อย คำพูดแข็งกร้าว

คำพูดของถังซูเผยความคิดของทุกคนออกมาอยู่ก่อนแล้ว ทำให้หลินสวินรู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้คือ ต่อให้ตนไม่ก่อเรื่อง ก็ต้องมีคนมาหาเรื่องตน

มิสู้ตรงไปตรงมาหน่อย สะใจกว่า

ตอนนี้หากจัดการพวกที่ไม่ลืมหูลืมตาไปได้บ้าง รอเมื่อแท่นมรรคนั้นปรากฏอีกครั้ง ก็จะได้มีพวกต่อต้านน้อยลงหน่อย

เถาเทียนหุนอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ ครู่ใหญ่จึงกล่าวยิ้มหยัน “ถ้าสวรรค์อยากให้ตายย่อมทำให้คนบ้าระห่ำ เจ้าหลินสวิน… หึๆ ต่อให้รอดออกไปจากเขตต้องห้ามเซียนโบราณนี้ได้ แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าในโลกภายนอกพวกนั้น… เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!”

เป็นจริงดังว่า

ฐานะของหลินสวินถูกเปิดโปงแล้ว หากผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิในโลกภายนอกพวกนั้นรู้เข้า มีหรือจะไม่แยแส

ทว่าหลินสวินคล้ายไม่รู้สึกอะไร นัยน์ตาดำเฉยชากล่าว “ถ้าเจ้าอยากสู้ก็เข้ามา หากไม่กล้าก็หุบปากโดยดี มิฉะนั้นหากเจ้ากล้าพูดอีกคำ ข้าจะฆ่าเจ้าแน่”

น้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับเหมือนลมเย็นเยียบพัดผ่านทุกคนในที่นั้น ทำให้หลายคนต่างเผยสีหน้าประหลาด

หลินสวินนี่…

บ้าดีนัก!

เมื่อถูกข่มขู่เช่นนี้ สีหน้าเถาเทียนหุนจึงประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ทรวงอกกระเพื่อมไหวคล้ายอยากลงมืออย่างอดไม่อยู่ แต่สุดท้ายก็ยังอดกลั้น ไม่พูดแม้แต่คำเดียวดังคาด

“ขี้ขลาด”

หลินสวินกลับพูดออกมาคำหนึ่ง

แค่คำเดียวเท่านั้น แต่กลับเจือกลิ่นอายของความเหยียดหยันและหยามหน้าอย่างเต็มเปี่ยม

“หลินสวิน เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าจริงๆ หรือ”

เถาเทียนหุนบันดาลโทสะ ผมยาวสีน้ำเงินเข้มทั้งศีรษะแผ่สยาย ทั่วร่างแผ่ไอสังหารพลุ่งพล่านล้นฟ้า

ฟุ่บ!

หลินสวินเคลื่อนผ่านอากาศ ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเถาเทียนหุนแล้วชี้นิ้วออกไป

ดูผ่อนคลายสบายใจ แต่พลังดรรชนีนั้นกลับอัดแน่นไปด้วยความดุดันถึงขีดสุด สาดแสงประกายที่ทำให้ฟ้าดินมืดมนออกมา

ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะลงมือโดยตรง!

เถาเทียนหุนตะโกนลั่น ซัดหมัดหนึ่งออกไป พลังหมัดดุจขุนเขา มีอานุภาพสลายภูผาธารา สานพันด้วยพลังของเขตแดนมรรคที่พร่างพรายลานตา

ปึง!

แต่แค่ชั่วพริบตา พลังหมัดนั้นก็ถูกพลังดรรชนีของหลินสวินเจาะทะลุอย่างง่ายดายเหมือนลูกหนัง เสียงระเบิดดังขึ้น แสงมรรคสาดกระเซ็น

นอกจากนี้ยังมีกำไลเก็บของชิ้นหนึ่ง เต็มไปด้วยเจตวัตถุและโอสถสมบัตินานัปการ

ผลประโยชน์เช่นนี้เรียกได้ว่าชวนตะลึง แต่หลินสวินเคยชินกับเรื่องพวกนี้นานแล้ว ก่อนหน้านี้ยามสังหารพวกข่งเจาและหวงฝู่เซ่าหนง เขาได้ทรัพย์หลังศึกที่มีค่ามามากมาย แค่สมบัติจักรพรรดิก็มีมากถึงห้าหกชิ้นแล้ว!

ทุกคนในที่นั้นสีหน้าพิกล หลินสวินฆ่าคนชิงทรัพย์ ดูเชี่ยวชาญคุ้นเคยอย่างยิ่ง ทำให้พวกเขามีความรู้สึกว่าตาลาย

เห็นได้ชัดว่าเจ้าหมอนี่เคยทำเรื่องพวกนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว!

“ฆ่าไปคนหนึ่ง ก็เท่ากับมีคู่แข่งน้อยไปหนึ่งคน ทุกท่านว่าอย่างไรเล่า”

สายตาหลินสวินกวาดมองทุกคน เอ่ยปากเนิบนาบ

ไม่มีใครตอบ หลักการนี้ไม่ว่าใครก็รู้ดี เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาเท่านั้น

หลินสวินยิ้มกล่าว “เห็นว่าตอนนี้ยังมีเวลา ยังมีสหายยุทธ์ท่านไหนต้องการชิงศุภโชคในมือข้าคนแซ่หลินอีกบ้าง”

ทุกคนมองหน้ากันไปมา บางคนถึงขั้นไม่กล้าสบตากับหลินสวิน

หลิงเคอจื่อเห็นเหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาก็ทอดถอนใจ นึกถึงภาพประหลาดที่เห็นในครั้งแรกยามเจอหลินสวินขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

เขาก้าวเดินอยู่คนเดียว ราวกับเทพสังหารออกเดินทาง

ตลอดทางคือภูเขาศพทะเลเลือด

เบื้องหลังเขาโลกแตกออกจากกัน ดวงดาวร่วงหล่นนิรันดร์ สรรพสิ่งว่างเปล่า

มีเพียงเงาร่างของเขา

กลายเป็นสิ่งเดียวที่ไม่เสื่อมสูญในความพินาศ!

“จือไป๋ อยากถือโอกาสนี้ประลองฝีมือกับพี่หลิน”

ทันใดนั้นเสียงฉะฉานหนึ่งพลันดังขึ้น ที่มาพร้อมกับเสียงคือเงาร่างของจือไป๋ที่ก้าวมาแต่ไกล

รอบตัวเขาพรั่งไปด้วยกลิ่นอายส่องสว่างดูศักดิ์สิทธิ์ แต่ใต้ฝ่าเท้าของเขากลับปรากฏลวดลายมรรคมารมากมาย

ร่างเปล่งแสงสว่างไสว แต่กลับย่างเท้าในความมืดมิด!

คนมากมายนัยน์ตาวาววาบ ฮึกเหิมอยู่ในใจ

ก่อนหน้านี้ท่าทีหยิ่งผยองที่แข็งกร้าวนั้นของหลินสวิน ทำให้ในใจของหลายคนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เห็นเขาแล้วไม่เจริญตา ตอนนี้ในที่สุดก็มีบุคคลร้ายกาจแห่งยุคก้าวออกมาคนหนึ่ง หมายกำราบความเย่อหยิ่งของเขา ย่อมทำให้ผู้คนเฝ้ารอเป็นธรรมดา

แทบอยากจะโห่ร้องให้กำลังใจจือไป๋

ด้านหลังจือไป๋ เยวี่ยหรูหั่วก็เดินมาแต่ไกล แต่เมื่อเห็นภาพนี้เขากลับเผยรอยยิ้มขื่นอย่างจนปัญญา

ไปเผชิญหน้ากับหลินสวินนั่นเวลานี้ จะดีจริงหรือ

แต่เขาไม่อาจไปขัดขวางได้แล้ว

สายตาของหลินสวินก็มองไปยังจือไป๋ที่เดินมา ตั้งแต่ต้นจนจบในนัยน์ตาดำเต็มไปด้วยความเฉยชา ไม่พูดพร่ำทำเพลง ริมฝีปากขยับพูดเพียงคำหนึ่งเบาๆ

“ได้”

……………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์