แต่หลิงเคอจื่อกลับเหมือนคาดเดาไว้แล้วว่าฟากฝั่งฟ้าดารานั้นมีจริง ทั้งยังเชื่อว่าสักวันหนึ่งตนจะได้มุ่งหน้าไปที่นั่น
นี่จะแปลกประหลาดเกินไปแล้ว!
แต่หลินสวินไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงอีก ในเมื่อหลิงเคอจื่อพูดว่ารอภายหน้าเมื่อมีโอกาสจะบอกคำตอบตน เช่นนั้นต่อให้ตนถามไปก็คงเปล่าประโยชน์
“ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก…”
หลิงเคอจื่อเหมือนยกภูเขาออกจากอก ในดวงตาที่เปล่งประกายมีชีวิตชีวาฉายแววปิติยินดี แม้จะเป็นแค่การรับปาก แต่ก็ทำให้เขาดีใจหาใดเปรียบ
ทางภูเขาขรุขระ วกวนดั่งอสรพิษ ภายใต้การชี้นำของจี้เสวียน กลิ่นอายทำลายล้างที่อบอวลอยู่ตลอดทางดูน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิม
มีลักษณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้าปรากฏเป็นครั้งคราว ชวนกระตุกจิตวิญญาณ
“ก่อนหน้านี้พี่หลินเคยมาที่นี่หรือ”
หลิงเคอจื่ออดถามไม่ได้ เขาพบว่าตลอดทางไม่เคยเจออันตรายอะไร นี่ต่างจากการเข้ามาในเขาปู้โจวของเขาก่อนหน้านี้มาก
“ไม่เคย”
หลินสวินส่ายหัว เขาไม่ได้อธิบาย
“เท่าที่อาตมารู้ ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณนี้มีอันตรายใหญ่หลวงมากมายกระจายอยู่ทั่ว ล้วนน่ากลัวไม่ด้อยไปกว่าเขาปู้โจว ครั้งนี้แม้ว่าพวกเราจะมากันหนึ่งร้อยแปดคน แต่ผู้ที่ออกไปได้แบบมีชีวิตจริงๆ… เกรงว่าคงมีน้อยยิ่งกว่าน้อย”
หลิงเคอจื่อทอดถอนใจ เจือกลิ่นอายรำพึงฟ้าเวทนาคน
หลินสวินกล่าวง่ายๆ “ต้องการชิงมหาสมบัติแรกกำเนิด มีหรือจะไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน”
เขาคร้านจะใส่ใจความเป็นตายของคนอื่น สนใจแค่พวกจินเทียนเสวียนเยวี่ย เหลิ่งซิวเจีย เซี่ยอวี่ฮวาสามคนเท่านั้น
ตอนนี้ลู่ตู๋ปู้และซูมู่หานล้วนประสบเคราะห์ เขาไม่อยากให้พวกจินเทียนเสวียนเยวี่ยเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรอีก
“หืม?”
ระหว่างสนทนา หลินสวินและหลิงเคอจื่อใจกระตุกพร้อมกัน สายตาพลันมองออกไปไกล
ห่างออกไป หมอกควันที่วิวัฒน์จากกลิ่นอายทำลายล้างพวยพุ่งอบอวล สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่ามีประตูหินโค้งตามธรรมชาติขนาดมหึมาตั้งอยู่ ความสูงประมาณพันจั้ง เก่าแก่เด่นตระหง่าน
มองจากไกลๆ แล้วเหมือน ‘ประตูสวรรค์’ บานหนึ่ง!
กฎระเบียบนับไม่ถ้วนวิวัฒน์เป็นละอองแสงรุ้งเทพหลากสีสัน เริงระบำหมุนวน ส่องแสงสะท้อนระยับอยู่ในประตูหินโค้งขนาดมหึมานั่น
“ประตูทลาย!”
หลิงเคอจื่อหลุดพูดออกมา เผยสีหน้าตกตะลึง “ตามตำนานมหาสมบัติแรกกำเนิดที่เกิดจากเขาปู้โจวชิ้นนั้น เป็นไปได้สูงว่าจะอยู่ในประตูทลายนั่น!”
หลินสวินอดมองเขาอย่างแปลกใจไม่ได้ ความลับที่ภิกษุรูปนี้รู้มีไม่น้อยจริงๆ
ขณะเดียวกันเสียงของจี้เสวียนดังขึ้นในใจของหลินสวิน ‘ภิกษุน้อยนี่พูดถูก เพียงแต่… ประตูนี้ใช่ว่าจะเข้าไปได้ง่ายๆ’
‘ปีนั้นตอนที่ข้ากับจวินหวนมาที่นี่ ประตูนี้ถูกระเบียบมหามรรคที่น่ากลัวปกคลุมอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะหยั่งเชิงอย่างไรก็ไม่อาจข้ามผ่าน หากรุกล้ำเข้าไปย่อมมีแต่ตายไร้ชีวา’
จี้เสวียนพูดถึงตรงนี้น้ำเสียงก็เจือความซับซ้อนวูบหนึ่ง ‘ตอนนั้นข้าไม่ฟังคำปรามของจวินหวน ลองเสี่ยงตายบุกเข้าไป ผลลัพธ์…’
‘ผลเป็นอย่างไร’ หลินสวินอดกล่าวไม่ได้
‘อย่างที่เจ้าเห็น ด้วยรุกล้ำเข้าไปในประตูนี้ จึงทำให้ข้าถูกโจมตีโดยระเบียบมหามรรค เกือบวิญญาณแตกซ่าน แม้จะโชคดีหอบชีวิตกลับมาได้ แต่ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้กลับติดอยู่ที่นี่ คนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง ราวกับเสียสติ…’
จี้เสวียนพูดจบก็ถอนใจยาวอีกครั้ง
หลินสวินสูดหายใจเย็นเยียบ อาการบาดเจ็บของจี้เสวียน เกิดขึ้นแค่เพราะรุกล้ำประตูทลายบานนั้น!
ไม่แปลกที่ศิษย์พี่หลี่เสวียนเวยจะพูดว่า ปีนั้นศิษย์พี่จวินหวนมาไม่ได้จังหวะ จนทำให้ต้องกลับไปมือเปล่า
จี้เสวียนกล่าว ‘แต่ตอนนี้เขตต้องห้ามเซียนโบราณเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด ไม่เหมือนแต่ก่อน แม้แต่ระเบียบมหามรรคที่ปกคลุมประตูทลายนี้ก็หายไปไม่มีเหลือ หากเป็นไปดังคาด ไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจได้เจอมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นอย่างที่พวกเจ้าวางแผนไว้จริงๆ’
คราวนี้หลินสวินถึงได้สงบใจลงไม่น้อย
“พี่หลิน ดูสิ”
หลิงเคอจื่อพลันพูดขึ้น
เมื่อมองตามสายตาของเขาไป ก็เห็นว่าหน้าประตูทลายนั้นมีหินพิสดารแออัดเรียงราย เงาร่างไม่น้อยมาถึงอยู่ก่อนแล้ว ต่างยืนอยู่กันคนละที่
เพียงเหลือบมองหลินสวินก็เห็นพวกหมีอู๋หยาแห่งเรือนมรรคยุทธจักร พวกหลิงหงจวงแห่งเรือนมรรคโลกาสวรรค์ รวมถึงปีศาจแห่งยุคบางคนที่มาจากโลกอื่นบนฟ้าดารา
อย่างจิ่งเทียนหนานและเวินอวี๋
นอกจากนี้ยังมีฮว่าซิงหลีแห่งเรือนมรรคเหล่ามาร ถังซูแห่งเผ่านักรบดาบคลั่งเป็นต้น
รวมแล้วมีมากถึงสามสิบกว่าคน!
ทั้งดูจากสถานการณ์ ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาถึงที่นี่นานแล้ว
หลินสวินไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ ผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนโบราณครั้งนี้ เกือบทั้งหมดล้วนเตรียมการมาก่อน ได้รู้ความลับมามากมาย แม้แต่หลิงเคอจื่อก็ยังรู้ถึงการมีอยู่ของประตูทลาย คนอื่นจะไม่รู้ได้อย่างไร
“ไป พวกเราไปกันเถอะ”
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ ก้าวไปข้างหน้า
หลิงเคอจื่อรีบตามหลังมาติดๆ
การปรากฏตัวของทั้งสองคนดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ ในที่นั้นทันที โดยเฉพาะเมื่อเห็นหลินสวิน หลายคนต่างเผยสีหน้าประหลาด
“หลินสวิน คนอย่างเจ้านี่หลอกคนเก่งเกินไปแล้ว ทุกคนในที่นี้มองฐานะของเจ้าออกกันหมดแล้ว เจ้าต้องระวังตัวด้วย”
ถังซูเอ่ยปาก นางสวมเสื้อคลุมดำแขนกว้าง สวมหมวกที่บดบังใบหน้ากว่าครึ่งเหมือนแต่ก่อน ในมือเล็กบางประหนึ่งหยกกุมดาบศึกเจิดจ้าที่แคบยาวเป็นอย่างยิ่งเล่มหนึ่งไว้
ทั้งตัวดูองอาจกล้าหาญ เจือกลิ่นอายดุดันปราดเปรียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์