อ่านสรุป ตอนที่ 2033 ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้น จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 2033 ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้น คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 2033 ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้น
เวิ้งฟ้าเหมือนตกอยู่ในราตรีนิรันดร์
วังวนมหึมานั้นหมุนช้าๆ กลิ่นอายต้องห้ามที่ปลดปล่อยออกมายิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก
ตอนนี้พวกรั่วซู่ จวินหวนก็โคจรพลังของตัวเอง แสงเทพทั้งตัวถักทอ เช่นนี้ถึงสลายกลิ่นอายกดข่มน่ากลัวนั้นไปได้
พวกเขาแต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แววตาต่างแน่วแน่และสงบนิ่ง
วันนี้ พวกเขารอคอยมานานมากแล้ว!
เพียงแต่มาถึงตอนนี้แล้ว พวกเขาไม่ได้คิดจะจากไปแต่อย่างใด ภาพอันผิดปกตินี้ทำให้เหล่าระดับจักรพรรดิที่อยู่ไกลออกไปต่างนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้
เศษเดนของคีรีดวงกมลเหล่านี้ คงไม่ใช่คิดจะชิงชัยกับพลังระเบียบต้องห้ามใช่ไหม
ครืน!
ก็เห็นว่าในส่วนลึกของวังวนมหึมาที่อยู่บนเวิ้งฟ้านั้นมีประกายสีทองเป็นสายๆ รวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็แปลงเป็นเงาร่างสีทองดั่งมายาเป็นที่สุดร่างหนึ่ง
ชั่วพริบตานี้ผู้คนไม่รู้เท่าไรหายใจติดขัด จิตใจสั่นระรัว ราวกับได้เห็นวิญญาณเทพดวงหนึ่งถือกำเนิดขึ้นจากส่วนลึกของวังวน!
กลิ่นอายของเงาร่างสีทองนั้นน่ากลัวยิ่งนัก มือถือทวนศึกที่จำแลงมาจากพลังต้องห้ามเล่มหนึ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายพิสดารไม่เป็นมงคล
“วิญญาณต้องห้าม!”
เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ซุ่มซ่อนในความมืดผู้หนึ่งพึมพำ ในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิยุคบรรพกาล ‘วิญญาณเทพ’ ที่จำแลงมาจากพลังด่านเคราะห์ต้องห้ามนี้ก็เคยปรากฏตัวมาก่อน มีอานุภาพสังหารหาใดเทียบ
ในขณะเดียวกันในใจหลินสวินก็สั่นสะท้านรุนแรง นึกถึงภาพที่อริยสงฆ์ตู้จี้กับนางพญาหงส์ทมิฬถูกฆ่าขึ้นมา ผู้สังหารก็คือเงาร่างสีทองที่ลงมาจากเวิ้งฟ้า!
ก็ในตอนนี้เอง เสียงหนึ่งดังขึ้นจากที่ไกลลิบ
“ศิษย์พี่รั่วซู่ ได้แล้ว”
พอได้ยินเสียงนี้ รั่วซู่ จวินหวน หลี่เสวียนเวยและผู่เจินต่างถอนหายใจโล่งอก พูดอีกอย่างก็คือ สาเหตุที่พวกเขารออยู่ที่นี่ก็เพราะรอเสียงนี้
“ไป”
พวกรั่วซู่พาหลินสวินเคลื่อนตัวไปหาที่ที่เสียงแว่วมาโดยไม่ลังเล
ตูม!
ฟ้าดินโกลาหล ห้วงอากาศสั่นสะเทือนรุนแรงเหมือนมหาสมุทรโถมซัด
การเคลื่อนไหวของพวกรั่วซู่โดนขัดขวางทันที ถูกพลังด่านเคราะห์ต้องห้ามอันน่ากลัวกดข่ม ไม่อาจเคลื่อนที่ได้
สวบ!
ในขณะเดียวกันเงาร่างสีทองนั้นก็กระโจนออกมาจากส่วนลึกของวังวน
กลิ่นอายภัยพิบัติที่ไม่อาจบรรยายได้ก็กระจายออกมาเหมือนพายุโหม ปกคลุมทั้งฟ้าดินแห่งนี้ ทำให้ที่นี่ตกอยู่ในอันตรายและความน่าสะพรึงกลัวครั้งใหญ่
“น่ากลัวยิ่ง!”
ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นศีรษะชาหนึบ หนาวเหน็บทั้งกายใจ ต่างไม่กล้าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า กลัวแต่จะถูกเงาร่างสีทองนั้นหมายหัว
แม้แต่เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเหล่านั้น ขณะนี้ต่างเงียบเชียบเป็นจักจั่นเหมันต์
นี่เป็นวิญญาณต้องห้าม มีพลังสังหารประหนึ่งเดชสวรรค์!
ตูม!
พอเงาร่างสีทองปรากฏขึ้นก็แกว่งทวนยาวทะลวงมาหาพวกรั่วซู่
ชั่วพริบตานี้ก็ประหนึ่งสายฟ้าสีทองฉีกกระชากห้วงเวลานิรันดร์ ความเจิดจ้าและแหลมคมนั่นเต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง
พวกรั่วซู่กลับเหมือนไม่รู้สึกอะไร ไม่แม้แต่จะหันหลังมา ทะยานห่างออกไปไกล แต่การเคลื่อนไหวเชื่องช้าหาใดเทียบ ฟ้าดินแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังต้องห้าม พวกเขาต้องโคจรพลังปราณของตัวเองทั้งหมดถึงสลายมันไปได้
ทว่านี่ก็ทำให้พวกเขาเหมือนเดินอยู่ในบึงโคลน เชื่องช้าถึงที่สุด
เห็นอยู่ว่าเงาร่างสีทองบุกมาแล้ว ก็ในตอนนี้เอง…
สวบ!
ลูกคิดสีทองเจิดจ้ารางหนึ่งพุ่งผ่านอากาศมา
เม็ดลูกคิดแต่ละแถวราวกับหล่อขึ้นจากทองเทพมหามรรค ส่งเสียงดังแซกๆ ในตอนที่ลูกคิดแน่นขนัดกระทบกัน ก็มีพลังกฎเกณฑ์ลึกลับสุดหยั่งสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้น รับทวนยาวของเงาร่างสีทองนั้นไว้พอดี
ปึง!
ทั้งสองปะทะกัน คลื่นพลังส่วนเกินที่กระจายออกมาทำให้ห้วงอากาศแห่งนี้พังทลาย กลายเป็นกระแสยุ่งเหยิงน่ากลัวแผ่ขยาย
ลูกคิดสีทองถูกซัดกระเด็น แต่การโจมตีนี้กลับถูกรับไว้ได้!
เหล่าจักรพรรดิที่ได้เห็นภาพนี้ต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง
วิญญาณต้องห้ามเป็นตัวตนเช่นไร นั่นคือวิญญาณเทพที่แปลงมาจากด่านเคราะห์ การโจมตีของเขาสังหารระดับจักรพรรดิได้สบาย
แต่ตอนนี้กลับถูกลูกคิดรางหนึ่งขวางไว้ได้แล้ว!
ก็เห็นว่าชายไว้หนวดเป็นเลขแปด (八) ดูเหมือนวาณิชผอมบางคนหนึ่งไม่รู้ปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ยื่นมือคว้าลูกคิดสีทองเอาไว้แล้วยิ้มเอ่ยว่า “ศิษย์พี่รั่วซู่ พวกเจ้าไปก่อน เคราะห์นี้ข้ารับเอง”
คำนวณความแปรผันแห่งฟ้าดิน คะเนความยากหยั่งในใจคน
ผู้สืบทอดคนที่แปดของคีรีดวงกมล ปู่ซ่วนจื่อ!
“เทพเศรษฐี ท่านต้องระวังตัวหน่อย”
จวินหวนเบือนหน้าตะโกน
“รีบไปเถอะ”
ระหว่างที่ปู่ซ่วนจื่อโบกมือก็เข้าห้ำหั่นกับวิญญาณต้องห้ามนั้นแล้ว ลูกคิดสีทองเจิดจ้ารางนั้นเหาะเหิน ทอแสงงดงาม ลึกลับสุดหยั่ง
เสียงจวินหวนเจือความรู้สึกเจ็บปวด
พวกเขาเดินหน้าต่อ ไม่ได้หันหลัง
ด้านเหล่าจักรพรรดิกที่ดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ กับพวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ซ่อนอยู่ในที่ลับต่างไม่อาจสงบใจได้แล้ว
พอผู้สืบทอดคีรีดวงกมลสามคนอย่างปู่ซ่วนจื่อ เซิ่นเหยียน ชิงถิงทยอยปรากฏตัว ทำให้พวกเขาตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง
ถ้าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านี้ปรากฏตัวพร้อมกันแต่แรก ในที่นี้ใครจะต้านการสังหารของพวกเขาได้
แค่คิดดูก็พาให้ใจสั่นระรัว!
“สันนิษฐานเช่นนี้ ที่ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลมาคราวนี้ไม่เคยเห็นพวกเราในสายตา พูดอีกอย่างก็คือ ในการประชันหมากคราวนี้ สิ่งเดียวที่พวกเขามองเป็นคู่ต่อสู้ก็คือพลังระเบียบต้องห้ามนั่น!”
เฒ่าดึกดำบรรพ์บางส่วนรู้สึกขมขื่น
ความจริงข้อนี้ทำให้จิตใจพวกเขากระทบกระเทือน
คู่ต่อสู้ที่พวกเขามองเป็นศัตรู กลับไม่เคยเห็นพวกเขาอยู่ในสายตาสักนิด ความรู้สึกที่ถูกเพิกเฉยเช่นนี้พวกเขาไม่ได้สัมผัสมานานมากๆ แล้ว
ในขณะเดียวกันพลังที่คีรีดวงกมลสำแดงออกมาก็แข็งแกร่งนัก ทำให้พวกเราต่างใจสะท้านเช่นกัน
ใครจะคิดว่าเศษเดนคีรีดวงกมลที่ถูกพวกเขาดูถูกว่าเป็น ‘วิญญาณเร่ร่อน’ เหล่านี้ ทันทีที่รวมพลขึ้นมาจะมีพลานุภาพน่าครั่นคร้ามเช่นนี้
ดังเช่นตอนนี้ ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลแต่ละคนถึงขั้นสามารถต้านการจู่โจมของวิญญาณต้องห้ามตรงๆ ได้ สิ่งนี้ช่างราวกับฝัน น่าเหลือเชื่อเกินไป!
ตูม!
ท้องฟ้าปรวนแปรรุนแรง ยิ่งดำมืดและปั่นป่วนยิ่งขึ้น ในวังวนมหึมาที่หมุนวนครั่นครืนนั้น กลิ่นอายพลังระเบียบต้องห้ามยิ่งน่าสะพรึงกลัว
มีเงาร่างสีทองร่างแล้วร่างเล่าบุกโจมตีออกมาอย่างต่อเนื่อง ถืออาวุธสังหารที่แปลงจากพลังระเบียบต้องห้ามนานาชนิด หมายจะสกัดไม่ให้พวกรั่วซู่จากไป
แต่เมื่อวิญญาณต้องห้ามแต่ละร่างปรากฏขึ้น ก็จะมีผู้สืบทอดคีรีดวงกมลปรากฏตัว สำแดงความสง่างามและฝีมือที่เรียกได้ว่าหายากในโลกเข้าต้านทาน
ราวกับพวกเขาคาดไว้นานแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้!
ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้นมี ‘เฉิงอวี๋’ ลำดับสิบหก งดงามตามธรรมชาติ อ่อนหวานน่าดึงดูด ประหนึ่งเด็กสาวในห้องหอ
มี ‘จิ่งจงเยวี่ย’ ลำดับที่ยี่สิบ คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มผิวสีทองแดง แข็งแกร่งกำยำผู้หนึ่ง แบกถุงธนูไว้ที่หลัง ครอบครองคันธนูกระดูกสัตว์ หว่างคิ้วเจือไอพิฆาต ตามที่จวินหวนพูด ยามยังเยาว์ศิษย์พี่จิ่งจงเยวี่ยเป็นพราน…
นอกจากเฉิงอวี๋ จิ่งจงเยวี่ย ยังมีศิษย์พี่ ‘หลันชางเจี่ย’ ลำดับที่ยี่สิบสอง ศิษย์พี่ ‘หลิวเซียงฉือ’ ลำดับที่ยี่สิบห้า…
แต่ละคนต่างมีพลานุภาพสะท้านกาลนิรันดร์ ทันทีที่ปรากฏตัว ความน่ากลัวของฝีมือที่สำแดงออกมาทำเอาหลินสวินยังอุทานไม่ขาดปาก
เขายังสงสัยอย่างห้ามไม่อยู่ว่าในการประชันหมากคราวนี้ มีศิษย์พี่กี่คนกันแน่ที่มาถึงที่นี่ก่อนแล้ว
และด้วยการขัดขวางของผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านี้ พวกรั่วซู่จึงพาหลินสวินเดินหน้าไปได้อย่างปลอดภัย ไม่ประสบความยุ่งยากอะไร
แต่ยังไม่ทันให้หลินสวินได้ถอนใจโล่งออก จู่ๆ รั่วซู่ที่นำทางอยู่ข้างหน้าก็หยุดเดิน
……………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์