Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1995

สรุปบท ตอนที่ 1995 ประตูทลาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 1995 ประตูทลาย จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1995 ประตูทลาย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 1995 ประตูทลาย
ฟากฝั่งฟ้าดาราเลือนรางเพียงใด ราวกับตำนาน แม้แต่บุคคลระดับจักรพรรดิยังสงสัยว่ามีอยู่จริงหรือไม่

แต่หลิงเคอจื่อกลับเหมือนคาดเดาไว้แล้วว่าฟากฝั่งฟ้าดารานั้นมีจริง ทั้งยังเชื่อว่าสักวันหนึ่งตนจะได้มุ่งหน้าไปที่นั่น

นี่จะแปลกประหลาดเกินไปแล้ว!

แต่หลินสวินไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงอีก ในเมื่อหลิงเคอจื่อพูดว่ารอภายหน้าเมื่อมีโอกาสจะบอกคำตอบตน เช่นนั้นต่อให้ตนถามไปก็คงเปล่าประโยชน์

“ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก…”

หลิงเคอจื่อเหมือนยกภูเขาออกจากอก ในดวงตาที่เปล่งประกายมีชีวิตชีวาฉายแววปิติยินดี แม้จะเป็นแค่การรับปาก แต่ก็ทำให้เขาดีใจหาใดเปรียบ

ทางภูเขาขรุขระ วกวนดั่งอสรพิษ ภายใต้การชี้นำของจี้เสวียน กลิ่นอายทำลายล้างที่อบอวลอยู่ตลอดทางดูน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิม

มีลักษณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้าปรากฏเป็นครั้งคราว ชวนกระตุกจิตวิญญาณ

“ก่อนหน้านี้พี่หลินเคยมาที่นี่หรือ”

หลิงเคอจื่ออดถามไม่ได้ เขาพบว่าตลอดทางไม่เคยเจออันตรายอะไร นี่ต่างจากการเข้ามาในเขาปู้โจวของเขาก่อนหน้านี้มาก

“ไม่เคย”

หลินสวินส่ายหัว เขาไม่ได้อธิบาย

“เท่าที่อาตมารู้ ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณนี้มีอันตรายใหญ่หลวงมากมายกระจายอยู่ทั่ว ล้วนน่ากลัวไม่ด้อยไปกว่าเขาปู้โจว ครั้งนี้แม้ว่าพวกเราจะมากันหนึ่งร้อยแปดคน แต่ผู้ที่ออกไปได้แบบมีชีวิตจริงๆ… เกรงว่าคงมีน้อยยิ่งกว่าน้อย”

หลิงเคอจื่อทอดถอนใจ เจือกลิ่นอายรำพึงฟ้าเวทนาคน

หลินสวินกล่าวง่ายๆ “ต้องการชิงมหาสมบัติแรกกำเนิด มีหรือจะไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน”

เขาคร้านจะใส่ใจความเป็นตายของคนอื่น สนใจแค่พวกจินเทียนเสวียนเยวี่ย เหลิ่งซิวเจีย เซี่ยอวี่ฮวาสามคนเท่านั้น

ตอนนี้ลู่ตู๋ปู้และซูมู่หานล้วนประสบเคราะห์ เขาไม่อยากให้พวกจินเทียนเสวียนเยวี่ยเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรอีก

“หืม?”

ระหว่างสนทนา หลินสวินและหลิงเคอจื่อใจกระตุกพร้อมกัน สายตาพลันมองออกไปไกล

ห่างออกไป หมอกควันที่วิวัฒน์จากกลิ่นอายทำลายล้างพวยพุ่งอบอวล สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่ามีประตูหินโค้งตามธรรมชาติขนาดมหึมาตั้งอยู่ ความสูงประมาณพันจั้ง เก่าแก่เด่นตระหง่าน

มองจากไกลๆ แล้วเหมือน ‘ประตูสวรรค์’ บานหนึ่ง!

กฎระเบียบนับไม่ถ้วนวิวัฒน์เป็นละอองแสงรุ้งเทพหลากสีสัน เริงระบำหมุนวน ส่องแสงสะท้อนระยับอยู่ในประตูหินโค้งขนาดมหึมานั่น

“ประตูทลาย!”

หลิงเคอจื่อหลุดพูดออกมา เผยสีหน้าตกตะลึง “ตามตำนานมหาสมบัติแรกกำเนิดที่เกิดจากเขาปู้โจวชิ้นนั้น เป็นไปได้สูงว่าจะอยู่ในประตูทลายนั่น!”

หลินสวินอดมองเขาอย่างแปลกใจไม่ได้ ความลับที่ภิกษุรูปนี้รู้มีไม่น้อยจริงๆ

ขณะเดียวกันเสียงของจี้เสวียนดังขึ้นในใจของหลินสวิน ‘ภิกษุน้อยนี่พูดถูก เพียงแต่… ประตูนี้ใช่ว่าจะเข้าไปได้ง่ายๆ’

‘ปีนั้นตอนที่ข้ากับจวินหวนมาที่นี่ ประตูนี้ถูกระเบียบมหามรรคที่น่ากลัวปกคลุมอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะหยั่งเชิงอย่างไรก็ไม่อาจข้ามผ่าน หากรุกล้ำเข้าไปย่อมมีแต่ตายไร้ชีวา’

จี้เสวียนพูดถึงตรงนี้น้ำเสียงก็เจือความซับซ้อนวูบหนึ่ง ‘ตอนนั้นข้าไม่ฟังคำปรามของจวินหวน ลองเสี่ยงตายบุกเข้าไป ผลลัพธ์…’

‘ผลเป็นอย่างไร’ หลินสวินอดกล่าวไม่ได้

‘อย่างที่เจ้าเห็น ด้วยรุกล้ำเข้าไปในประตูนี้ จึงทำให้ข้าถูกโจมตีโดยระเบียบมหามรรค เกือบวิญญาณแตกซ่าน แม้จะโชคดีหอบชีวิตกลับมาได้ แต่ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้กลับติดอยู่ที่นี่ คนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง ราวกับเสียสติ…’

จี้เสวียนพูดจบก็ถอนใจยาวอีกครั้ง

หลินสวินสูดหายใจเย็นเยียบ อาการบาดเจ็บของจี้เสวียน เกิดขึ้นแค่เพราะรุกล้ำประตูทลายบานนั้น!

ไม่แปลกที่ศิษย์พี่หลี่เสวียนเวยจะพูดว่า ปีนั้นศิษย์พี่จวินหวนมาไม่ได้จังหวะ จนทำให้ต้องกลับไปมือเปล่า

จี้เสวียนกล่าว ‘แต่ตอนนี้เขตต้องห้ามเซียนโบราณเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด ไม่เหมือนแต่ก่อน แม้แต่ระเบียบมหามรรคที่ปกคลุมประตูทลายนี้ก็หายไปไม่มีเหลือ หากเป็นไปดังคาด ไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจได้เจอมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นอย่างที่พวกเจ้าวางแผนไว้จริงๆ’

คราวนี้หลินสวินถึงได้สงบใจลงไม่น้อย

“พี่หลิน ดูสิ”

หลิงเคอจื่อพลันพูดขึ้น

เมื่อมองตามสายตาของเขาไป ก็เห็นว่าหน้าประตูทลายนั้นมีหินพิสดารแออัดเรียงราย เงาร่างไม่น้อยมาถึงอยู่ก่อนแล้ว ต่างยืนอยู่กันคนละที่

เพียงเหลือบมองหลินสวินก็เห็นพวกหมีอู๋หยาแห่งเรือนมรรคยุทธจักร พวกหลิงหงจวงแห่งเรือนมรรคโลกาสวรรค์ รวมถึงปีศาจแห่งยุคบางคนที่มาจากโลกอื่นบนฟ้าดารา

อย่างจิ่งเทียนหนานและเวินอวี๋

นอกจากนี้ยังมีฮว่าซิงหลีแห่งเรือนมรรคเหล่ามาร ถังซูแห่งเผ่านักรบดาบคลั่งเป็นต้น

รวมแล้วมีมากถึงสามสิบกว่าคน!

ทั้งดูจากสถานการณ์ ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาถึงที่นี่นานแล้ว

หลินสวินไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ ผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนโบราณครั้งนี้ เกือบทั้งหมดล้วนเตรียมการมาก่อน ได้รู้ความลับมามากมาย แม้แต่หลิงเคอจื่อก็ยังรู้ถึงการมีอยู่ของประตูทลาย คนอื่นจะไม่รู้ได้อย่างไร

“ไป พวกเราไปกันเถอะ”

หลินสวินสีหน้าราบเรียบ ก้าวไปข้างหน้า

หลิงเคอจื่อรีบตามหลังมาติดๆ

การปรากฏตัวของทั้งสองคนดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ ในที่นั้นทันที โดยเฉพาะเมื่อเห็นหลินสวิน หลายคนต่างเผยสีหน้าประหลาด

“หลินสวิน คนอย่างเจ้านี่หลอกคนเก่งเกินไปแล้ว ทุกคนในที่นี้มองฐานะของเจ้าออกกันหมดแล้ว เจ้าต้องระวังตัวด้วย”

ถังซูเอ่ยปาก นางสวมเสื้อคลุมดำแขนกว้าง สวมหมวกที่บดบังใบหน้ากว่าครึ่งเหมือนแต่ก่อน ในมือเล็กบางประหนึ่งหยกกุมดาบศึกเจิดจ้าที่แคบยาวเป็นอย่างยิ่งเล่มหนึ่งไว้

ทั้งตัวดูองอาจกล้าหาญ เจือกลิ่นอายดุดันปราดเปรียว

หลิงหงจวงแห่งเรือนมรรคโลกาสวรรค์เอ่ยปาก แววตาเฉียบคม นางสวมชุดดำ เปียผมงามพลิ้วไหวพาดแผ่นหลังอรชรทรงเสน่ห์ ใบหน้างามเยียบเย็น กลิ่นอายรอบตัวเจือความหยิ่งทะนงและดุดัน

คนที่ยืนอยู่ข้างกายนางคือเยียนอวี่โหรว

ตอนนั้นที่แดนลับโลกาสวรรค์ ก็เพราะนางออกมือจึงช่วยเยียนอวี่โหรวที่เดิมทีควรแพ้ในมือหลินสวินไปได้

“เจ้าอยากสู้หรือ” หลินสวินถาม

หลิงหงจวงกล่าวอย่างหมดจดชัดเจน “ไม่อยาก แต่ข้าพร้อมสู้ด้วยทุกเมื่อ”

หลินสวินพูดลอยๆ “เช่นนั้นก็รอเมื่อชิงมหาสมบัติแรกกำเนิด ค่อยประชันสูงต่ำกันสักครั้งก็พอ”

สายตาของหลิงหงจวงกวาดมองทุกคนในที่นั้นพลางกล่าว “ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงเปิดฉากการต่อสู้ชุลมุน ถ้าคิดสู้ตัวต่อตัว เจ้าคงไม่มีโอกาสเท่าไหร่”

หลินสวินคิดไปคิดมาก็กล่าว “ช่างปะไร”

หลิงหงจวงไม่พูดมากอีก

“หลินสวิน เจ้าเพิ่งมาเกรงว่าจะยังไม่รู้ สุดท้ายจะมีแค่คนเดียวที่เข้าไปในประตูทลายนี้ได้”

ถังซูกล่าวเตือน “นี่ก็หมายความว่าเมื่อโอกาสมาถึง ทุกคนในที่นี้จะแย่งชิงโอกาสเพียงหนึ่งเดียวนั้นเต็มกำลัง การต่อสู้ชุลมุนจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้”

สายตาของหลินสวินมองไปยังประตูทลายที่อยู่ห่างออกไป มันสูงประมาณพันจั้ง หมอกควันทำลายล้างอบอวล

ส่วนในประตูก็มีละอองแสงรุ้งเทพนับไม่ถ้วนที่วิวัฒน์จากระเบียบมหามรรคไหลวน งามตระการดั่งภาพฝัน เต็มไปด้วยความลึกลับและไม่อาจระบุ

หลินสวินอดเอ่ยถามไม่ได้ “ทำไมถึงมีสิทธิ์เข้าไปได้แค่คนเดียว”

“ก็รู้อยู่ว่าเจ้าต้องถาม”

ถังซูชี้ไปที่ประตูทลายนั่นพลางกล่าว “สองวันก่อน ในประตูนี้เคยปรากฏแท่นมรรคประหลาด สูงหนึ่งฉื่อ ทั้งแท่นดำสนิท สามารถมองข้ามพลังระเบียบมหามรรคที่ปกคลุมอยู่ในประตูทลายนั้น ผ่านเข้าออกประตูบานนี้ได้อย่างอิสระ”

“ขอแค่ยืนอยู่บนแท่นมรรคนี้ ก็ใช้มันเพื่อผ่านเข้าไปในประตูทลายได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็จะพึ่งพาพลังของแท่นมรรค หลบหนีการโจมตีของพลังระเบียบมหามรรคพวกนั้นได้”

“แต่ตอนนั้นพวกข้าต่างลงมือหยั่งเชิงดูแล้ว เวลาที่แท่นมรรคนี้จะปรากฏอยู่นอกประตูทลายคือราวหนึ่งก้านธูป ทั้งยังยืนอยู่บนนั้นได้แค่คนเดียว”

พูดถึงตรงนี้ถังซูจึงกล่าว “ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหม”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้”

หลินสวินมีหรือจะไม่เข้าใจ แท่นมรรคยืนได้แค่คนเดียว แต่ในที่นี้กลับมีผู้แข็งแกร่งมากมาย ใครจะยอมถอย

ถังซูกล่าว “สองวันก่อนที่นี่เกิดการต่อสู้ชุลมุน ไม่ว่าใครยืนอยู่บนแท่นมรรค ภายในเวลาไม่กี่นานก็จะถูกซัดลงมา ผลสุดท้ายคือเมื่อแท่นมรรคกลับเข้าไปในประตูทลาย ก็ไม่มีสักคนที่ชิงโอกาสเข้าไปในนั้นได้”

สายตาของหลินสวินกวาดมองทุกคนในที่นั้น พบว่ามีคนไม่น้อยตัวเปื้อนเลือด และมีคนได้รับบาดเจ็บดังคาด!

เห็นชัดว่านี่คือสิ่งที่การต่อสู้ชุลมุนเมื่อสองวันก่อนเหลือไว้

.

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์