Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2022

สรุปบท ตอนที่ 2022 เริ่มการประชันหมาก: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 2022 เริ่มการประชันหมาก – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2022 เริ่มการประชันหมาก ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

กลางหุบเขางดงามเงียบเชียบที่อยู่ห่างจากเขาเมฆาไกลแสนไกล

ยามที่เงาร่างของหลินสวินเดินออกมาจากอุโมงค์อากาศ ภิกษุเฒ่าที่กำลังเดินหมากอยู่กับบรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีที่รูปร่างหน้าตาคล้ายเด็กหนุ่ม บนศีรษะสวมเกี้ยวประดับดอกบัวจู่ๆ ก็ฉายรอยยิ้มบางๆ ออกมา

“นับแต่บัดนี้ไป การเดินหมากเริ่มขึ้นแล้ว ตัวแปรก็ใกล้เข้าฉากแล้ว กระดานนี้… ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็ฯคนสุดท้ายที่สามารถวางหมากได้เหนือชั้นกว่า และรุ่นเราก็มาถูกเวลาพอดี สมกับที่ลำบากตรากตรำเฝ้ารออยู่ที่นี่”

เขาส่งเสียงทอดถอนใจออกมาคราหนึ่ง รอยย่นทั่วใบหน้าเจือประกายแสงที่เหมือนสลักด้วยกาลเวลาก็ไม่ปาน

“ฉานถูไม่มีทางจากไปจริงๆ เสวียนซั่งเฉินก็เป็นพวกไม่อยู่เฉย พวกเขาก็น่าจะนับเป็นสองตัวแปร แต่หากต้องการตีชิงตามไฟ เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้”

บรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีคีบหมากตัวหนึ่งขึ้นมา กล่าวสบายๆ “ส่วนข้าไม่คิดสนใจตัวแปรอะไร และไม่สนใจคีรีดวงกมลอะไรทั้งนั้น ขอเพียงคว้ามหาสมบัติแรกกำเนิดนั่นได้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็นับว่าสำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์”

เขากล่าวพลางตั้งท่าจะวางหมาก แต่มือที่อยู่กลางอากาศกลับหยุดชะงักไป

เกือบจะในเวลาเดียวกัน หัวคิ้วของภิกษุเฒ่าเลิกขึ้น กล่าวอย่างอึ้งงัน “ดูท่า… ตัวแปรจะมาก่อนเวลาเสียแล้ว ”

“ในเมื่อเป็นการประชันหมาก คิดอยากล่มกระดานย่อมต้องหาเส้นทางใหม่ ลงมือจากจุดที่อยู่เหนือคาดหมายของผู้คน”

เสียงหัวเราะเบิกบานสายหนึ่งดังขึ้น

ก็เห็น…

เงาร่างซูบผอมสายหนึ่งเดินออกมาจากไกลๆ แขนเสื้อกว้างโบกสะบัด ท่าทางผ่อนคลาย โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น สว่างไสวดุจดวงดารา ปราศจากความมัวหมอง

พร้อมๆ กับการย่างก้าวของเขา กลางฟ้าดินดุจดั่งดวงดาวโคจร สรรพสิ่งแปรเปลี่ยน ทิวทัศน์ทั้งหมดล้วนหายไปราวกับฟองสบู่

สุดท้ายกลายเป็นความว่างเปล่าสีดำสนิท ไร้ฟ้าไร้ดิน มีเพียงความว่างเปล่า!

หรือกล่าวได้ว่า ฟ้าดินและหุบเขาก่อนหน้านี้ล้วนแต่เกิดจากภาพมายา ทิวทัศน์ที่แท้จริงเป็นภิกษุเฒ่าและเด็กหนุ่มชุดดำคนนั้นนั่งวางหมากอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าสีดำมาโดยตลอด!

แต่เวลานี้เงาร่างซูบผอมสายนั้นทำลายภาพมายา สาวเท้าเดินเข้ามา การทำเช่นนี้เหมือนกับการบุกรุกโลกของอีกฝ่าย!

“หลี่เสวียนเวยแห่งคีรีดวงกมล?”

บรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีที่ดูเหมือนเด็กหนุ่มขมวดคิ้ว

“นอกจากบัวเขียวที่ปลูกในแดนแรกกำเนิดด้วยมือของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอย่างเขาแล้ว บนโลกใบนี้ยังมีใครที่สามารถบุกรุก ‘โลกอาคมจักรพรรดิ’ ของเจ้ากับข้าได้ง่ายดายปานนี้อีกหรือ”

บรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงที่ดุจดั่งภิกษุเฒ่าส่งเสียงทอดถอนใจออกมา “ข้าพูดถูกแล้วไหมเล่า จักรพรรดิกระบี่ฟ้าคราม? ไม่สิ หรือควรเรียกว่า ‘บรรพาจารย์กระบี่ฟ้าคราม’?”

ผู้มาก็คือหลี่เสวียนเวย!

เขาหัวเราะสบายๆ กล่าวว่า “แค่คำเรียกขานเท่านั้น ไม่เห็นใส่ใจ ที่สำคัญคือครั้งนี้ข้าคนแซ่หลี่มาโดยไม่ได้รับเชิญ แค่เพราะอยากประลองหมากกับท่านทั้งสองสักกระดานเท่านั้น”

ห่างออกไปพันจั้ง หลี่เสวียนเวยยืนนิ่ง เงาร่างสูงโปร่งเหยียดตรง คิ้วตาเจือรอยยิ้ม “ใครแพ้ คนนั้นก็ทิ้งชีวิตไว้เป็นอย่างไร”

“ตัวแปรที่ยิ่งใหญ่นัก”

บรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงทอดถอนใจ

บรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีก็หยัดกายขึ้น นัยน์ตาเย็นเยียบดุจสายฟ้า จับจ้องหลี่เสวียนเวยจากที่ไกลโพ้น “ได้ยินมานานแล้วว่า ‘วิชาบัวเขียวหยั่งโลก’ ของเจ้ายอดเยี่ยมเลิศล้ำ เร้นลับไร้ขอบเขต ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ”

กลิ่นอายน่าสะพรึงไร้รูปสายหนึ่งแผ่ออกมาจากตัวเขา

หลี่เสวียนเวยกล่าวยิ้มละไม “ลองดูสักครั้งก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ ภิกษุ เจ้าว่าอย่างไรเล่า”

บรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงที่นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าหมากกระดานค่อยๆ หยัดตัวขึ้น นัยน์ตาชราขุ่นมัวเปลี่ยนเป็นกระจ่างใสและเจิดจ้า เงาร่างโค้งค่อมก็เปลี่ยนเป็นเหยียดตรงเช่นกัน

แม้แต่รอยย่นทั่วใบหน้ายังอันตรธานหายไป กลายเป็นผิวพรรณประหนึ่งเด็กแรกเกิด

เขาพนมสองมือ ใบหน้าขึงขัง “เช่นนั้นก็ล่วงเกินแล้ว”

ตูม!

โลกว่างเปล่าสีดำสนิทอันกว้างใหญ่ ถูกแสงธรรมและเสียงสวดอันลึกล้ำไร้สิ้นสุดเติมเต็ม ขับเน้นจนบรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงดุจดั่งทวยเทพสูงสุด

หลี่เสวียนเวยยืดตัวบิดขี้เกียจคราหนึ่ง คล้ายเรียกความกระปรี้กระเปร่า ยิ้มกล่าวว่า “มาเถิด รีบตายรีบไปเกิดใหม่”

เขาเมฆา บรรยากาศเงียบสงัด

เมื่อเห็นหลินสวินสีหน้าเรียบเฉยสบายๆ ผ่อนคลายไม่ร้อนรน ถึงกับไม่เคยเผยแววกลัดกลุ้มใดๆ ออกมาสักนิด ทำให้ในใจระดับจักรพรรดิไม่น้อยต่างรู้สึกแปลกประหลาดอยู่บ้าง

“ดูท่านเจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์คลี่ยิ้มเย็น “เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าให้ ต่อให้วิญญาณเร่ร่อนพวกนั้นโผล่มาก็ช่วยเจ้าไว้ไม่ได้!”

วิญญาณเร่ร่อน!

เมื่อได้ยินสี่คำนี้ หลินสวินก็ตัดสินได้เรื่องหนึ่ง การช่วงชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดครั้งนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็ฯภายนอกจริงๆ ด้วย

และตนเอง บางทีอาจกลายเป็นเหยื่อล่อชิ้นหนึ่ง จุดประสงค์ก็เพื่อล่อบรรดาศิษย์พี่จากคีรีดวงกมลเหล่านั้นออกมา!

“เจ้าเฒ่า เจ้านี่ข่มอารมณ์ไม่ไหวปานนี้ อีกเดี๋ยวเกรงว่าจะประสบเคราะห์เป็นคนแรก”

หลินสวินยังคงสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม

จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นหลุดขำ คล้ายกับคร้านจะปะทะฝีปากกับหลินสวิน กล่าวตรงๆ ว่า “ส่งมหาสมบัติแรกกำเนิดและยอดศุภโชคชิ้นนั้นบนตัวเจ้าออกมา ข้าจะให้เจ้าตายสบายสักหน่อย!”

เสียงดุจสายฟ้าฟาด บีบคั้นเต็มเปี่ยม

อานุภาพระดับจักรพรรดิอันน่าสะพรึงหอบม้วน ประหนึ่งเขาถล่มคลื่นซัดโหม สั่นคลอนฟ้าดินแถบนี้

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นก็เหมือนชนวนระเบิด กลิ่นอายที่แต่เดิมปกคลุมในพื้นที่แถบนี้ ใช้พลังเจตจำนงจับจ้องไปยังร่างหลินสวินต่างก็เริ่มระแวดระวังขึ้นมา

เสมือนเกรงว่าหลินสวินจะถูกจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นชิงฆ่าตายก่อน!

“เจ้าพวกเศษเดนคีรีดวงกมลยังไม่ทันปรากฏตัวก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะส่งผลลุกลามหรือไร”

น้ำเสียงเรียบเฉยสายหนึ่งดังขึ้น ประณามการเคลื่อนไหวของจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้น

“ถ้าจะลงมือจริงๆ เจ้าเดรัจฉานนี่ก็ควรให้เรือนมรรคจักรวาลของข้าจัดการ ผู้สืบทอดเหล่านั้นของเรือนมรรคจักรวาลของข้าจะต้องไม่ตายเปล่า!”

น้ำเสียงนิ่งขรึมอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น

“จะแก่งแย่งกันตอนนี้หรือ เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องเกรงใจอีก ประโยคเดียวเท่านั้น มหาสมบัติแรกกำเนิดบนตัวเจ้าหมอนี่ต้องเป็นของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ของข้า”

“เป็นของเจ้า? เจ้าเฒ่า ไม่ได้เจอกันหลายปีขนาดนี้ ยังคุยโวคำโตอยู่เหมือนเดิม!”

วิญญาณกระบี่เย่จื่อเลือดเย็นยิ่ง ยกมือขึ้นกวาดเบาๆ ปราณกระบี่พาดขวาง ฟันใส่การโจมตีนี้

“ฮ่าๆ ให้ข้าจัดการดีกว่า วิญญาณกระบี่นี่ไม่ธรรมดา สามารถหลอมเป็นจิตแห่งศาสตรามารเชียว จะถูกพวกเจ้าเหยียบย่ำไม่ได้เด็ดขาด”

เสียงหัวเราะดังลั่นสายหนึ่งดังขึ้น กลางห้วงอากาศปรากฏภูเขาใหญ่กระดูกขาวลูกหนึ่ง จักรพรรดิมารผลาญนภายืนผ่าเผยอยู่บนนั้น ฝ่ามือหนึ่งกดไปทางหลินสวินทันควัน

“เจ้าต้องการวิญญาณกระบี่นี่ ข้าต้องการชีวิตเจ้าหมอนี่!”

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเองก็ลงมือเช่นกัน เรียกกะบังมังกรเพลิงออกมา พ่นฝนเพลิงมหาศาลกลายเป็นทะเลเพลิง ไหลทะลักปั่นป่วนพุ่งไปทางหลินสวิน ผลาญฟ้าทำลายดิน น่าสะพรึงไร้สิ้นสุด

“เฮอะ! นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าทุกคนจะตกลงหรือไม่!”

“เป็นเช่นนี้แหละ”

เพียงพริบตาเท่านั้นก็มีมือใหญ่ข้างหนึ่งแผ่คลุมลงมาประหนึ่งปิดฟ้าครอบตะวัน ซ้ำยังมีสมบัติลับบางส่วนพุ่งพาดกลางอากาศ พลังเข่นฆ่าสะท้านฟ้า

และก็เป็นชั่วขณะนี้ ด้านหน้าหลินสวินปรากฏเงาร่างกำยำหาใดเปรียบสายหนึ่ง รอบกายวิวัฒน์เป็นเส้นสายอสนีไร้จำกัด ดุจดั่งเทพอสนีบรรพกาลมาเยือนโลก

ตูม!

เขาเงื้อหมัดซัดฆ่า เจือกฎเกณฑ์อสนีไร้สิ้นสุด กัมปนาทกึกก้องแหวกเปิดห้วงอากาศ แสงอสนีสั่นสะเทือนเก้าชั้นฟ้า!

เพียงพริบตาโต้กลับการโจมตีที่มาจากสี่ทิศแปดทางให้สลายไป

ละอองแสงสาดพรม ยิ่งขับเน้นให้เงาร่างสายนั้นดูเหนือธรรมดา ดุจดั่งร่างแปลงแห่งมรรคอสนี เผด็จการไร้ขอบเขต!

“จักรพรรดิอสนีดับสูญ! เจ้าถึงกับยังไม่ตายหรือ”

เสียงแก่ชราที่ดูตกใจสายหนึ่งดังขึ้นกลางฟ้าดินแถบนี้

เหล่าจักรพรรดิในที่นั้นต่างตกใจทันที

พวกจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นยิ่งหน้าเปลี่ยนสีครั้งใหญ่

จักรพรรดิอสนีดับสูญจี้เสวียน บุคคลในตำนานระดับจักรพรรดิเก้าชั้นฟ้า ตำนานที่ผู้ครอบครองมรรคอสนีไม่มีใครเทียบได้!

เผชิญหน้ากับบุคลระดับนี้ ระดับจักรพรรดิในที่นี้อย่างพวกจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกรุ่นเด็กเลยสักนิด!

“ในคำเล่าลือ คนผู้นี้ไม่ใช่ร่วงหล่นในเขตต้องห้ามเซียนโบราณตั้งแต่ยุคบรรพกาลแล้วหรือ”

คนมากมายอารมณ์ปั่นป่วน ไม่อาจสงบได้

คนรุ่นเยาว์ที่ไม่สลักลสำคัญอะไรอย่างหลินสวิน กลับไม่เพียงครอบครองวิญญาณกระบี่ ข้างกายยังมีจักรพรรดิอสนีดับสูญคอยปกป้อง นี่อยู่นอกเหนือการคาดหมายของทุกคนโดยสิ้นเชิง

ใครเลยจะคาดคิด แค่ต่อกรกับเจ้าตัวจ้อยคนหนึ่งเท่านั้น พวกผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้นยังไม่ทันปรากฏตัว ก็เกิดระคลอกคลื่นผันผวนเช่นนี้ขึ้น

“ที่แท้ผ่านไปหลายปีขนาดนี้ ถึงกับยังมีคนจำข้าได้อยู่”

เงาร่างของจี้เสวียนพร่างพราย อาบชโลมอยู่ท่ามกลางกฎเกณฑ์มรรคอสนีที่โชติช่วงปะทุเดือด กล่าวเสียงเย็น “แต่ที่ข้าคิดไม่ถึงคือ… คนอย่างพวกเจ้ากลับร่วมกันลงมือกับคนรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ไม่รู้สึก… ไร้ยางอายเกินไปหรือไร”

น้ำเสียงเจือแววดูถูกและเหยียดหยามอย่างไม่คิดปกปิด

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์