มรรคกระบี่ยอดเยี่ยม รากฐานพลังน่าพรั่นพรึง ทั้งยังครอบครองศาสตราจักรพรรดิอัศจรรย์ พลังต่อสู้เรืองรอง เหนือกว่าผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ในที่นั้นอยู่โข
อานุภาพของเขาถึงขั้นเทียบกับหวงฝู่เซ่าหนงแล้วมีแต่จะเหนือกว่า!
แต่น่าเสียดาย หลินสวินในตอนนี้ปลดปล่อยพลังสุดกำลังแล้ว โคจรมรรควิถีทั้งตัวถึงขั้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่ถูกปิดล้อม หนทางมุ่งหน้าของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเวินอวี๋จะขวางได้
เพียงครู่เดียว
เวินอวี๋ก็ถูกบีบจนด้อยกว่าชัดเจน แทบเชิดหน้าขึ้นมาไม่ได้!
พูดอย่างไม่เกินจริง หากหลินสวินไม่ได้ตกอยู่ในสภาพถูกปิดล้อมยามต่อสู้ เวินอวี๋คงถูกซัดพินาศไปนานแล้ว
เมื่อเห็นภาพนี้เสวียนจิ่วอิ้นอดสูดหายใจเย็นเยียบไม่ได้ ในใจสั่นสะท้าน
ต่อสู้ถึงตอนนี้ก็ดำเนินมาหนึ่งเค่อแล้ว ตั้งแต่หลินสวินถูกปิดล้อมจนถึงตอนนี้ที่ซัดกวาดไปข้างหน้าทีละก้าว บุคคลแห่งยุคที่ตายในมือเขามีไม่ต่ำกว่าเก้าคนแล้ว!
ก่อนหน้านี้ใครเล่าจะคาดคิด
และตอนนี้เขายังอยู่ห่างจากประตูทลายนั่นแค่เก้าจั้ง
“พี่หลิน เวินอวี๋พูดไม่ผิด เจ้าควรหยุดได้แล้ว”
เสียงทอดถอนใจหนึ่งดังขึ้น จิ่งเทียนหนานที่สวมชุดสีหยก ร่างกำยำล่ำสันดุจภูผาพุ่งโจมตีเข้ามา
เขามีนัยน์ตาทองแต่กำเนิด แววตาเปล่งประกายดั่งดวงตะวันเจิดจ้า ดูดจิตชิงวิญญาณ อานุภาพองอาจทะลุเมฆไปทั้งตัวราวกับเทพจุติลงมา
ตรงหน้าเขามีบาตรที่เปลวไฟลุกโชนปรากฏ ภายในบาตรเผยลักษณ์ประหลาดน่าพรั่นพรึงราวเผาฟ้าผลาญดิน
ตูม!
เมื่อเขาปรากฏตัว บาตรเพลิงนั้นพลันมีฝนเพลิงลานตาแถบหนึ่งพุ่งโฉบออกมา หลอมละลายห้วงอากาศ แผ่อานุภาพแห่งยอดมรรคจักรพรรดิออกมา
หลินสวินหยุดฝีเท้า นัยน์ตาดำล้ำลึกยิ่งกว่าเดิม
จิ่งเทียนหนานถูกมองเป็นอันดับหนึ่งในหมู่คนที่มาจากโลกอื่นในฟ้าดารา วิชายุทธ์เลิศล้ำ พลานุภาพล้นฟ้า เคยเผยประกายในแดนลับโลกาสวรรค์ ทำให้บุคคลระดับจักรพรรดิมากมายตื่นตะลึงอย่างต่อเนื่อง
หากมีแค่เขาคนเดียว หลินสวินคงไม่เห็นอยู่ในสายตาแต่แรก
แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาเผชิญคือการปิดล้อมของเหล่าผู้กล้า นอกจากจิ่งเทียนหนานแล้ว ยังมีบุคคลแห่งยุคอย่างเวินอวี๋ด้วย
นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกกดดันเพิ่มขึ้นเท่าตัว
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้จิตต่อสู้ในใจเขาก็ยิ่งลุกโชน เลือดทุกอณูในร่างเหมือนใกล้จะลุกโหม
ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ การต่อสู้ตรงหน้านี้ถือว่าอันตรายและน่ากลัวที่สุด ถึงขั้นทำให้คนมองไม่เห็นความหวังแม้เพียงเสี้ยว
แต่หลินสวินไม่หวาดกลัว!
เขาไม่ได้ลิ้มรสชาติของสภาพที่เกือบจะใกล้สิ้นหวังเช่นนี้มานานเหลือเกิน
“พี่หลิน พลังต่อสู้ของเจ้าควรค่าให้พวกเรานับถือ มาถึงตอนนี้หากเจ้าไม่ยอมแพ้อีก พวกเราก็ไม่อาจนิ่งดูดายแล้ว”
เสียงเย็นชาหนึ่งดังขึ้น หลิงหงจวงก็มาแล้ว เนตรดาราดุจอสนี มือถือแส้ยาวประมาณสามจั้ง ลักษณะคล้ายมังกร อบอวลด้วยสายฟ้าสีเขียวตลอดเส้น
เวลานี้การล้อมโจมตีในที่นั้นถึงกับหยุดชะงักไปเสี้ยวหนึ่ง
ด้วยหลินสวินหยุดเท้าไม่พุ่งไปข้างหน้าอีก และด้วยการปรากฏตัวของพวกจิ่งเทียนหนานกับหลิงหงจวง ทำให้สถานการณ์พลิกผันไปอย่างเงียบๆ!
แต่บรรยากาศในที่นั้นกลับกดดันและหนาวเหน็บยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ อากาศแทบจะชะงักค้าง อึดอัดจนเกือบทำให้คนหายใจไม่สะดวก
แววตาเสวียนจิ่วอิ้นวูบไหว ไม่รู้ว่ากำสองมือแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่
หลิงเคอจื่อพนมมือ สีหน้าเคร่งขรึม
“เฮ้อ แม้จะไม่อยากเป็นศัตรูกับพี่หลิน แต่พวกเรามาครานี้ล้วนเพื่อแย่งชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้น โอกาสนี้พวกเราจำเป็นต้องสู้กันหน่อย”
ฮว่าซิงหลีก็ลอยล่องมา ผมขาวดุจหิมะพลิ้วไหว ใบหน้าดูประหลาด
ผู้แข็งแกร่งบางส่วนของเรือนมรรคเหล่ามารเดินตามหลังเขามาติดๆ การขับเคลื่อนพลังของแต่ละคนเดือดพล่าน หว่างคิ้วเจือไอสังหารเยียบเย็น
ตอนนี้หลินสวินอยู่ห่างจากประตูทลายเพียงเก้าจั้ง นี่ทำให้พวกเขานั่งกันไม่ติดแล้ว
ว่ากันตามจริง ที่ฮว่าซิงหลีกล่าวมาทั้งหมดก็ไม่ผิด
มหาสมบัติแรกกำเนิดทุกคนล้วนช่วงชิงได้ ไม่อาจพูดได้ว่าเป็นศัตรูหรือมุ่งร้าย แค่ใครต่างไม่ยอมพลาดวาสนาไปก็เท่านั้น
ตอนนี้หลินสวินยึดครองแท่นมรรคนั้นไว้แน่น ย่อมกลายเป็นเป้าหมายที่ถูกล้อมโจมตีเป็นธรรมดา
แต่เช่นเดียวกัน เมื่อการประลองนี้เริ่มต้นจะต้องตัดสินเป็นตาย ย่อมมีการนองเลือดเกิดขึ้น สุดท้ายก็จะผูกเงื่อนแค้นต่อกัน!
นับแต่อดีตจนปัจจุบัน เรื่องชิงวาสนาและผูกพยาบาทแน่นอนว่ามีนับครั้งไม่ถ้วน เห็นบ่อยจนชินตา
ในบรรยากาศที่หนาวเหน็บ กลับเห็นหลินสวินหันกลับมา เงยหน้ามองไปยังจุดที่ห่างไปไม่ไกล
“พี่หมี ก่อนหน้านี้เจ้ากับข้านัดประชันสูงต่ำในการต่อสู้ชุลมุน ทำไมจนถึงตอนนี้ยังไม่ยอมมาสู้อีก”
แววตาเขาล้ำลึก น้ำเสียงเรียบเฉย
นี่ทำให้เหล่าผู้กล้าล้วนเผยสีหน้าประหลาด ยากจะจินตนาการว่าในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ หลินสวินกลับทำเหมือนมองไม่เห็น เชิญหมีอู๋หยามาประลองโดยตรง!
ไม่ว่าหลินสวินจะคิดอย่างไร แต่ด้วยความกล้าที่เขาเผยออกมาตอนนี้กลับทำให้หลายคนสั่นสะเทือน คิดจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้แล้ว!
“เดิมทีข้าอยากสู้กับเจ้าอย่างยุติธรรม ต่อให้เป็นการต่อสู้ชุลมุนก็ไม่คิดจะเอาเปรียบเจ้าแม้แต่น้อย”
หมีอู๋หยาถอนหายใจคราหนึ่ง
แววตาเขาผ่องแผ้วดุจทะเลสาบ เผยแววซับซ้อนที่ยากจะได้เห็นเสี้ยวหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ภาพต่างๆ ที่หลินสวินมุ่งหน้าซัดกวาด ฟาดฟันเหล่าผู้กล้าล้วนถูกเขาเห็นอยู่ในสายตา ในใจก็ไม่อาจไม่ทอดถอนใจ ‘สหายร่วมวิถี’ คนนี้ ไม่ว่าจะเป็นความกล้า มาดสง่างามหรือพลังต่อสู้ ล้วนเรียกได้ว่ายากพบเห็นในรอบพันหมื่นปี
แต่นี่ก็ทำให้หมีอู๋หยายากจะตัดสินใจลงมือมากเช่นกัน
บนหนทางสู่มหามรรค การได้เจอคู่ต่อสู้เช่นนี้ไม่ง่ายนัก เขาไม่อยากและไม่สนใจที่จะตีชิงตามไฟในการต่อสู้
“บนโลกนี้มีคำว่ายุติธรรมจริงๆ เสียที่ไหน”
หลินสวินยิ้ม เขาสีหน้าซีดเผือด สาบเสื้อเปื้อนเลือด ได้รับบาดเจ็บนานแล้ว ทั้งพลังกายก็ผลาญไปกับการต่อสู้อย่างต่อเนื่องค่อนข้างมาก
แต่หว่างคิ้วยังคงมีความเชื่อมั่นประหนึ่งว่าไร้คู่ต่อกร!
หลินสวินเว้นช่วงไป ในดวงตาฉายแววหยิ่งผยองก่อนกล่าวเรียบๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เจ้าลงมือก็เกรงว่าคงขวางข้าคนแซ่หลินไม่อยู่”
หลายคนต่างตื่นตะลึง
หลินสวินนี่… ถึงกับไม่เห็นหมีอู๋หยาอยู่ในสายตาหรือ
“แม้รู้ว่านี่คือวิธีกระตุ้นของพี่หลิน แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าหมีอู๋หยา… มีหรือจะปฏิเสธอีก”
หมีอู๋หยาถอนหายใจเบาๆ ในที่สุดก็ก้าวเท้าออกมา สีหน้าราบเรียบไม่มีคลื่นความรู้สึกอีก
เมื่อเขาเคลื่อนไหว พลานุภาพน่าหวาดกลัวไร้รูปก็อบอวลตามมา ฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในความเงียบสงัดแปลกประหลาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์