หากไม่มีหมีอู๋หยาสกัดกั้นอยู่ตรงกลาง ระยะห่างแค่นี้เกรงว่าคงถูกหลินสวินกระโดดข้ามไปนานแล้ว
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ในใจเหล่าผู้กล้ายังว้าวุ่นไปพักหนึ่ง ตื่นตระหนกกันไม่หยุด
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
หลินสวินในตอนนี้ทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงอานุภาพล้นฟ้าที่ ‘ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง ไม่อาจทัดเทียม’ ทำให้จิตต่อสู้ของผู้คนสั่นสะท้าน
โดยเฉพาะเมื่อครู่ แค่ไม่ถึงชั่วดีดนิ้วก็มีบุคคลแห่งยุคสามคนถูกปราณกระบี่ไท่เสวียนสังหาร อีกสี่คนถูกหุบเหวลึกกลืนกิน!
ต่อให้จิ่งเทียนหนานและหลิงหงจวงลงมือขวาง ก็ถูกการโจมตีเดียวซัดสะเทือนถอย!
ภาพต่างๆ นั้นล้มล้างความเข้าใจของผู้คนจริงๆ
ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ผู้คนต่างคิดว่าหลินสวินบาดเจ็บหนักเจียนตายแล้ว ต่อให้ทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อสู้สุดชีวิตก็คงยืนหยัดได้ไม่นานเท่าไหร่
แต่ตอนนี้…
ใครก็ไม่กล้ายืนยันเช่นนั้นแล้ว!
ตูม…
การต่อสู้ดุเดือดยิ่งกว่าเดิม เสียงมรรคดังกระหึ่มแผ่ขยายไปทั่วทิศ
หลินสวินที่ตกอยู่ในเจตจำนงต่อสู้อย่างสมบูรณ์ก็เหมือนเทพองค์หนึ่ง สำแดงมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาในการเข่นฆ่า ปลดปล่อยวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาในการนองเลือด!
‘บูรพาไม้เจี่ยอี่ ทักษิณไฟปิ่งติง ใจกลางดินอู้จี่ ประจิมทองเกิงซิน อุดรน้ำเหรินขุย ‘หวง’ (เหลือง) เป็นสีกลาง ‘ถิง’ (เรือน) ประสานนอกในทั้งสี่ทิศ…’
ต่อจากคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนและคัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด นัยเร้นลับแก่นแท้ของคัมภีร์มหามรรคหวงถิงดังกระหึ่มอยู่ในใจของหลินสวิน
อานุภาพทั่วร่างหลินสวินเปลี่ยนไปอีกครั้งทันที มีอานุภาพผงาดผยองของคำว่า ‘บนมหามรรค ข้าคือศูนย์กลาง’
ตรงจุดอวัยวะตันห้าภายในร่างเขา ราวกับมีวิญญาณเทพนั่งบัญชา แสงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่ง!
ฉึ่บ!
หลินสวินพลันแทงนิ้วออกไป ใช้พลังของร่างต้นสำแดงหนามเเสงคมออกมา ลำแสงที่พร่างพราวถึงขีดสุดปรากฏการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด มีพลังกลืนกินที่พาให้คนใจสั่นระรัว
ห่างออกไปผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งต้านทานเต็มกำลัง ชั่วพริบตาก็ถูกแทงไหล่ทะลุ พลังกลืนกินที่ควบรวมจากลำแสงนี้กลืนร่างเขาไปกว่าครึ่ง ส่งเสียงร้องทุรนทุรายด้วยความหวาดผวา
เดิมทีเขาคิดว่าแค่ถูกแทงไหล่เท่านั้น โชคดีหนีพ้นเคราะห์ร้ายครั้งนี้ แต่ไหนเลยจะคิดว่าลำแสงนี้จะมีพลังกลืนกินที่น่ากลัวเช่นนี้ ชั่วพริบตาก็ตายคาที่!
ตูม!
จากนั้นนัยน์ตาหลินสวินพลันสาดเปลวเพลิงสองขมวดออกมา ในเหวลึกรอบตัวเขาอุบัติพลังแห่งความเป็นตายรุ่งโรจน์โรยร่วง กลางฝ่ามือกุม ‘ประทับแห่งสรรพชีวิต’…
อภินิหารพรสวรรค์นานัปการที่จิตแห่งอวัยวะตันห้าครอบครองถูกเขาหลอมรวมกับมรรควิถีแห่งตน ใช้พลังของร่างต้นสำแดงออกมาถึงขีดสุด
“อ๊าก…”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น ร่างของผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งถูกแผดเผา จิตสิ้นวิญญาณสลาย ไม่อาจต้านทานพลังของเนตรผลาญเผาได้
ขณะเดียวกันพลังแห่งความเป็นตายรุ่งโรจน์โรยร่วงของกายมรรคไม้เขียว ประทับแห่งสรรพชีวิตของกายมรรคดินเหลืองล้วนแสดงแสนยานุภาพ ซัดผู้แข็งแกร่งที่ล้อมโจมตีเข้ามาจนพินาศ บ้างกระอักเลือดถอยออกมา บ้างถูกโจมตีจนร่างกายบาดเจ็บส่งเสียงร้องอนาถ
เหตุการณ์อลหม่านและปั่นป่วน
ส่วนหลินสวินก็ก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง ก้าวเข้าสู่พื้นที่หกจั้ง เลือดอาบไปทั้งตัว มาดการต่อสู้ครอบคลุมทั่วบริเวณ!
“ไป!”
หมีอู๋หยาสีหน้าจริงจัง รอบตัวโอบล้อมด้วยแสงมรรคราวอริยเทพพุ่งโจมตีเข้ามา ยามขยับตัวจะชักนำอานุภาพของความว่างเปล่าโดยรอบ แต่ละกระบวนท่าล้วนเต็มไปด้วยมรรคขั้นสมบูรณ์ถึงขีดสุด
และด้วยมีเขาคอยสกัดจึงขวางการโจมตีของหลินสวินได้ เท่านี้ก็มองออกแล้วว่าหมีอู๋หยาน่ากลัวระดับใด
ต่อให้เป็นหลินสวินที่ใช้พลังเต็มกำลังสู้ศึก ก็ยากจะกำราบเขาให้พ่ายแพ้ยับเยิน
“ฆ่า!”
จิ่งเทียนหนานส่งเสียงก้อง ผมยาวพลิ้วไหว พุ่งจู่โจมเต็มกำลังเช่นกัน เผยความสามารถที่มีทั้งหมดออกมา พลานุภาพร้ายกาจสะเทือนใต้หล้า
ยามนี้ไม่มีใครกล้าชะล่าใจ รวมถึงหลิงหงจวงด้วย!
ทว่าจิตต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งคนอื่นในที่นั้นกลับถูกสั่นคลอนนานแล้ว ไม่กล้ารั้นปะทะอีก
ก่อนหน้านี้ภายใต้การล้อมโจมตีของพวกหมีอู๋หยา หลินสวินยังทยอยฆ่าคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่าได้ นี่ทำให้พวกเขาต่างขนพองสยองเกล้า
ใครเล่าจะไม่กังวลว่าตนจะตกเป็นคนที่ถูกฆ่ารายต่อไป
ด้วยเหตุนี้เมื่อไหร่ก็ตามที่สัมผัสได้ว่าอันตราย การตอบสนองแรกของพวกเขาก็คือหลบหนี ไม่กล้าลังเลและร่ำไรใดๆ
ถ้าหลินสวินตายแล้วก็ยังไม่รู้ว่าแท่นมรรคนั้นจะถูกใครยึดครอง แต่ก่อนที่หลินสวินจะตาย หากพวกเขาประสบเคราะห์ไปทีละคน นั่นก็จบเห่จริงๆ แล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ในการปะทะซึ่งหน้า คนที่ต้านทานและห้ำหั่นกับหลินสวินได้จริงๆ ก็มีไม่ถึงสิบกว่าคนเท่านั้น ภายในนั้นยังรวมถึงบุคคลแห่งยุคอย่างหมีอู๋หยาและจิ่งเทียนหนานด้วย
ก็มีแค่สิบกว่าคนนี้ที่ตั้งมั่นว่าต้องเอาแท่นมรรคที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าหลินสวินมาให้ได้!
แม้จะมีผู้แข็งแกร่งคนอื่นเข้าโจมตีพร้อมกันน้อยลง แต่กลับทำให้พวกหมีอู๋หยาสู้ได้เต็มที่ ไม่ถูกจำกัดมือเท้าเหมือนก่อนหน้านี้อีก
เพราะถึงอย่างไรก็มีบางครั้งที่เกิดเรื่องอย่างพวกสมองหมูพาซวยเช่นกัน
แต่ผู้แข็งแกร่งที่ไม่กล้ารั้นปะทะกับหลินสวินพวกนั้นไม่ได้ยอมแพ้เพียงแค่นี้ พวกเขาเหมือนวิญญาณตามติด ลงมือยามสบโอกาส ประเดี๋ยวผลุบประเดี๋ยวโผล่ กลับเป็นว่าสร้างความรำคาญให้หลินสวินไม่น้อย
น่าเสียดาย หลินสวินที่จมสู่สภาพต่อสู้ถึงขีดสุด ในสายตา ในจิตใจ ในจิตวิญญาณมีแค่การสังหารศัตรู ไม่กลัวเรื่องทุกอย่างนี้แต่แรก
ตูม!
สายฟ้าผ่ากระหน่ำ แสงสายฟ้าฉีกแหวกห้วงอากาศ
นัยเร้นลับนานัปการของคัมภีร์มหาอสนีดับสูญที่เพิ่งหยั่งรู้ได้ไม่นานราวกับกระแสน้ำ ถูกหลินสวินหลอมรวมกับยอดมรรคาของตน จากนั้นก็ปลดปล่อยออกมาเต็มกำลังในการเข่นฆ่าโรมรัน
อสนีบาต เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างและไอสังหาร เป็นมรรคสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก
ยามที่หลินสวินสำแดงวิชาออกมา ทั้งเขตแดนมรรคแรกกำเนิดราวเปลี่ยนเป็นเหวอสนี แสงสายฟ้าที่ดุดันพลุ่งพล่านไปทั่ว สามารถกลืนกินสรรพสิ่ง น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิมแล้ว
ไม่ทันไรหมีอู๋หยาก็ถูกประทับอสนีที่เจิดจรัสดั่งดวงตะวันฟาดใส่ สะเทือนจนร่างโอนเอนเซไปมา ไม่อาจไม่หลบหลีก
พวกจิ่งเทียนหนาน หลิงหงจวงก็ถูกพายุสายฟ้าที่น่ากลัวบีบกด ได้แต่ต้านทานเต็มกำลัง
ภายใต้สถานการณ์นี้เอง…
ปึง! ปึง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์