“สามหาว!”
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงตวาดลั่น “อย่าคิดว่าเจ้าแซ่เสวียนแล้วสหายยุทธ์ในที่นี้จะยอมให้เจ้าสามส่วน หากเจ้ากล้าหยาบคายอีก เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะช่วยผู้อาวุโสตระกูลเจ้าสั่งสอนเจ้าสักหน”
เสวียนจิ่วอิ้นร้องอ้อคราหนึ่งอย่างเกียจคร้าน กล่าวอย่างกระเสาะกระแสะ “ช่างเถิด ข้าจะไม่หยาบคายกับผู้อาวุโสอย่างพวกท่านที่นี่แล้ว”
กล่าวพลางเขายกเท้าตั้งท่าจะจากไป ทำเหมือนรอบกายไร้ผู้คน
“หยุดนะ!”
นัยน์ตาจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเจือแววเย็นเยียบ “ได้ยินว่าเจ้ากับหลินสวินนั่นความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาใช่หรือไม่”
เสวียนจิ่วอิ้นกลอกตาคราหนึ่ง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่ไม่ใช่คำพูดเหลวไหลหรอกหรือ ไม่เช่นนั้นมีหรือที่ข้าจะช่วยเขาเก็บรวบรวมทรัพย์หลังศึกอยู่หน้าประตูทลายนั่น”
ท่าทางเหลาะแหละเช่นนี้ เรียกได้ว่าเสียมารยาทถึงที่สุด
และคำว่า ‘ทรัพย์หลังศึก’ สามคำนี้จากปากเขา ยิ่งกระตุ้นให้ระดับจักรพรรดิไม่น้อยหน้าสีหน้ามืดทะมึน สายตาที่มองเสวียนจิ่วอิ้นเริ่มดูไม่เป็นมิตร
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงหัวเราะอย่างเดือดจัด “เจ้าหนุ่ม กล่าวเช่นนี้ ตระกูลเสวียนของพวกเจ้าตั้งใจจะร่วมมือกับคีรีดวงกมล คบคิดทำเรื่องชั่วช้าอย่างนั้นหรือ”
ประโยคนี้ชั่วร้ายถึงขีดสุด โยนคำกล่าวโทษลงไปก่อน หากเสวียนจิ่วอิ้นรับไว้ จะต้องชักนำความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ ถึงขั้นมีผลกระทบต่อตระกูลเสวียนที่อยู่เบื้องหลังของเขา
นัยน์ตาของเสวียนจิ่วอิ้นหรี่ลงน้อยๆ กล่าวว่า “อะไรที่เรียกว่าคบคิดทำเรื่องชั่วช้า ข้าเข้าใจว่านี่ท่านกำลังมีเจตนาไม่ดีหมายให้ร้ายตระกูลเสวียนของข้าได้หรือไม่ ดูท่าเรือนมรรคจักรวาลคงไม่ชอบใจตระกูลเสวียนของข้ามากสินะ…”
เป็นเด็กหนุ่มที่ร้ายกาจยิ่ง!
แววตาของระดับจักรพรรดิจำนวนไม่น้อยเปลี่ยนเป็นแปลกไป
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเองก็อึ้งไป กล่าวเสียงเย็น “ปากคอเราะราย เจ้าก็แค่คนรุ่นเยาว์คนหนึ่งเท่านั้น ใครให้ความกล้ากับเจ้า ถึงได้กล้ามาพูดจาเช่นนี้กับข้า ต่อให้คนตระกูลเสวียนของพวกเจ้ามาเอง เกรงว่าก็ไม่อาจสามหาวปานนี้ด้วยซ้ำ!”
เสวียนจิ่วอิ้นหัวเราะแล้ว หัวเราะอย่างโอหังไร้กลัวเกรง
และพร้อมกันนั้นเสียงหัวเราะสายหนึ่งก็ดังก้องขึ้นกลางฟ้าดิน ราวกับพายุมรสุมโหมกระหน่ำ ซัดสะเทือนจนฟ้าดินสั่นคลอน สรรพสิ่งต่างสะท้านไหว
เสียงหัวเราะนั้นก็โอหังไร้กลังเกรงเช่นเดียวกัน ไม่สนใจสักนิดว่าในที่นี้จะมีบุคคลน่าสะพรึงมากน้อยแค่ไหน ยโสโอหังถึงขีดสุด
พร้อมๆ กับเสียงหัวเราะ เสียงกึกก้องไร้สิ้นสุดสายหนึ่งก็ดังขึ้น
“ใครให้ความกล้า? พ่อของเขาอย่างข้าให้น่ะสิ!”
ประโยคเดียวก็มีระลอกคลื่นเสียงสีทองสายหนึ่งควบรวม สุดท้ายกลายเป็นอักษรมรรคดึกดำบรรพ์สีทองอร่ามแถวหนึ่ง
แต่ละคำล้วนมีขนาดเท่าหินโม่ ไหลเวียนด้วยพลังกฎเกณฑ์น่าสะพรึง สว่างจ้าพร่าตา ลอยเด่นอยู่เหนือศีรษะของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงดุจดั่งอาทิตย์ดวงน้อยที่ส่องแสงสว่างวาบแถวหนึ่ง
เหล่าจักรพรรดิต่างอดอึ้งงันไม่ได้
พร้อมๆ กับเสียงสูดหายใจสะท้านระลอกหนึ่งดังขึ้น นี่เหมือนตบหน้ากันซึ่งๆ หน้าอย่างสิ้นเชิง ซ้ำยังเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งและบ้าระห่ำหาใดเปรียบ!
ประโยคเดียวควบรวมเป็นอักษรมรรคเจิดจ้าอุบัติออกมา เสมือนกลัวว่าผู้อื่นจะไม่รู้ว่าประโยคนี้ของเขาจองหองปานใด
ในสมองของทุกคนปรากฏเงาร่างคนผู้หนึ่งขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม…
ผู้นำตระกูลเสวียนคนปัจจุบัน เสวียนซั่งเฉิน!
ยักษ์ใหญ่มรรคกระบี่ที่ได้รับการเรียกขานว่า ‘บ้าบิ่น’ จากอุปนิสัยตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ คนคลั่งมรรคจักรพรรดิที่อุปนิสัยดุจเหล็ก พฤติกรรมบ้าคลั่ง เย่อหยิ่งดั่งดวงสุริยัน!
อักษรหนึ่งแถวสีทองอร่ามปรากฏกลางห้วงอากาศ แสงมรรคไหลวน แม้แต่คนใหญ่คนโตบางส่วนที่ลอบสังเกตเหตุการณ์ต่างๆ นี้ในเงามืดยังมีสีหน้าแปลกไป
เสวียนซั่งเฉินนี่…
ช่างบ้าระห่ำเผด็จการเต็มเปี่ยมซะจริง!
และยามนี้จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงก็พูดไม่ออกแล้ว ร่างของนางแข็งทื่อ นัยน์ตาหดรัด บนใบหน้างามฉายแววแข็งทื่อและหวาดกลัวเต็มเปี่ยม
อักษรมรรคแถวนั้นเป็นความอัปยศอันหยาบโลนที่สุดต่อนาง เป็นการเหยียบย่ำครั้งใหญ่ที่สุดต่อศักดิ์ศรีของนางอย่างไม่ต้องสงสัย
ควรรู้ว่าบริเวณใกล้ๆ เขาเมฆานี้ กลายเป็นพื้นที่ที่ทั่วหล้าทั้งบนล่างให้ความสนใจตั้งนานแล้ว แค่เพียงลมโชยหญ้าไหวเสี้ยวเดียงของที่นี่ ยังเป็นไปได้สูงว่าอันแพร่สะพัดไปทั่วหล้าในเวลาอันสั้นที่สุด
แค่คิดก็รู้ว่าหากภาพนี้แพร่งพรายออกไป จะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ปานใด
แต่จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงกลับไม่กล้าเคลื่อนไหวผลีผลาม
อักษรมรรคแถวหนึ่งที่ลอยเด่นกลางห้วงอากาศนั้นก็เหมือนอานุภาพอันน่าสะพรึง พลังที่เปี่ยมล้นประหนึ่งกระบี่มรรคเล่มหนึ่งพาดอยู่ตรงลำคอของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง หากผลีผลามขยับตัว ผลที่ตามมาย่อมไม่อาจคาดคิด
“ผู้อาวุโสท่านนี้ พ่อข้ามาแล้ว ท่านคิดว่าเขาสามหาวหรือไม่”
กลับเห็นเสวียนจิ่วอิ้นกล่าวพลางหัวเราะชอบใจ
เหล่าจักรพรรดิต่างหน้าเปลี่ยนสี อารมณ์ปั่นป่วน ใช่แค่สามหาวที่ไหน นี่มันสาวหาวยิ่งกว่านี้ไม่ได้เลยชัดๆ!
ทอดมองจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงที่ไม่ขยับเขยื้อนอยู่ไกลๆ คนบางส่วนต่างก็อดนึกเวทนาขึ้นมาไม่ได้
ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวเข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณ จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงถูกหญิงคนนั้นจากเรือนมรรคคืนกำเนิดหักหน้า อับอายขายขี้หน้าสุดขีด
และยามนี้ นางก็ถูกผู้นำตระกูลเสวียนที่แม้แต่เงาร่างยังไม่ได้ปรากฏเหยียบย่ำศักดิ์ศรีอย่างโอหังไร้เกรงกลัวอีก…
จักรพรรดิหญิงแห่งเรือนมรรคจักรวาลคนหนึ่งเชียว สถานะสูงส่งปานใด แต่กลับถูกหยามเกียรติซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากเรื่องนี้กระจายออกไปคงกลายเป็นตัวตลกของคนทั่วหล้าเป็นแน่
นี่จะไม่ให้ผู้คนเวทนาได้ ทอดถอนใจกับเรื่องนี้อย่างไร
“พี่เสวียน เอาแค่พอดีก็พอ”
เสียงราบเรียบสายหนึ่งดังขึ้น ดุจดั่งลมหนาววูบหนึ่ง สลายอักษรมรรคสีทองที่ลอยเด่นกลางอากาศแถวนั้นออกไป
“ในเมื่อเฒ่าชราเช่นเจ้าเอ่ยปากร้องขอ เช่นนั้นข้าก็จะปล่อยนางไปสักครั้ง”
เสียงทรงพลังไพศาลของเสวียนซั่งเฉินดังขึ้นอีกกครั้ง “เจ้าเด็กแสบ ไม่มีปัญญาแต่กลับชอบก่อเรื่องเป็นชีวิตจิตใจ เจ้าตั้งใจจะให้บิดาช่วยเช็ดก้นให้เจ้าไปตลอดชีวิตหรือไร”
“ใครใช้ให้ข้าแซ่เสวียนกันเล่า แล้วใครใช้ให้ท่านเป็นพ่อของข้ากัน ข้าอยากปฏิเสธ… ทำได้ด้วยหรือ”
เสวียนจิ่วอิ้นไม่เพียงไม่กลัว ตรงข้ามกลับเบ้ปากอย่างจนปัญญา
เสวียนซั่งเฉินยังคงไม่ปรากฏตัว กล่าวหัวเราะดังลั่น “ความสามารถของข้าไม่รู้จักเอาอย่าง นิสัยของข้าดันเอาอย่างจนเหมือนอยู่สามส่วน ไม่เลว ออกเดินทางครั้งนี้ก็ถือว่ามีพัฒนาการอยู่บ้าง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์